posttoday

“อริยะ ก่อเกียรติเสถียร” พลิกโรงแรมรุ่นพ่อ ปั้นแลนด์มาร์คเขาใหญ่ระดับโลก

31 ตุลาคม 2568

“ลามายา & ลาโค่ กรุ๊ป” ชู “Destination Marketing” 4 ปี รายได้แตะ 400 ล้านบาท ปั้นแลนด์มาร์ค “เขาใหญ่-กรุงเทพ” เปิดแผน 5 ปี ขยายแบรนด์สู่ 4 ภาค เล็งสร้าง “สวนสนุก-โชว์ระดับโลก”

KEY

POINTS

  • พลิกโฉมโรงแรมรุ่นพ่อสู่ “ลาโค่ เขาใหญ่” ด้วยกลยุทธ์ Destination Marketing สร้างไวรัลและจุดขายใหม่ที่แตกต่าง
  • ปั้น “ลามายา & ลาโค่ กรุ๊ป” แลนด์มาร์คดังแห่งเขาใหญ่-กรุงเทพฯ 4 ปี รายได้แตะ 400 ล้านบาท
  • สร้างประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใคร ด้วยคอนเซ็ปต์ชนเผ่าและโชว์ระดับโลก ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งไทยและต่างชาติ
  • เปิดแผน 5 ปี ต่อยอดความสำเร็จ ขยายแบรนด์สู่ 4 ภาคทั่วไทย เล็งสร้างสวนสนุกและโชว์ระดับโลก

“ลามายา กรุ๊ป” และ “ลาโค่ กรุ๊ป” เจ้าของเชน hospitality และธุรกิจเอฟแอนด์บีชื่อดังแห่งเขาใหญ่และกรุงเทพฯ ผู้ปลุกปั้นธุรกิจด้วยกลยุทธ์ “Destination Marketing” สร้างจุดขายแลนด์มาร์ค แหล่งท่องเที่ยวดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทยและต่างชาติให้มาเที่ยวได้ตลอดปี จนประสบความสำเร็จผงาดโต ต่อเนื่อง รายได้เติบโตกว่า 300 % ภายในเวลาเพียง 4 ปี รายได้พุ่งแตะ 400 ล้านบาท 

ธุรกิจโรงแรมและร้านอาหารในปัจจุบันทั้ง 9 แบรนด์ ได้แก่ เครือโรงแรมและร้านอาหารลาโค่ เขาใหญ่ ( Lacol Khaoyai) ที่มีบริการครบครันทั้ง ฮิลไซด์ เรสซิเดนซ์ เขาใหญ่ วาริน เวลเนส แอนด์ ออนเซ็น เขาใหญ่ และร้านอาหารมีเอกลักษณ์สไตล์ บาหลี-ซาฟารีชนเผ่า “ลามายา เขาใหญ่” (Lamaya Khaoyai) ร้านอาหารไทยระลึก เขาใหญ่ ร้านข้าวมันไก่จิตรลดา รวมถึงร้านซาฟารี มัทฉะ บาร์ เขาใหญ่ 

“อริยะ ก่อเกียรติเสถียร” พลิกโรงแรมรุ่นพ่อ ปั้นแลนด์มาร์คเขาใหญ่ระดับโลก

ลาโค่ เขาใหญ่

ขณะที่ ลามายา แบงคอก และลาโค่ แบงคอก ยึดทำเลสุดไพรม์กลางกรุงย่านสุขุมวิท สร้างชื่อเป็นเดสทิเนชั่นยอดนิยมท็อปลิสต์สำหรับกลุ่มนักท่องเที่ยวต่างชาติและชาวไทย Gen z-y และกลุ่มคู่รัก เล็งสร้างคอมมิวนิตี้ สเปซรวมร้านอาหารในเครือที่กรุงเทพฯ พร้อมตั้งเป้าเปิดสวนสนุก-เฟสติวัล-โชว์ระดับโลก รุกขยายแบรนด์ลาโค่ บูทีค โฮเทล และลา มายา สู่จังหวัดหัวเมืองใหญ่ 4 ภาคของไทย ภายในระยะเวลา 5 ปี

“อริยะ ก่อเกียรติเสถียร” พลิกโรงแรมรุ่นพ่อ ปั้นแลนด์มาร์คเขาใหญ่ระดับโลก

ลามายา กทม.

เริ่มรีแบรนด์โรงแรมรุ่นพ่อด้วย Lacol Cinema

อริยะ ก่อเกียรติเสถียร วัย 34 ผู้ก่อตั้งและกรรมการผู้จัดการลามายา กรุ๊ปและลาโค่ กรุ๊ป เผยว่า เดิมมีประสบการณ์ในการทำงานด้านออแกไนเซอร์และโปรโมเตอร์งานอีเวนท์ เฟสติวัลคอนเสิร์ตมาตั้งแต่สมัยยังเรียนวิทยาลัยดุสิตธานี (เรียนด้านเชฟ) ควบคู่ไปกับการช่วยธุรกิจครอบครัว

กระทั่งได้เข้ามารับช่วงต่อธุรกิจโรงแรมของครอบครัวอย่างเต็มตัวร่วมกับพี่ชาย ได้ทำการรีแบรนด์โรงแรมรุ่นพ่อเดิมที่เขาใหญ่ โรแมนติก รีสอร์ท แอนด์ สปา ซึ่งเป็นโรงแรมสไตล์ฟังก์ชั่นสำหรับองค์กร เน้นจัดการประชุมสัมมนา ให้เป็นชื่อ ลาโค่ เขาใหญ่ ซึ่งเป็นการเล่นคำอ่านกลับหลังมาจากคำว่า โลโค่ จากชื่อ จะสื่อสารถึงการเป็นโลโค่ในแต่ละพื้นที่ที่จะเปิดให้บริการ

ลาโค่ ในที่นี้ หมายถึง สื่อถึงทั้งวัฒนธรรมที่มีเอกลักษณ์ของจังหวัดนั่นๆ และภาษาการสื่อสาร โดยได้เข้ามาสร้างแบรนด์ใหม่และเปลี่ยนฐานลูกค้าใหม่ทั้งหมดในปี 2565 ทำหน้าที่ในการบริหาร ดูแลแบรนดิ้งและทำ R&D เองด้วย

เราเริ่มโปรโมทสถานที่ให้เป็นที่รู้จักจากการทำลานชมภาพยนตร์แบบเอาท์ดอร์ชื่อ Lacol Cinema จนกลายเป็นไวรัลตั้งแต่แรกเปิดให้บริการ คนเริ่มจำได้

จากนั้น จึงครีเอทไอคอนนิก สปอทให้ร้านอาหารของโรงแรม ลาโค่ เขาใหญ่ ให้เป็นโดม เพราะมองเห็นช่องว่างธุรกิจ เราอยู่เขาใหญ่ เรารู้ว่า ที่นี่ยังไม่มีอะไรเลย คนมาล้นจนเกิดการ turn over จากเดิมที่เขาใหญ่ในช่วงก่อนโควิด มีโรงแรมเกิดเยอะ มีกระแสคาเฟ่ ฮอปปิ้ง เกิดขึ้นเยอะ 

ดังนั้นจึงต้องการสร้าง Destination Space ที่เขาใหญ่ ที่ไม่อิงกับซีซั่น มีสปา มีโรงแรม มีที่พักให้เลือกที่ตอบโจทย์กลุ่ม Gen z และ y กลุ่มคู่รัก ครอบครัว ทำให้ตั้งแต่รีแบรนด์ รายได้เข้ามาถึงเดือนละ 10 ล้านบาท รายได้เติบโตกว่า 300% และ ร้านลาโค่ กลายเป็นหนึ่งในเดสทิเนชั่นยอดฮิตติดอันดับที่คู่รักมาขอแต่งงานมากที่สุด มีคู่รักเดินทางมาจากทั่วโลกเพื่อจองคิวที่ร้าน ซึ่งมีบริการช่างภาพถ่ายรูปแบบไพรเวทเพื่อมอบประสบการณ์ดีๆ ให้แก่ลูกค้าตลอดช่วงเวลาสำคัญ ด้วย

เรามองว่าโควิดคือโอกาส ในขณะที่ทุกคนบอกว่าไม่ดี แต่กลายเป็นสิ่งที่ดีสำหรับเรา เรามีเวลารีแบรนด์แบบไม่เสียค่าการตลาด คนโหยหาการดูหนัง เราทำลานดูหนัง คนตอบรับ และพอหลังโควิด คนอั้นใช้จ่าย ท่องเที่ยว ก็ยิ่งทำให้ธุรกิจโตแบบก้าวกระโดด

จากโรงแรมสู่ร้านอาหาร ต้องมีเสน่ห์เฉพาะตัว

นอกจากการปั้นแบรนด์ ลาโค่ จนประสบความสำเร็จแล้ว แบรนด์ร้านอาหารลามายา ยังกลายเป็นอีกหนึ่งหมุดหมายชื่อดัง ที่มอบประสบการณ์แปลกใหม่ไม่ซ้ำใครทั้งกลางวันและกลางคืน ด้วยเสน่ห์เฉพาะตัวของคอนเซปท์ร้านแบบชนเผ่าที่ตกแต่ง Tribal Zone นำเสนอเมนูอาหารฟิวชั่นแบบ Farm to Table ตลอดจนมีโชว์แสงสีเสียงสร้างความตื่นตาในรูปแบบ World Class Lighting Show และ Jungle Sky Bar (สาขากรุงเทพ) ทำให้หลังจากเปิดให้บริการได้เพียง 3 ปี ลามายา ก็สามารถผงาดขึ้นครองใจ เป็นเดสทิเนชั่นใหม่ หนึ่งในบัคเก็ตลิสต์ดึงดูดนักท่องเที่ยว

“อริยะ ก่อเกียรติเสถียร” พลิกโรงแรมรุ่นพ่อ ปั้นแลนด์มาร์คเขาใหญ่ระดับโลก ลามายา

อริยะ กล่าวว่า ร้านลามายา มองว่าลูกค้าจะเป็นใครตั้งแต่ต้น เป็นกลุ่มคู่รัก ครอบครัว และรองรับกลุ่มต่างชาติ จึงนำเสนอออกมาเป็นชนเผ่า นำอะไรที่เล่าได้ไม่เบื่อ ให้ลูกค้าเสพในความหลากหลายได้ รวมถึงนำความรู้จากการเป็นโปรโมเตอร์คอนเสิร์ตมาครีเอทร้าน ทำในสิ่งที่แตกต่าง มีเราทำเจ้าเดียว เราสามารถขยายธุรกิจให้รับกับสถานที่ เนื่องด้วยปกติ กลุ่มต่างชาติ อาจจะไม่เข้าเขาใหญ่ ก็สามารถโปรโมทแบรนดิ้งของร้านให้เป็นจุดขายของเขาใหญ่ได้ เน้นย้ำความเป็นเดสทิเนชั่นของเครือลาโค่และลามายา 

สเกลในการทำร้านลามายา เทียบเท่ากับการทำร้านอาหารถึง 10 ร้าน เป็นร้านขนาดใหญ่ที่รองรับลูกค้ายืนได้ถึง 2,000 คน นั่ง 500 คน เขาเปิดที่เขาใหญ่ เดือน พ.ย. 2563 และเปิดที่กรุงเทพฯเดือน พย. 2564 ซึ่งสาขานี้ให้บริการตั้งแต่อาฟเตอร์นูน ที ในช่วงบ่ายไปจนถึงไลฟ์ แจ๊ซ แบนด์  exclusive club จากดีเจ Lamaya fire show , Lamaya mapping show ซึ่งเป็นซิกเนเจอร์ของลามายาที่รู๊ฟ ท็อป บาร์

หลักในการทำธุรกิจ คือ มอบประสบการณ์ที่หาไม่ได้ที่ไหน โชว์ที่กทม.กับเขาใหญ่ก็จะไม่เหมือนกัน เป็น Journey experience ที่เข้ามาแล้วคนได้ผจญภัย ด้วยธีมของร้าน vibes ที่เปรียบเทียบไม่ได้

ทำให้ร้านลามายา รองรับในแต่ละเวลา อาหาร การบริการ  โชว์ คอนเซปท์ด้านนอกร้านเล่นดีเจอยู่ แต่ข้างในร้านเป็นดนตรีแจ๊ซ ถ้าร้านสาขาที่เขาใหญ่ จะทำ bundle ได้กับทุกร้านในเครือโรงแรมลาโค่ สามารถนำมาเป็นส่วนลดได้ 10%

อริยะ มองว่า ลามายา สามารถต่อยอดได้หลายเรื่อง โดยเขาตั้งเป้าเป็นหนึ่งในผู้สร้าง destination experience ของแวดวง F&B ในไทย และคาดว่าจะเปิดลามายา เพิ่มอีก 1-2 สาขา ที่ จ.เชียงใหม่และภูเก็ต เพราะอยากให้แบรนด์เป็น global brand 

5 ปี ขยายครบทุกภาค เป็นหนึ่งฟันเฟืองขับเคลื่อนภาคท่องเที่ยว

สำหรับแผนขยายธุรกิจในอนาคตของเครือลามายา และลาโค่นั้น อริยะ ตั้งเป้าว่า ภายใน 5 ปี จะเป็นหนึ่งในฟันเฟืองที่จะช่วยขับเคลื่อนภาคการท่องเที่ยวของไทยได้ โดยจะนำแบรนด์โรงแรมลาโค่ไปเปิดเป็นบูทีค โฮเทลตามจังหวัดหัวเมืองในไทย รวมถึงร้านอาหารลาโค่ด้วย เตรียมเปิดเพิ่มอีก 4 สาขา ที่จ.เชียงใหม่ ภูเก็ต ชลบุรี (พัทยา) 

“อริยะ ก่อเกียรติเสถียร” พลิกโรงแรมรุ่นพ่อ ปั้นแลนด์มาร์คเขาใหญ่ระดับโลก

อีกทั้งกำลังจะทำธีม พาร์คขนาดใหญ่ พื้นที่ 22 ไร่ที่เขาใหญ่พร้อมกับตั้งใจที่จะยกระดับการจัดงานช่วงเทศกาลที่เขาใหญ่ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ ในลักษณะที่รวมผู้ประกอบการในพื้นที่ทั้งหมด รวมถึงเตรียมจะสร้างสรรค์โชว์ระดับโลก โดยฝีมือคนไทยขึ้นในจังหวัดแม่ 4 จังหวัดในแต่ละภาค

ในส่วนของธุรกิจร้านอาหาร อริยะ กำลังศึกษาที่จะแตกไลน์ F&B ให้มีมาตรฐานมากขึ้น ที่ผ่านมา ร้านอาหารในเครือของเขาที่เขาใหญ่ได้รับการจัดอันดับเรตติ้งมากที่สุดในเขาใหญ่สูงสุดทุกร้าน ในระดับ 4.8 ขึ้นไปทั้งหมด (จาก 5) ของ google review และเขาเตรียมจะขยายแบรนด์ที่เขาใหญ่ มากทม. ทั้งแบรนด์ ซาฟารี มัทฉะ ร้านข้าวมันไก่จิตรลดาที่กำลังจะเปิดอีก 3-4 สาขา รวมถึงทำ cloud kitchen ด้วย ส่วนร้านอาหารไทย แบรนด์ ระลึก กำลังจะเปิดในกรุงเทพ เร็วๆนี้ ในย่านบางนา ซึ่งจะมีคอมมิวนิตี้ สเปซของเครือเขาเอง

“อริยะ ก่อเกียรติเสถียร” พลิกโรงแรมรุ่นพ่อ ปั้นแลนด์มาร์คเขาใหญ่ระดับโลก

แบรนด์ ซาฟารี มัทฉะ

อริยะ กล่าวทิ้งท้ายว่า แม้ว่าในปีนี้รายได้จะยังคงเท่ากับปีที่ผ่านมาด้วยภาวะเศรษฐกิจซึมมานาน รวมถึงร้านที่เปิดใหม่ ลามายา กทม. ได้เพียง 9 เดือน ประสบปัญหาจากสถานการณ์แผ่นดินไหว และนักท่องเที่ยวหายจากความไม่มั่นใจความปลอดภัยของไทย และคาดว่าจะซึมไปอีก 2-3 ปี แต่เขามั่นใจว่าด้วยแผนกลยุทธ์แบบ Destination Marketing จะพาบริษัทเติบโต 30% ในปี 2569 ได้อย่างแน่นอน

ข่าวล่าสุด

Alex Dilling at Lord Jim's เปิดตัวเมนูฤดูหนาวสุดหรู สัมผัสศิลปะครัวยุโรป