posttoday

“สุกี้ตี๋น้อย” รายได้แตะหมื่นล้าน ยังห่างไกลความสำเร็จ ต้องพัฒนาอีกเยอะ

29 ตุลาคม 2568

นัทธมน พิศาลกิจวนิช เปิดใจเส้นทาง 8 ปี “สุกี้ตี๋น้อย” ขยายแล้ว 90 สาขา ลุยขยายครบทั่วประเทศ คาดรายได้ปีนี้เกิน 9,000 ล้าน

KEY

POINTS

  • นัทธมน พิศาลกิจวนิช เปิดใจเส้นทาง 8 ปี “สุกี้ตี๋น้อย” เปิด 90 สาขา
  • ปีหน้าลุยภาคใต้ ขยายสาขาครบทั่วประเทศ คาดยอดขายปีนี้แตะ 9,000 ล้าน
  • เผยยังห่างไกลความสำเร็จ มีหลายอย่างต้องพัฒนาให้เก่งขึ้น ไม่ได้ทำธุรกิจเพื่อตัวเองเหมือนเดิม แต่ต้องดูแลพนักงาน 9,000 ชีวิต

“สุกี้ตี๋น้อย” ร้านบุฟเฟต์ขวัญใจคนไทย เดินทางมาถึงปีที่ 8 แล้ว จากจุดเริ่มต้นของ นัทธมน พิศาลกิจวนิช ผู้ก่อตั้งที่เริ่มต้นเพราะ “รักในอาหาร” และอยากมี “อิสระทางการเงิน” ให้กับตัวเอง ธุรกิจบุฟเฟต์จึงถือกำเนิดขึ้นจากความตั้งใจเล็ก ๆ

 

แต่เมื่อเวลาผ่านไป จากร้านที่สร้างขึ้นเพื่อตัวเองเพียงคนเดียว กลับเติบโตอย่างก้าวกระโดด มีสาขากว่า 90 แห่งทั่วประเทศและมีพนักงานมากกว่า 9,000 คน ที่ร่วมขับเคลื่อนอยู่เบื้องหลัง จนวันนี้ เธอมองว่า การทำธุรกิจไม่ใช่เพียงเพื่อตัวเองอีกต่อไป แต่เป็นภารกิจเพื่อความมั่นคงและการเติบโตของทั้งองค์กร

 

นัทธมน เปิดใจในงาน BITKUB SUMMIT 2025 ว่า ย้อนกลับไปเมื่อ 8 ปีก่อน ตลาดสุกี้ยังไม่คึกคักเหมือนปัจจุบัน เราเห็นช่องว่างของโอกาสสำหรับบุฟเฟต์สุกี้ราคา 199 บาท ซึ่งในขณะนั้นยังไม่มีแบรนด์ใหญ่ที่ให้บริการในราคานี้เลย ร้านที่มีอยู่จะเป็นร้านท้องถิ่น (local) ทั่วไป ทำให้ลูกค้าอาจมีความกังขาเรื่องคุณภาพ หรือขาดความสะดวกสบาย เช่น ที่จอดรถ และการบริการที่เป็นแบบบริการตนเอง (self-service) หรือแม้แต่การทานสุกี้ในห้างสรรพสินค้าก็มีราคาสูง และต้องเป็นโอกาสพิเศษ

 

ดังนั้นสุกี้ตี๋น้อยจึงเกิดขึ้นเพื่อเติมเต็มช่องว่างในตลาด และสามารถสเกลได้ โดยเลือกราคาที่เข้าถึงง่าย ซึ่งเรามองว่าราคา 199 บาท มันตอบโจทย์ เพื่อให้ผู้บริโภคไม่ต้องคิดมากและสามารถใช้บริการได้โดยไม่ต้องรอโอกาสพิเศษ ด้วยราคาเท่านี้ ยังได้เพิ่มรายการอาหาร เช่น เนื้อวัวและอาหารทะเลเข้าไป ซึ่งปกติไม่มีใครทำ เราแค่หาช่องว่างแล้วเอามาทำ 

 

90 สาขาโตกว่าที่คิด

ถึงวันนี้ นัทธมน บอกว่า ไม่เคยคาดคิดมาก่อนว่าแบรนด์จะเติบโตมาถึงจุดนี้ ปัจจุบันมีแล้วกว่า 90 สาขาทั่วประเทศ ทุกครั้งที่เปิดสาขาใหม่แล้วลูกค้าให้การตอบรับดีมันคือความรู้สึกที่เติมเต็มมากกว่าความพอใจ

 

“เราไม่ได้อยากเป็นแค่เจ้าของร้านอาหาร แต่อยากเป็นคนทำธุรกิจที่มันโตได้ ตอนเริ่มวันแรกอาจจะเป็นเกมส่วนตัว (Personal game) แต่ตอนนี้ไม่ใช่แล้ว เพราะเรามีพนักงานกว่า 9,000 คน เราจะหยุดโตไม่ได้ เพราะเรามีหน้าที่ต้องดูแลทุกคน เพื่อความมั่นคงของบริษัท”

 

คาดยอดขายปีนี้ 9,000 ล้าน

ปีที่ผ่านมาสุกี้ตี๋น้อย ทำยอดขายได้กว่า 7,000 ล้านบาท และปีนี้คาดว่าจะเกิน 9,000 ล้านบาท ซึ่งสำหรับนัทธมน ถือเป็นผลลัพธ์ที่มากเกินกว่าความพอใจ โดยเฉพาะเมื่อมองย้อนกลับไปว่าเธอใช้เวลา 8 ปี และตอนนี้อายุเพียง 33 ปีเท่านั้น แต่ในความสำเร็จ นัทธมน ยังคงมองเห็นสิ่งที่ต้องพัฒนาอีกมาก

“สุกี้ตี๋น้อย” รายได้แตะหมื่นล้าน ยังห่างไกลความสำเร็จ ต้องพัฒนาอีกเยอะ

“เรายังตอบไม่ได้ว่าบริษัทจะไปได้ไกลแค่ไหน หรืออยู่ได้ยั่งยืนแค่ไหน เพราะมันไม่ได้ขึ้นอยู่กับแค่หน้าร้านหรือการขายสุกี้ แต่รวมถึงระบบหลังบ้านทั้งหมด (Back Office) ด้วย เรารู้สึกว่ายังห่างไกลจากคำว่าความสำเร็จ ยังไม่เก่ง ยังมีอีกหลายอย่างต้องเรียนรู้และพัฒนา เราภูมิใจได้ในระดับหนึ่ง แต่รู้ดีว่ายังไปได้อีกไกล เราอยู่เฉยไม่ได้ ต้องเรียนรู้ตลอดเวลา”

 

นัทธมน กล่าวต่อว่า บริษัทโตขึ้นเรื่อย ๆ เราก็ต้องโตขึ้นตาม จุดเริ่มต้นของเราตอนแรกชอบอาหาร อยากมีอิสระทางการเงิน ใช้จ่าย แต่พอถึงทุกวันนี้มันมากกว่านั้นแล้ว เรามองหาความมั่นคง เราจะส่งต่อธุรกิจนี้ให้กับลูกได้ไหม เราต้องสร้างฟาวเดชั่นให้แข็งแรง และทำให้แบรนด์ของเราไม่ใช่แค่อาหาร เราเชื่อว่ายังไปได้อีกไกล ตัวเราเองต้องอินกับสแตนดาร์ดของบริษัทได้ไหม เรามีโครงสร้างที่พร้อมจะหนุนการเติบโตหรือยัง ยังมีหลายอย่างที่ยังไม่พอใจ ยังไม่สำเร็จ เรายังต้องพัฒนาและเก่งขึ้นไปอีก

 

แผนเติบโตในอนาคต 

สำหรับแผนในอนาคต เธอบอกว่า เป้าหมายคือการขยายสาขาให้ครบทุกจังหวัดในประเทศไทย ปัจจุบันมีการขยายไปหลายจังหวัดในภาคอีสานแล้ว (อุดร, ขอนแก่น, หนองคาย, มหาสารคาม) รวมถึงเชียงใหม่ ปีหน้าจะไปภาคใต้อย่างแน่นอน

 

ไม่ถนัด AI เทคโนโลยี แต่ต้องปรับตัว

ทั้งนี้เธอยังได้แชร์เรื่องราวการใช้เทคโนโลยีและ AI ในองค์กร โดยในส่วนของการบริการหน้าร้าน ธุรกิจร้านอาหารยังคงต้องใช้แรงงาน (labor) เป็นหลัก เพราะงานบริการและการดูแลลูกค้าไม่สามารถถูกแทนที่ด้วยหุ่นยนต์ได้ อย่างไรก็ตามสุกี้ตี๋น้อยก็มีการใช้หุ่นยนต์เสิร์ฟอาหารอยู่บ้าง แต่สุดท้ายคนคือหัวใจสำคัญของการบริการ 

 

การประยุกต์ใช้ AI และเทคโนโลยีในส่วนหลังบ้าน สุกี้ตี๋น้อยใช้ AI Camera ในระบบหลังบ้าน เพื่อช่วยนับจำนวนลูกค้าและนำไปเทียบกับระบบ POS หากตัวเลขไม่ตรงกันจะมีสัญญาณเตือน (alarn) เพื่อป้องกันความเสี่ยงด้านการทุจริต (Ford/Fraud)

 

เนื่องจากบริษัทขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะปีหน้าที่จะเปิดอีกมาก จึงไม่สามารถจ้างพนักงานหลังบ้าน 1 คนต่อ 1 สาขาได้ ดังนั้นจึงต้องนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำงานหลังบ้านมากขึ้น การใช้เทคโนโลยีไม่ได้มีเป้าหมายเพื่อควบคุมต้นทุนเสมอไป เพราะการจ้างคนในประเทศไทยอาจถูกกว่าด้วยซ้ำ แต่จุดมุ่งหมายคือการเพิ่ม ประสิทธิภาพ (efficiency) โดยเฉพาะในงานที่เป็นงานประจำเช่น การรับสินค้า การซื้อของ เพราะบริษัทมีการซื้ออาหารจำนวนมากต่อวัน

 

อย่างไรก็ตาม พนักงานหลังบ้านต้องเรียนรู้และปรับตัว (adapt) กับเทคโนโลยีและใช้ AI ให้เป็นประโยชน์ เทคโนโลยีเข้ามาเสริมกองทัพของบริษัทให้แข็งแรงขึ้นและช่วยให้การขยายสาขาเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น

 

ทุกธุรกิจมีปัญหาหมด อย่าเอาความสำเร็จไปเทียบกับใคร

สุดท้ายแล้ว นัทธมน บอกว่าการทำธุรกิจมันมีปัญหา ไม่ว่าจะทำเล็กหรือขนาดใหญ่ทุกที่มีปัญหาหมด แต่เราต้องมีเป้าหมายในชีวิตว่าเราทำไปเพื่ออะไร เรามองเป้าหมายเป็นหลัก ว่าเราต้องถึงจุดนั้นให้ได้ ดังนั้นปัญหาที่มา เราไม่เคยยอมแพ้ เพราะถ้าเราชัดเจนว่าเรากำลังทำอะไร เพื่ออะไร เราจะสามารถแก้ไขปัญหาได้ทุกอย่าง ดังนั้น เป้าหมายเราชัดเจน ความสำเร็จเราไม่ต้องเทียบใคร เรามีความสุขก็จบแล้ว 

 

ข่าวล่าสุด

กัมพูชาเปิดฉากยิงช่องอานม้า ฝ่ายไทยสูญเสีย ยังปะทะเดือด