posttoday

MizuMi กันแดด 2,000 ล้าน ปักธงลุยตลาดเวียดนามดันเป้าโต 30%

01 กรกฎาคม 2568

10 ปีจากเด็กทุนคิง สู่เจ้าของแบรนด์กันแดดพันล้าน "วริษฐา สืบพันธ์วงศ์" แบรนด์ MizuMi รายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท โตดับเบิลทุกปี พร้อมบุกตลาดเวียดนาม

KEY

POINTS

  • จากเด็กทุนคิง สู่เจ้าของแบรนด์กันแดดพันล้าน "วริษฐา สืบพันธ์วงศ์" หนึ่งในผู้ก่อตั้ง MizuMi
  • สกินแคร์ เมคอัพ แบรนด์ไทย โตดับเบิลทุกปี รายได้ทะลุ 2,000 ล้านบาท พร้อมบุกตลาดเวียดนาม
  • เชื่อมั่นปีนี้คือจังหวะสำคัญ Thai Beauty คนไทยเริ่มภูมิใจใช้แบรนด์ไทยมากขึ้น

ย้อนกลับไปเมื่อ 10 ปีก่อน แบรนด์ “MizuMi” หรือ “มิซึมิ” อาจเป็นเพียงชื่อเล็ก ๆ ที่ยังไม่คุ้นหูใครนักในตลาดความงามของไทย ด้วยงบประมาณจำกัดและทีมเล็ก ๆ ที่เริ่มต้นจากศูนย์ แต่วันนี้ MizuMi กลายเป็นหนึ่งในผู้นำตลาดครีมกันแดดของแบรนด์ไทย ที่สร้างรายได้สูงถึง 2,000 ล้านบาทในปีที่ผ่านมา และกำลังเดินหน้าขยายไปยังตลาดต่างประเทศ โดยเฉพาะเวียดนาม 

 

ไม่มีใครคาดคิดว่า หญิงสาวที่เคยเป็นที่ปรึกษาธุรกิจให้กับบริษัทชั้นนำของโลก จะกลายมาเป็นเจ้าของแบรนด์กันแดดพันล้าน 
 

จากเด็กทุนคิง สู่เจ้าของแบรนด์พันล้าน

 

เรื่องราวของ “หนุย-วริษฐา สืบพันธ์วงศ์” ที่เลือกเดินออกจากสูตรสำเร็จ เพื่อสร้างแบรนด์กันแดดที่ครองใจคนไทย

 

หากวัดจากโปรไฟล์บนกระดาษ “หนุย-วริษฐา” คือเด็กหัวกะทิที่มีเส้นทางชีวิตราบเรียบและมั่นคง เธอเรียนจบมัธยมปลายจากโรงเรียนเตรียมอุดมศึกษา ก่อนคว้าทุนเล่าเรียนหลวง หรือ “ทุนคิง” ไปศึกษาต่อระดับปริญญาตรีด้านเศรษฐศาสตร์ที่ Stanford University มหาวิทยาลัยระดับโลกที่คนส่วนใหญ่มีไว้ในฝัน

 

หลังจบการศึกษา หนุยกลับมารับงานในตำแหน่ง Business Consultant ที่ Deloitte ประเทศไทย หนึ่งใน Big 4 ของวงการคอนซัลท์ งานที่ได้วิเคราะห์กลยุทธ์ให้กับบริษัทระดับประเทศ แต่หลังจากคลุกคลีกับโลกของคอนซัลท์มาสักพัก เธอกลับตั้งคำถามว่า

 

“ทำไมเราต้องเป็นคนวางแผนให้คนอื่นตลอด

ในเมื่อเรายังไม่เคยสร้างอะไรของตัวเองเลย?”

 

คำถามนั้นฝังอยู่ในใจ และผลักให้เธอลองขยับไปทำงานสาย FMCG ในบริษัทระดับโลก เพื่อเรียนรู้การทำธุรกิจจริง ทว่ากลับพบว่าโครงสร้างบริษัทใหญ่เต็มไปด้วยกฎและกรอบจนไม่อิสระพอให้ลองผิดลองถูก จนในที่สุด หนุยตัดสินใจครั้งสำคัญ ลาออกจากงานประจำเพื่อเริ่มต้นธุรกิจของตัวเอง

 

อยากมีกันแดดดีๆ สักหลอด

 

แรงบันดาลใจเริ่มต้นจากเรื่องใกล้ตัว เธออยากได้กันแดดดี ๆ สักหลอดที่เหมาะกับผิวแพ้ง่าย ไม่เหนียว ไม่ขาวลอย และใช้แล้วสบายผิว แต่กลับหาสินค้าแบบนั้นไม่ได้ในตลาดเมืองไทย หนุยและพาร์ตเนอร์อีก 3 คนจึงลงมือวิจัยและพัฒนาสูตรร่วมกับผู้เชี่ยวชาญจากญี่ปุ่น ใช้เวลาถึง 2 ปี กว่ากันแดด “สูตรแรก” จะสมบูรณ์

 

จากวันนั้น “MizuMi” ได้ฤกษ์เปิดตัวกันแดดหลอดฟ้าในปี 2558 เธอกับทีมพากันตระเวนเปิดแผงตามตลาดนัดออฟฟิศและห้างสรรพสินค้า แนะนำลูกค้าทีละคนด้วยตัวเองราวกับเป็นพนักงาน BA มือหนึ่ง พร้อมกับส่งผลิตภัณฑ์ให้บิวตี้บล็อกเกอร์ทดลองใช้ จนเกิดเสียงบอกต่อแบบปากต่อปาก

 

MizuMi กันแดด 2,000 ล้าน ปักธงลุยตลาดเวียดนามดันเป้าโต 30%

 

เมื่อแบรนด์เริ่มเป็นที่รู้จัก จุดเปลี่ยนก็เกิดขึ้น


MizuMi ได้เข้าไปอยู่บนเชลฟ์ของ “วัตสัน” และ “7-Eleven” ทำให้ลูกค้าเข้าถึงได้ง่ายขึ้น โดยเฉพาะครีมซองในเซเว่นที่เปลี่ยนให้แบรนด์เล็ก ๆ กลายเป็นแบรนด์แมสในชั่วพริบตา รายได้แตะหลักร้อยล้านอย่างรวดเร็ว 

 

แม้จะใช้เวลาในช่วง 5 ปีแรกกับการวางรากฐานอย่างเงียบ ๆ จำได้ว่าแรก ๆ มีรายได้ 2 ล้านบาท แต่ในช่วง 4 ปีหลัง Mizumi กลับโตแบบก้าวกระโดด 


MizuMi กันแดด 2,000 ล้าน ปักธงลุยตลาดเวียดนามดันเป้าโต 30%

หากย้อนดูรายได้ตลอด 10 ปีของ Mizumi หรือ บริษัท มิซึฮาดะ กรุ๊ป จำกัด

  • ปี 2558 รายได้ 1.3 ล้าน กำไร 2 แสน
  • ปี 2559 รายได้ 43 ล้าน กำไร 11 ล้าน
  • ปี 2560 รายได้ 108 ล้าน กำไร 8.9 ล้าน
  • ปี 2561 รายได้ 137 ล้าน กำไร 10 ล้าน
  • ปี 2562 รายได้ 193 ล้าน กำไร 19 ล้าน
  • ปี 2563 รายได้ 288 ล้าน กำไร 65 ล้าน
  • ปี 2564 รายได้ 345 ล้าน กำไร 59 ล้าน
  • ปี 2565 รายได้ 531 ล้าน กำไร 110 ล้าน
  • ปี 2566 รายได้ 1,067 ล้าน กำไร 216 ล้าน

 

จากข้อมูลดังกล่าว จะเห็นว่าแบรนด์ยังคงเติบโตแบบ New High ทุกปี จนในปี 2566 MizuMi ทำรายได้ 1,000 ล้านบาท และเพียงปีถัดมา ก็ก้าวกระโดดเป็น 2,000 ล้านบาทเติบโตเกือบเท่าตัวจากปีก่อนหน้า

 

อย่างไรก็ตาม ในปีนี้เป้าหมายของแบรนด์อยู่ที่การเติบโต 30-40% ซึ่งยังคงเป็นตัวเลขที่ทะเยอทะยานสำหรับแบรนด์ไทยที่ไม่พึ่งพาพรีเซ็นเตอร์หรือกระแสชั่วคราว

 

“เราโตมาด้วยกันแดด ก็จะโตต่อไปด้วยกันแดด”


วริษฐากล่าวอย่างมั่นใจ เพราะเธอเชื่อว่า ผลิตภัณฑ์ที่ดี คือหัวใจของแบรนด์ และสิ่งที่ทำให้คนจดจำ MizuMi ได้ ก็ไม่ใช่แค่ชื่อญี่ปุ่นหรือแพ็คเกจจิ้งที่สวย แต่คือคุณภาพที่สัมผัสได้จริง

 

ในยุคที่แบรนด์เครื่องสำอางแข่งขันกันด้วยชื่อเสียงของ KOL หรือการทำการตลาดแบบหวือหวา MizuMi กลับเลือกเส้นทางที่ต่างออกไป


วริษฐา มองว่า “ผลิตภัณฑ์ที่ดี” มากกว่าการขายฝัน ตั้งแต่วันแรกจนถึงวันนี้ MizuMi ยังคงเน้นพัฒนาผลิตภัณฑ์ที่ “จับต้องได้” ทั้งในด้านคุณภาพและราคา ซึ่งมีไม่ต่ำกว่า 40 SKUs  โดยเฉพาะ “กันแดด” ที่กลายเป็นหมุดหมายหลักของแบรนด์ และเป็นสินค้าที่ขายดีที่สุด คิดเป็นรายได้กว่า 25-30% ของทั้งหมด

 

ความใส่ใจในคุณภาพ ผนวกกับราคาที่ไม่เวอร์ ทำให้แบรนด์ค่อย ๆ สร้างฐานลูกค้าที่มั่นคง ผู้ใช้หลายคนกลับมาซื้อซ้ำโดยไม่ต้องมีการ Hard Sale มากนัก และเมื่อถึงจุดหนึ่ง “แบรนด์ที่คนรัก” ก็เริ่มกลายเป็น “แบรนด์ที่คนแนะนำ” ผ่านเสียงของผู้บริโภคจริง ๆ

 

สร้างตัวตนแบรนด์ผ่านโซเชียลมีเดีย

 

แม้จะอยู่ในยุคที่ TikTok ครองความนิยมวริษฐา บอกว่า MizuMi กลับเลือกใช้แพลตฟอร์มนี้ในแบบที่ต่างออกไป พวกเขาใช้เพื่อประกาศสินค้าใหม่และตอบคำถามลูกค้า ไม่ได้สร้างตัวตนให้แบรนด์ หรือเจ้าของแบรนด์เป็นเหมือน Influencer คนหนึ่ง เพราะไม่อยากให้แบรนด์ “ผูกติดกับบุคคล” หรือกระแสใดกระแสหนึ่ง

 

กลยุทธ์นี้เองที่ทำให้ MizuMi กลายเป็นแบรนด์ที่แข็งแรงในเชิงผลิตภัณฑ์และความสัมพันธ์กับลูกค้า มากกว่าการขึ้นอยู่กับคนดังหรือหน้าโฆษณา

 

เวียดนามสนใจแบรนด์ไทยมาสุดในอาเซียน

 

หลังจากพิสูจน์ตัวเองในตลาดไทย MizuMi กำลังเริ่มต้นบทใหม่ด้วยการบุกตลาดต่างประเทศ วริษฐา บอกว่า โดยประเทศแรกที่เลือกคือ เวียดนาม ตลาดที่ผลวิจัยพบว่าผู้บริโภคมีความสนใจในแบรนด์ไทยสูงที่สุดในอาเซียน ด้วยความแข็งแรงของผลิตภัณฑ์กันแดด MizuMi จึงเลือกใช้หมวดสินค้าหลักนี้เป็นหัวหอกในการเปิดตลาด

 

“เวียดนามมีประชากรวัยทำงานจำนวนมาก และ GDP กำลังเติบโต เรามองเห็นศักยภาพของตลาดนี้ในระยะยาว” วริษฐา กล่าว พร้อมเผยว่าในปีนี้จะขยายไปอีก 1 ประเทศ และปีหน้าจะเพิ่มอีกหนึ่ง เพื่อปูทางให้แบรนด์ไทยก้าวสู่เวทีอาเซียนอย่างจริงจัง

 

ขยายฐานวัยรุ่นด้วย “Gentle Color” 

 

ไม่เพียงแต่ Mizumi ที่เติบโตแบบมั่นคง แบรนด์ในเครืออย่าง General Color ก็เริ่มสร้างฐานลูกค้าของตัวเองในกลุ่มวัยรุ่นอายุ 15-30 ปี ผ่านผลิตภัณฑ์อย่างคุชชั่น AI ที่โดดเด่นเรื่องการปรับเข้ากับผิวหน้าอัตโนมัติ

 

General Color ไม่ได้ขายแค่เครื่องสำอาง แต่กำลังขาย ทัศนคติ และ ความเป็นตัวของตัวเอง ผ่านภาพลักษณ์ที่หลากหลาย ตั้งแต่นางแบบทุกสีผิว ไปจนถึงการสื่อสารเรื่องบวกและไม่ตัดสินใคร

 

MizuMi กันแดด 2,000 ล้าน ปักธงลุยตลาดเวียดนามดันเป้าโต 30%

 

เมื่อ T-Beauty ไม่ใช่แค่เทรนด์ แต่คือ “จังหวะ” ของอุตสาหกรรมไทย

 

ทั้งนี้ เธอยังกล่าวอีกว่า กระแส T-Beauty หรือ Thai Beauty กำลังเบ่งบานในบ้านเราอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะหลังปี 2023 ที่คนไทยเริ่มหันมาใช้แบรนด์ไทยมากขึ้นอย่างชัดเจน ไม่ใช่เพราะราคาถูกกว่าแบรนด์ต่างชาติเท่านั้น แต่เพราะคุณภาพที่เทียบเท่า ความเข้าใจในความต้องการของคนไทย และความภูมิใจในแบรนด์ท้องถิ่น

 

ในขณะที่แบรนด์กำลังเปิดตลาดอาเซียนได้ง่ายขึ้น เพราะแบรนด์ไทยโดยรวมสร้างภาพลักษณ์ที่ดีต่อ “Beauty in Thailand” มาได้ระดับหนึ่งแล้ว


MizuMi กันแดด 2,000 ล้าน ปักธงลุยตลาดเวียดนามดันเป้าโต 30%

คนไทยภาคภูมิใจใช้แบรนด์ไทยมากขึ้น


“ตอนนี้แบรนด์ไทยหลายแบรนด์ทำออกมาได้ดีมากขึ้น แข็งแรงขึ้นอย่างเห็นได้ชัด และที่สำคัญ คนไทยก็ทำแบรนดิ้งเก่งไม่แพ้ใคร” นั่นคือสิ่งที่ วริษฐา สะท้อนถึงภาพรวมวงการธุรกิจความงามในบ้านเรา

 

เธอมองว่า แบรนด์ของคนรุ่นใหม่ในไทยกำลังเติบโตอย่างน่าสนใจ หลายคนลุกขึ้นมาสร้างแบรนด์ด้วยความตั้งใจจริง ส่งผลให้ทั้งคุณภาพของสินค้า การออกแบบบรรจุภัณฑ์ ไปจนถึงการวางตำแหน่งทางการตลาด มีความน่าสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ

 

“คุณภาพดี ราคาคุ้มค่า และที่สำคัญทำให้ผู้บริโภครู้สึกว่าใช้แบรนด์ไทยแล้วไม่ด้อยกว่าใคร ตรงกันข้าม มันคือความภูมิใจที่ได้สนับสนุนผู้ประกอบการไทยด้วยซ้ำ”

 

อีกปัจจัยหนึ่งที่ช่วยผลักดันแบรนด์ไทยให้เติบโต คือ “ระบบนิเวศของสื่อ” ที่เริ่มให้ความสนใจและพูดถึงผู้ประกอบการรุ่นใหม่มากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นเพจต่าง ๆ หรือสื่อออนไลน์ที่เล่าเรื่องราวเบื้องหลังของแบรนด์ ทำให้ผู้บริโภครู้สึกมีส่วนร่วมกับความสำเร็จของเจ้าของแบรนด์ เกิดความรู้สึก “อยากช่วย อยากอุดหนุน” อย่างเป็นธรรมชาติ

 

แบรนด์ไทยจะอยู่ได้แค่กระแส หรือยืนระยะได้จริง?

 

“คิดว่าเทรนด์นี้จะอยู่ได้นาน ตราบใดที่ไม่มีใครทำให้น้ำมันเน่า”


เธอเปรียบเปรยอย่างตรงไปตรงมา และอธิบายว่า ถ้าผู้ประกอบการยังคงตั้งใจผลิตสินค้าที่มีคุณภาพ รักษามาตรฐานของตัวเองไว้ได้ อุตสาหกรรมนี้ก็จะไม่เพียง ‘ฮิตชั่วคราว’ แต่จะกลายเป็นรากฐานของเศรษฐกิจสร้างสรรค์ของไทยได้อย่างยั่งยืน โอกาสของแบรนด์ไทยในตลาดต่างประเทศ

 

วริษฐายังเชื่อว่า จังหวะเวลานี้คือโอกาสทองของแบรนด์ไทย โดยเฉพาะกระแส T-Beauty ที่กำลังมาแรง โดยเฉพาะในตลาดภูมิภาคอาเซียน (Southeast Asia) ที่มองแบรนด์ไทยในภาพลักษณ์เชิงบวก

 

“เขามองว่าแบรนด์ไทยดี ค่อนไปทางพรีเมียมด้วยซ้ำ”

 

ส่วนตลาดในภูมิภาคเอเชียตะวันออก เช่น จีน เกาหลี หรือญี่ปุ่น อาจต้องใช้เวลาและกลยุทธ์เจาะตลาดที่ชัดเจนมากขึ้น แต่ก็ไม่ใช่เรื่องไกลเกินฝัน ในขณะที่ฝั่งตะวันออกกลางกลับเป็นตลาดที่มีศักยภาพสูง

 

“เพราะเขาชอบความสนุก ความหลากหลายของตลาดไทย ซึ่งต่างจากตลาดในประเทศของเขา และที่สำคัญคือ สินค้าสวย คุณภาพดี แต่ราคายังจับต้องได้”

 

กันแดด สนามแข่งใหญ่ที่ Mizumi ยังไม่หยุดวิ่ง

 

ในตลาด Beauty ไทยที่มีมูลค่าราว 200,000 ล้านบาท “กันแดด” ถือเป็นกลุ่มสินค้าหลักที่มีสัดส่วนถึง 20-30% โดยมีอัตราเติบโตเฉลี่ย 6-7% ต่อปี และแม้ Mizumi จะเป็นผู้นำแบรนด์ไทยในกลุ่มนี้ แต่ในสนามแข่งโดยรวม แบรนด์ต่างชาติดัง ๆ ก็ยังครองอันดับสูงอยู่ นั่นคือความท้าทายที่ Mizumi ต้องก้าวข้าม หากหวังจะขึ้นเป็นเบอร์หนึ่งอย่างแท้จริง

 

10 ปีที่ผ่านมา Mizumi พิสูจน์แล้วว่า แบรนด์ไทยเล็ก ๆ ที่เชื่อในคุณภาพและความจริงใจ สามารถเติบโตเป็นธุรกิจพันล้านได้ โดยไม่ต้องใช้สูตรสำเร็จของใคร

 

และวันนี้ พวกเขากำลังเขียนบทต่อไปของตัวเองในตลาดต่างประเทศ

พร้อมความเชื่อเดิมว่า “เมื่อผลิตภัณฑ์ดี ลูกค้าจะกลับมาเสมอ”


 

เครดิตภาพ:โซเชียลมีเดีย MizuMi

ข่าวล่าสุด

กัมพูชาเปิดฉากยิงช่องอานม้า ฝ่ายไทยสูญเสีย ยังปะทะเดือด