posttoday

พรรคส้มจวกคลัง เพิ่มภาษี SME รีดเลือดจากปู เก่งแต่กับคนตัวเล็ก

10 พฤษภาคม 2568

พรรคประชาชน โพสเฟซบุ้กเสนอแนวทางช่วย SME ข้อจากกรณี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแนวคิดในการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับ SMEs ที่รายได้น้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี

พรรคประชาชนโพสต์ผ่านเฟซบุ้กพรรควันนี้ กรณีกระทรวงการคลังเสนอแนวคิดในการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับ SMEs ที่รายได้น้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี ระบุ

 

[เอาจริงเหรอ? เพิ่มภาษี SME ทุนใหญ่ไม่กล้าแตะ เก่งแต่กับผู้ประกอบการตัวเล็กตัวน้อย]

 

ข่าวที่สร้างความตื่นตระหนกแก่ธุรกิจ SMEs ไทยในช่วงเวลานี้เป็นพิเศษ คือกรณีที่รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังเสนอแนวคิดในการเพิ่มภาษีมูลค่าเพิ่ม (VAT) กับ SMEs ที่รายได้น้อยกว่า 1.8 ล้านบาทต่อปี เพื่อช่วยเพิ่มรายได้ของรัฐที่จัดเก็บได้น้อยลง

 

แม้ รมว.คลัง อ้างว่าเรื่องนี้เป็นเพียงแนวคิด ยังไม่มีข้อสรุป แต่ปัญหารัฐจัดเก็บรายได้ได้น้อยลงเป็นเรื่องที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าเป็นปัญหาใหญ่ และการเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาที่เฉพาะเจาะจงไปที่กลุ่มธุรกิจที่ทุกวันนี้ต้องเผชิญปัญหาหนักหน่วงอยู่แล้วและอยู่ในสถานการณ์เปราะบางสูงอย่าง SMEs ท่ามกลางการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้งของกลุ่มทุนขนาดใหญ่จำนวนมาก ทำให้เราต้องตั้งคำถามถึงแนวคิดนี้ของรัฐบาล ว่าต่างอะไรไปจากการ “รีดเลือกจากปู”

 

แน่นอนว่าสำหรับทุกรัฐบาล ปัญหาใหญ่ปัญหาหนึ่งของเศรษฐกิจไทยคือการที่รัฐแทบจะไม่สามารถจัดเก็บภาษีจาก SMEs จำนวนมากได้ หลายรายไม่ได้เข้าสู่ระบบภาษีด้วยซ้ำ

 

แต่ถ้าเจาะลึกลงไปในสาเหตุ นั่นก็เพราะโครงสร้างภาษีของประเทศไทยสำหรับผู้ประกอบการ ที่ทำให้ SMEs จำนวนมากมองการเข้าสู่ระบบภาษีเป็นภาระและเป็นต้นทุนที่เกินแบกรับได้ หลายรายจึงหลีกเลี่ยงการเข้าสู่ระบบ ไม่ว่าจะเป็น

  • ใช้กฎเกณฑ์เดียวกันไม่ว่าจะเป็นผู้ประกอบการรายใหญ่หรือ SMEs
  • ต้นทุนและภาระในการปฏิบัติตามมีมากกว่าแค่การจ่ายภาษี แต่รวมถึงภาระงานเอกสารมหาศาลที่ต้องทำตามระเบียบ
  • SMEs ต้องเผชิญกับต้นทุนและภาระทางภาษีที่เท่าเทียมกับธุรกิจใหญ่ แต่ SMEs มีทรัพยากรไม่เท่าทุนใหญ่

 

พรรคประชาชนเห็นว่าการดึงทุกคนเข้าสู่ระบบภาษีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้คือเรื่องจำเป็นสำหรับประเทศไทยที่จัดเก็บรายได้พลาดเป้าต่อเนื่องมาเป็นเวลานาน แต่สิ่งที่รัฐบาลควรทำมากกว่าในเวลานี้คือการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐอย่างเป็นธรรม จากกลุ่มที่เติบโตจากการผูกขาด จากกลุ่มที่เสวยสุขบนธุรกิจสีเทา หรือกลุ่มที่มีทรัพยากรและต้นทุนมากกว่า ไม่ใช่การรีดเลือดเอาจากปูดื้อๆ แบบนี้

 

ส่วนการดึง SMEs เข้าสู่ระบบภาษีนั้น เป็นมาตรการในระยะยาวที่รัฐบาลต้องคำนึงถึงความยั่งยืน หน้าที่รัฐบาลคือการช่วย SMEs ให้ตั้งตัว แข่งขัน และเติบโตได้ ควบคู่กับการจูงใจให้เข้าระบบภาษีและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดเก็บรายได้รัฐไปพร้อมกัน

 

วรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน เสนอมาตลอดว่าสิ่งที่รัฐบาลควรทำคือ

 

1) ออกมาตรการสร้างแต้มต่อให้ SME

รัฐบาลจะต้องสร้างระบบจูงใจให้ SMEs เข้าร่วมโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจหรือสร้างแต้มต่อให้ SMEs แข่งขันกับทุนใหญ่มากขึ้นได้ไปพร้อมกัน เช่น ผ่านหวยใบเสร็จ SMEs หรือมาตรการอื่นๆ ที่จะทำให้ผู้บริโภคหันมาอุดหนุน SMEs แทนที่ร้านทุนใหญ่มากขึ้น ทำให้ SMEs ที่เข้าโครงการเห็นประโยชน์ของการเข้าระบบภาษี เพราะจะทำให้มีการบันทึกรายได้ของ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล

 

2) ช่วย SME กู้ในระบบง่ายขึ้น

รัฐบาลจะต้องช่วยให้ SMEs ที่เข้าระบบภาษีกู้สินเชื่อในระบบได้สะดวกมากขึ้น ลดการติดกับดักสินเชื่อนอกระบบ ทำให้ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการสามารถเอาประวัติรายได้ไปยื่นขอกู้สินเชื่อในระบบ โดยรัฐบาลต้องออกมาตรการช่วยค้ำประกันสินเชื่อให้ SMEs ให้สถาบันการเงินมั่นใจพอที่จะปล่อยกู้ให้มากขึ้นและสะดวกขึ้น

 

3) ช่วย SME ได้สิทธิประโยชน์ทางภาษี

รัฐบาลจะต้องช่วย SMEs ได้รับสิทธิประโยชน์ทางภาษีจากการเข้าร่วมโครงการของรัฐบาล เช่น การเพิ่มอัตราหักเหมาค่าใช้จ่ายจากเดิม 60% เป็น 90% เพื่อให้ SMEs เสียภาษีบุคคลธรรมดาได้อย่างเป็นธรรมและสอดคล้องกับต้นทุนจริงมากขึ้น

 

4) ช่วย SME ลดต้นทุนงานธุรการ

รัฐบาลจะต้องช่วยอำนวยความสะดวก SMEs ในการเข้าระบบภาษี ลดต้นทุนทางบัญชีหรือธุรการ ทำให้กฎระเบียบของระบบภาษีง่ายขึ้น เช่น ประวัติรายได้ของ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลจะถูกยื่นภาษีอัตโนมัติโดยไม่ต้องมีต้นทุนธุรการเพิ่ม และมีระบบช่วยแจ้งเตือนในกรณีถึงเกณฑ์จด VAT

 

5) ช่วย SME เพิ่มประสิทธิภาพธุรกิจ

รัฐบาลจะต้องสนับสนุน SMEs ในการลดต้นทุนหรือช่วยเพิ่มประสิทธิภาพจากมาตรการจูงใจอื่นๆ เพื่อให้ SMEs เห็นประโยชน์จากการเข้ามาอยู่ในระบบมากขึ้น เช่น การคืน VAT บางส่วนให้ SMEs เพื่อใช้เป็นส่วนลด, อุดหนุนเมื่อ SME เลือกใช้บริการจากเอกชนด้วยกันในการเพิ่มประสิทธิภาพของธุรกิจ เช่น การใช้ระบบดิจิทัลในการบริหารจัดการธุรกิจอย่างระบบ PoS (Point-of-Sale) หรือระบบวางแผนทรัพยากรองค์กร (ERP)

 

6) นิรโทษกรรมภาษีให้ SME

รัฐบาลจะต้องนิรโทษกรรมภาษีแก่ SMEs ที่เข้าร่วมโครงการของรัฐบาล และ SMEs ที่จะเข้าระบบภาษีและเสียภาษีอย่างถูกต้อง เปิดโอกาสให้ SMEs ที่เดิมเกรงกลัวการแบกรับต้นทุนทางภาษีและการจัดการภาษี แต่ต้องการเปลี่ยนใจมาเข้าระบบภาษีอย่างถูกต้องในอนาคต เข้าร่วมระบบภาษีได้อย่างไม่ต้องเกรงกลัวการถูกหักภาษีย้อนหลัง และยังเป็นการจูงใจให้ SMEs เข้าร่วมโครงการของรัฐบาลมากขึ้นด้วย

 

การเพิ่มการจัดเก็บรายได้เข้ารัฐเป็นเรื่องที่จำเป็นแน่นอน และ SMEs ควรเข้าสู่ระบบภาษีให้มากที่สุดเท่าที่จะมากได้ แต่ก่อนที่จะเอา SMEs เข้าสู่ระบบภาษี สิ่งที่รัฐบาลต้องมองเห็นคือความเสียเปรียบของ SMEs ที่มีอยู่ในปัจจุบัน และสถานการณ์ของพวกเขาที่ร่อแร่อยู่แล้วทุกวันนี้

 

มีประโยชน์อะไรที่จะไปฝืนรีดเลือดเอาจากปู มีแต่เมื่อรัฐช่วยให้ SMEs เติบโต-แข่งขันได้ และลดต้นทุนในการเข้าสู่ระบบภาษีเสียก่อนเท่านั้น พวกเขาจึงจะมีรายได้ที่มั่นคง พร้อมเข้าสู่ระบบภาษี ซึ่งปลายทางจะตอบโจทย์การเพิ่มรายได้ของรัฐตามที่รัฐบาลตั้งไว้ได้จริง