ทายาท “ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด” ลุยขยายแฟรนไชส์ทุกตำบล-พาบริษัทเข้าตลาดทุนฯ
ผ่ากลยุทธ์ “ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด” เติบโตจากตลาดนัด สู่แฟรนไชส์ 2,500 สาขา‘สารัช วัฒนกูล’ ทายาทรุ่นสอง ขอพิสูจน์ฝีมือ ให้โอกาสสร้างอาชีพคนตัวเล็ก คอนเส็ปต์ง่าย ๆ “ถ้าทอดไข่ดาวได้ ก็ทอดลูกชิ้นได้” ตั้งเป้าหมายใหญ่ ขยายแฟรนไชส์สู่ทุกตำบล และพาบริษัทเข้าตลาดทุนฯ
KEY
POINTS
- ผ่ากลยุทธ์ “ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด” เติบโตจากตลาดนัด สู่แฟรนไชส์ 2,500 สาขา
- "สารัช วัฒนกูล" ทายาทรุ่นสอง ขอพิสูจน์ฝีมือ เน้นทำตลาดสร้างยอดขาย
- มุ่งขยายแฟรนไชส์ ให้โอกาสสร้างอาชีพคนตัวเล็ก คอนเส็ปต์ง่าย ๆ “ถ้าทอดไข่ดาวได้ ก็ทอดลูกชิ้นได้”
- วางเป้าหมายใหญ่ นำแบรนด์ไปสู่ทุกตำบล และพาบริษัทเข้าตลาดทุนฯ
"ลูกชิ้นระเบิด" เป็นอาหารทานเล่นที่ได้รับความนิยมในประเทศไทย โดยมีเอกลักษณ์ตรงที่นำลูกชิ้นหมู หรือลูกชิ้นเนื้อไปทอดจนฟูกรอบ เสิร์ฟคู่กับน้ำจิ้มรสจัดจ้าน
ซึ่งหากพูดถึงเจ้าแรกที่เป็นต้นฉบับไอเดียนี้ ยังไม่มีหลักฐานปรากฏแน่ชัด แต่ทว่ามีหลากหลายแบรนด์ที่อยู่ในตลาด
หนึ่งในนั้นคือ “ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด” โดยเจ้าของคือ บริษัท อร่อยระเบิด จำกัด ที่วันนี้แบรนด์ของเขากำลังครองเมืองด้วยสาขาที่มากกว่า 2,500 สาขา ภายในระยะเวลา 16 ปี ทั้งตามตลาดนัด ปั๊มน้ำมัน ตลอดจนอภิมหาโปรเจ็กต์ ONE BANGKOK และยังมีแผนที่จะขยายสาขาผ่านกลยุทธ์แฟรนไชส์อย่างต่อเนื่อง ตามคำบอกเล่าของ "สารัช วัฒนกูล" ลูกชายของ "อนพ วัฒนกูล" ซึ่งเป็นผู้ก่อตั้งแบรนด์
การตลาดต้องอยู่ตลาด ไม่ใช่อยู่ที่โต๊ะทำงาน...
หากย้อนเวลากลับไปเมื่อเกือบ 20 ปีก่อน “อนพ” เป็นเพียงพนักงานประจำที่ดูแลด้านการตลาดให้กับบริษัทแห่งหนึ่ง แต่ด้วยการทำงานมาเป็นระยะเวลานาน ถึงวันหนึ่งเขารู้สึกอิ่มตัว จึงมีความคิดอยากทำธุรกิจ เพราะคิดว่า “การตลาดต้องอยู่ตลาด” ไม่ใช่อยู่ที่โต๊ะทำงาน
เขาจึงเริ่มเดินสำรวจตลาดทั่วประเทศ และพบว่าทุก ๆ ตลาดมักจะค้าขายเหมือนกันหมด ไม่กล้วยทอด ก็จะเป็นขนมไข่นกกระทา ข้าวโพด ปลาหมึกราว ลูกชิ้นปิ้ง และลูกชิ้นทอด และมองว่าสินค้าเหล่านี้มีศักยภาพในตัว เพราะจะมีอยู่ในทุกๆ ตลาดที่ไป
เขาศึกษาความเป็นไปได้ของสินค้าหลายตัว โดยวิธีคิด คือ อยากทำสินค้าที่อยู่คู่กับคนไทยแบบยั่งยืน ไม่เหมือนแฟชั่นที่มาแล้วไปอย่างรวดเร็ว
จนกระทั่งพบเห็นว่า มีลูกชิ้นทอดเจ้าหนึ่งขายดี และคิดว่าเป็นเมนูที่คนไทยบริโภคเป็นประจำตั้งแต่เด็กจนโต จึงเห็นโอกาสทางธุรกิจ แม้ยุคนั้นจะมีลูกชิ้นทอดขายมากมายตามท้องตลาด แต่ไม่มีสักรายที่สร้างแบรนด์และทำการตลาดจริงจัง
เส้นทางไม่ได้เรียบง่าย…ถูกปฏิเสธจนคอตก
เขาสนใจริเริ่มทำลูกชิ้นทอด ด้วยการไปพูดคุยกับร้านนั้น พร้อมเรียนรู้ทดลองสูตรการทอดต่าง ๆ พร้อมกับเขียนแผนการตลาดเพื่อเสนอให้กับโรงงานต่าง ๆ ผลิตวัตถุดิบให้
แม้ว่าแผนตลาดที่เขาคิดไว้จะดูดีแค่ไหน แต่ด้วยไม่ใช่ร้าน หรือบริษัทใหญ่ จึงไม่ค่อยมีคนเชื่อมั่น
อนพ นำไปเสนอโรงงานทำลูกชิ้นที่มหาชัย กว่า 10 โรงงาน แต่ถูกปฏิเสธหมด เพราะเสนอไปก็ไม่มีใครเห็นภาพตาม เขาถึงขั้นเดินคอตก
แต่โชคดีที่โรงงานสุดท้ายที่เขานำแผนไปเสนอ (ปัจจุบันเติบโตมาด้วยกัน) เห็นภาพ และเชื่อมั่นถึงการเติบโต และตกลงที่จะผลิตลูกชิ้นให้
ปัจจุบันโรงงานดังกล่าวคือพันธมิตรสำคัญของไจแอ้น ที่เติบโตมาพร้อมกัน จนโรงงานได้มาตรฐานต่าง ๆ ตั้งแต่ อย.GMP HACCP และฮาลาล และจำนวนกว่า 60-70% ของกำลังการผลิตทั้งหมดผลิตส่งให้กับไจแอ้น
สร้างแบรนด์ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด
เมื่อมั่นใจจึงสร้างแบรนด์และสูตรลูกชิ้นทอดของตัวเองขึ้นมาใช้ชื่อว่า “ไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด” โดยชื่อมาจาก “ความใหญ่ของตัวลูกชิ้น” เริ่มตั้งแต่ขายในตลาดนัด
จุดเด่นของไจแอ้นคือ ต้อง “ไม่เหนียว ไม่เหี่ยว ไม่คาว” สด สะอาด ปลอดภัย เพราะทางไจแอ้นมีการรับปลาทะเลสดเข้ามาใหม่ทุกวัน เพราะหากเป็นปลาที่ผ่านกรรมวิธีมาแล้ว จะไม่สามารถทำเนื้อสัมผัสลูกชิ้นให้ออกมาแบบนี้ได้
ด้วยความรู้ด้านการตลาดและประสบการณ์ในการบริหารจัดการที่สั่งสมจากบริษัทใหญ่มาอย่างยาวนาน รวมถึงการให้ความสำคัญกับการคัดเลือกวัตถุดิบและกำหนดสเปกลูกชิ้นไจแอ้นที่ผลิตขึ้นเฉพาะในโรงงาน ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่ทำให้แบรนด์ประสบความสำเร็จในช่วงแรก
ต่อมาจึงมีการขยายสาขาอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มต้นด้วยการลงทุนงบก้อนหนึ่งเพื่อทำการตลาด ผ่านกลยุทธ์แจกแฟรนไชส์ 20 สาขาแรก เพื่อเร่งการเติบโตของเครือข่ายให้รวดเร็วที่สุด จนสามารถขยายเพิ่มเป็น 100 สาขาภายในปีเดียว
ผ่านมากว่า 16 ปี ไจแอ้นลูกชิ้นระเบิด มีแฟรนไชส์มากกว่า 2,500
ทั้งตลาดนัด ชุมชน ปั๊มน้ำมัน และกว่า 150 สาขาอยู่ในห้างสรรพสินค้าชื่อดัง รวมทั้งการซื้อแฟรนไชส์ไปขายที่ One Bangkok ซึ่งจำนวนนี้ไม่รวมแฟรนไชส์ในกัมพูชาอีกกว่า 10 แห่ง รายได้รวมของบริษัท อร่อยระเบิด จำกัด อยู่ที่ 82 ล้านบาท (งบการเงินปี 2566 จากกรมพัฒนาธุรกิจการค้า)
เมื่อพ่อก่อร่างสร้างแบรนด์ไว้แล้ว ถึงเวลารุ่น 2 พิสูจน์ฝีมือ
สารัช วัฒนกูล ลูกชายของ อนพ ในวัย 29 ปี หลังจากทำงานเป็นพนักงานประจำอยู่สักพักหนึ่ง จึงลาออกมาสานต่อธุรกิจที่พ่อปั้นไว้
“ผมคุ้นเคยกับการทอดลูกชิ้นในตลาดมาตั้งแต่เรียนชั้นประถมแล้ว บางครั้งก็ไปช่วยเขาทอดเลย”
สารัช เปิดบทสนทนา พร้อมกับเล่าต่อว่า กลับมาช่วยคุณพ่อทำงานอย่างจริงจังเมื่อปี 2563 โดยโฟกัสในเรื่องการทำตลาดผ่านช่องทางใหม่ ๆ ทางออนไลน์ในทุกแพลตฟอร์ม เพราะทำมาหลายปี คุณพ่อก็อาจจะเริ่มรับมือได้ยากขึ้น ก็เลยเรียกตัวมา แต่ใจจริงผมอยากทำบริษัทข้างนอกซัก 5-6 ปี ด้วยซ้ำ
ผมเข้ามาในยุคที่การตลาดออนไลน์ กําลังเริ่มมา ด้วยความที่เราอยู่ในยุคใหม่ ก็ต้องโฟกัสไปที่การตลาดออนไลน์มากขึ้น สมัยก่อนการทำการตลาดจะต้องไปออกบูธ ออกนิตยสาร พอมายุคนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว มีทั้ง Facebook Tiktok และทำอย่างไรถึงจะรักษาคุณภาพ มาตรฐาน และสร้างให้ธุรกิจเติบโตต่อเนื่องไปให้ได้
ฉะนั้นแล้วความท้าทายจึงต้องสร้างยอดขาย สร้างรายได้ให้กับแฟรนไชส์ซีมากขึ้น เพราะถ้าวันไหนที่เราหยุดเติบโต ลูกค้าเราก็หยุดไปด้วย เพราะฉะนั้น ต้องพาเขาโตไปกับเรา โดยการออกสินค้าใหม่ๆ ทำยอดขายให้มากขึ้น เพื่อให้ร้านอยู่ได้
รวมถึงการเพิ่มเติมรูปแบบและราคาของแฟรนไชส์ให้มีหลากหลายขึ้นเพื่อให้สอดคล้องกับกำลังเงินที่ลูกค้ามี และตามความเหมาะสมของโลเคชั่นที่จะขาย รวมทั้งการมองหาตลาดใหม่ ๆ เช่น ตามงานคอนเสิร์ตใหญ่นอกสถานที่ งานเลี้ยงบริษัท และงานอีเวนต์ต่าง ๆ
ช่วยคนตัวเล็กมีโอกาสทำธุรกิจ
สารัช กล่าวต่อว่า เชื่อว่ามีคนที่อยากทำธุรกิจแต่ไม่รู้จะเริ่มอยากไร หรือไม่มีแม้แต่เงินทุน ไจแอ้น ได้จับมือกับ เคทีซี “พี่เบิ้ม” หรือบริษัท บัตรกรุงไทย มาให้ความร่วมมือช่วยเหลือลูกค้าใหม่ ผ่านสินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ด้วยวงเงินสูงถึง 1 ล้านบาท โดยไม่มีเงินค้ำประกัน และอนุมัติไวใน 1 ชั่วโมง และเป็นทางหนึ่งที่จะทำให้บริษัทเติบโตได้อย่างรวดเร็ว รวมทั้งสร้างให้คนไทยสามารถมีรายได้ มีอาชีพที่มั่นคงด้วย
ถือเป็นโอกาสที่ดีเพราะลูกค้าส่วนใหญ่สนใจแฟรนไชส์แต่เขาไม่ได้มีเงินทุนมากนัก ถ้าเราจับมือกับเคทีซี พี่เบิ้ม ก็สามารถให้ลูกค้ามาเปิดแฟรนไชส์เพื่อสร้างอาชีพ ขยายธุรกิจไปด้วยกันได้ ไม่มีการเก็บค่ารายปีหรือรายเดือน
แฟรนไชส์ไจแอ้นลูกชิ้นมีตั้งแต่หลักพันถึงหลักแสน
สารัช บอกว่า รูปแบบแฟรนไชส์มีราคาตั้งแต่หลักพันไปจนถึงหลักแสน มีให้เลือกกว่า 10 รูปแบบ เช่น ชุดทดลองขาย ชุดรถเข็น ชุดมอเตอร์ไซค์พ่วงข้าง แบบซุ้มพรีเมียม ซุ้มพิเศษ เคาน์เตอร์มืออาชีพ เคาน์เตอร์อลังการ เคาน์เตอร์ตลาดนัดพกพา ฯลฯ
โดยทุกรูปแบบมีอุปกรณ์การขายให้ครบครัน มีทีมไปช่วยติดตั้ง และฝึกสอนในเรื่องการทอด และการจัดการระบบร้านต่าง ๆ
ขนาดไซส์ขายดีคือแบบซุ้ม ราคาแฟรนไชส์อยู่ที่ประมาณ 5 หมื่นกว่าบาท ซึ่งกว่า 40% ของจำนวนสาขาทั้งหมดเป็นแบบซุ้ม ด้วยรูปแบบที่เหมาะกับทำเลในสถานีบริการน้ำมัน หน้าห้างสรรพสินค้า หรือหน้าร้านสะดวกซื้อ
“ผมไม่อยากการันตีว่าซื้อแฟรนไชส์ ไจแอ้นไปแล้วคืนทุนได้แน่นอน 100% แต่ผมคิดว่าทำแล้วไม่ขาดทุนดีกว่า”
ถ้าลงทุนชุดเล็กแล้วขายดี ก็ได้วันละ 3,000-4,000 บาท 4-5 วันก็คืนทุนแล้ว แต่ถ้าลงทุนชุดใหญ่ส่วนมากไม่เกิน 1 เดือนก็จะคืนทุน ซื้อไปแล้วลูกค้าไม่โดดเดี่ยว เพราะมีทีมสอนให้หน้าร้าน ไม่ต้องกลัวว่าจะทำไม่ได้ เพราะคอนเซ็ปต์คือ
“ถ้าทอดไข่ดาวได้ ก็ทอดลูกชิ้นได้”
สารัช มองว่า การร่วมกับเคทีซี พี่เบิ้ม หากทำถึงสัก 100 สาขาก็จะดีมาก เป็นการช่วยกลุ่มเปราะบางที่เขาไม่มีเงินทุนมาลงทุน
อย่างไรก็ตาม สารัช กระซิบบอกว่า ราคาค่าแฟรนไชส์นั้นกำไรน้อยมาก เพราะค่าอุปกรณ์ต่าง ๆ รวมทั้งค่าติดตั้งก็แทบจะหมดแล้ว ซึ่งเราไม่ได้เก็บค่ารายปี จ่ายทีเดียวจบ แต่ว่าเขาจะต้องซื้อวัตถุดิบต่าง ๆ จากเรา ดังนั้นรายได้หลัก ๆ ของบริษัทจะมาจากการขายวัตถุดิบ เช่น ลูกชิ้น น้ำจิ้ม ต่าง ๆ ส่วน
ความท้าทายสำคัญอีกอย่าง สำหรับสารัช ในการสานต่อธุรกิจแฟรนไชส์ของครอบครัวอยู่ตรงที่ต้องหาทุกกลยุทธ์ เพื่อให้ลูกค้าแฟรนไชซีสามารถทำยอดขายได้ดี และขยายสาขาเพิ่มไปเรื่อย ๆ
เขาบอกว่า มีลูกค้าบางรายซื้อแฟรนไชส์ของไจแอ้นไป แล้วธุรกิจไปได้สวย ก็ขยายสาขาไปอีก บางรายขยายไปถึง 40 สาขาก็มี
คิดหาโปรดักส์ใหม่เพิ่มยอดขายแฟรนไชส์
สารัชบอกว่าปัจจุบันการแข่งขันเพิ่มขึ้น การออกผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เพื่อสร้างความแตกต่างที่น่าสนใจเป็นเรื่องที่ต้องคิดตลอดเวลา เหมือนกัน เขาบอกอีกว่าภายในไตรมาส 3 ของปีนี้บริษัทจะมีการออกโปรดักส์ใหม่ เป็นโปรเจกต์ใหญ่ที่คาดว่าจะช่วยเพิ่มยอดขายให้แฟรนไชส์อีกทางด้วย
อย่างไรก็ตาม ในฐานะผู้บริหารรุ่นใหม่ สารัชมองเป้าหมายในอนาคต ถึงการขยายไปในที่ต่างจังหวัดมากขึ้น และพยายามซัพพอร์ตของลูกค้าต่างจังหวัดให้เติบโตมากขึ้น
ต้องการขยายแฟรนไชส์ไปทุกจังหวัด ทุกอำเภอ และทุกตำบล รวมทั้งเป้าหมายที่จะมีสาขาลูกชิ้นไจแอ้นทอดในทุก ๆ ตลาดนัดของประเทศ
และวางแผนจะนำพาบริษัทเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ ซึ่งถ้าหากวันนั้นมีจริง คาดว่าไจแอ้น ลูกชิ้นระเบิด จะต้องมีแฟรนไชส์แล้วไม่ต่ำกว่า 5,000 แห่งแน่นอน
เมื่อถามว่าคุณพ่อ อนพ ฝากฝังอะไรไว้ไหม เขาบอกว่า
“คิดแล้วต้องลงมือทำ และพยายามทำต่อให้สำเร็จ”
เขาอธิบายต่อว่า นอกจากมีไอเดียแล้วคุณพ่อจะลงมือทำตลอด คนเรามีไอเดียเยอะ แต่คนที่ลงมือทำมีน้อย และคนที่พยายามทำต่อจนสุดท้ายมันสำเร็จ มันจะมีอยู่แค่ไม่กี่คน


