posttoday

เสาวณี วิเลปะนะปลูกคิง ฟรุทส์สืบต่อการเกษตรส่งบานาน่า ไซเดอร์ ปูฐานต่างแดน

21 เมษายน 2567

เสาวณี และ เกรียงศักด์ วิเลปะนะ สืบต่ออาชีพการเกษตรของครอบครัวด้วยธุรกิจแปรรูปผลไม้ในนามบริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด ที่มุ่งเติบโต 20% ต่อปี ยึดแนวทางตอบโจทย์คนรุ่นใหม่ แตกยอดความสำเร็จด้วยกล้วยหอมก่อนปูทางตลาดต่างประเทศด้วยบานาน่า ไซเดอร์ ที่เล็งเป้าส่งออกสู่ญี่ปุ่น

KEY

POINTS

  • คิง ฟรุทส์สร้างจากแรงบันดาลใจที่ต้องการสืบต่อสวนผลไม้ของคนรุ่นก่อนให้ยั่งยืนถึงคนรุ่นหลัง

  • ปูทางตลาดต่างประเทศด้วยบานาน่า ไซเดอร์ ที่เล็งเป้าส่งออกสู่ญี่ปุ่น

  • ตั้งเป้าเติบโตที่ 20% ต่อปีและมีจุดหมายระยะยาวที่จะเป็นบริษัทมหาชนในอนาคต
     

คิง ฟรุทส์เป็นกิจการที่ผลิดอกออกผลจากแรงบันดาลใจที่ต้องการสานต่ออาชีพเกษตรให้มั่นคง โดยเริ่มจากนำผลผลิตจากสวนผลไม้ของอากงและดูแลโดยครอบครัวส่งต่อไปถึงผู้บริโภคได้มากขึ้น ให้ทุกคนได้รู้จักกล้วยที่มาจากสวนของครอบครัว จึงเริ่มจากนำไปขายที่ตลาดไทย และตลาดสี่มุมเมือง ก่อนพัฒนาธุรกิจจนเป็น   บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด เช่นปัจจุบัน จากคำบอกเล่าของ เสาวณี วิเลปะนะ กรรมการผู้จัดการ บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด

สวนผลไม้ทำมาตั้งแต่รุ่นของคุณพ่อกับอากงของคุณเกรียง (เกรียงศักด์ วิเลปะนะ  ประธานบริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด) แล้วก็เลิกไป สำหรับเราในฐานะทายาทรุ่น 3 จะทำอย่างไรให้ยั่งยืนและส่งต่อให้ลูกหลานต่อ จึงมุ่งสร้างธุรกิจต่อยอดจากการเกษตรขึ้น

ด้วยเหตุนี้ บริษัท คิง ฟรุทส์ จำกัด จึงก่อตั้งขึ้นเมื่อวันที่ 27 มิถุนายน 2554 ภายใต้การบริหารงานโดยเกรียงศักด์ วิเลปะนะ ผู้เป็นสามี และเสาวณี วิเลปะนะ ผู้เป็นภรรยา โดยมีผลิตภัณฑ์ตัวเด่นคือกล้วยหอมที่วางจำหน่ายทั่วประเทศ มากกว่าวันละ 30 ตัน นอกจากนี้ยังมีฟาร์มเป็นของตัวเองพร้อมด้วยเกษตรกรในเครือข่ายมากกว่า 880 คน กระจายไป 15 จังหวัดทั่วประเทศเทศไทย 

เสาวณี วิเลปะนะปลูกคิง ฟรุทส์สืบต่อการเกษตรส่งบานาน่า ไซเดอร์ ปูฐานต่างแดน

อีกทั้ง ด้วยความสำเร็จจากภาคผลิตและการตอบรับที่ดีทางตลาดของคู่ค้าและผู้บริโภค ทำให้บริษัทเติบโตและพัฒนาอย่างต่อเนื่องจนในปี 2562 ได้สร้างโรงงานที่ 2 เพื่อผลิตสินค้า ผลไม้ ผัก ตัดแต่ง พร้อมทาน ผักพร้อมปรุง สินค้าแช่แข็ง โดยมีโรงงานที่ 1 และ 2 กระจายสินค้าในโซนภาคกลาง ภาคตะวันออก และภาคใต้ตอนบน รวมถึงเมื่อผลิตภัณฑ์กล้วยหอม ผลไม้และผัก ได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภคอย่างมาก ในปี 2563 จึงขยายฐานการผลิตไปภาคอีสาน และเพื่อแก้ไขปัญหาต้นทุนจากการขนส่ง จึงเกิดโรงงานแห่งที่ 3 ขึ้นในปี 2565 ในจ.นครราชสีมา เพื่อกระจายสินค้าในภาคอีสานและภาคเหนือตอนล่างอีกด้วย 

โดยเสาวณีเน้นย้ำว่าจุดที่ทำให้ธุรกิจประสบความสำเร็จเปรียบเหมือนกลัดกระดุมถูกเม็ด นั่นคือ การเริ่มแจ้งเกิดธุรกิจจาก "กล้วยหอม" ก่อน เพราะเป็นผลไม้ที่ขายตัวเองได้จากประโยชน์ทางโภชนาการ มีกระแสตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค และวางช่องทางจำหน่ายที่ถูกต้อง ส่วนผลไม้ตัวอื่น ๆ ที่สำเร็จตามมาก็ด้วยตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภคที่ต้องการบริโภคผลไม้ในจำนวนที่เล็กลงและสามารถทานได้ทันทีที่ต้องการ เพราะฉะนั้นความสามารถในการตอบโจทย์คนรุ่นปัจจุบันให้มากที่สุด ได้กลายเป็นแนวทางการทำงานของคิง ฟรุทส์

เราเริ่มจากกล้วยหอมก็เลยสามารถขยายตลาดไปสู่ครัวโรงพยาบาล ครัวสายการบิน หรือว่าโรงงานอุตสาหกรรมที่ทำด้านไส้ขนม หรือต้องการที่จะนำสินค้าของเราเป็นวัตถุดิบ แล้วก็ไปผสม หรือไปมิกซ์รวมกับอย่างอื่น ทำให้ตลาดของเรากว้างขึ้นเรื่อย ๆ

เสาวณี วิเลปะนะปลูกคิง ฟรุทส์สืบต่อการเกษตรส่งบานาน่า ไซเดอร์ ปูฐานต่างแดน

ส่งบานาน่า ไซเดอร์ วีนีการ์ สร้างฐานแต่งแดน

แผนการใหญ่ของ คิง ฟรุทส์ ในปีนี้คือการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่สำหรับกลุ่มธุรกิจเครื่องดื่มของบริษัทคือ บานาน่า ไซเดอร์ วีนีการ์ (banana cider vinegar) พร้อมดื่ม เพื่อส่งไปขายยังต่างประเทศสำหรับผู้บริโภคในวงกว้าง เนื่องจากมองว่าสามารถส่งออกได้ง่ายกว่าและยังช่วยลดส่วนสูญเสียจากกระบวนการผลิตผลไม้แปรรูปได้ด้วย ซึ่งปัจจุบันอยู่ระหว่างทำงานร่วมกับนักวิจัยของสำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เนื่องจากมองว่ายังไม่มีผู้ประกอบการในไทยนำเสนอผลิตภัณฑ์นี้มาก่อน และมองว่าอยากให้ลูกค้าในต่างประเทศรับรู้ว่าบานาน่า ไซเดอร์ฯ ที่ผลิตจากกล้วยหอมทองเป็นสินค้าเฉพาะที่มาจากเมืองไทยเท่านั้น

สำหรับแนวทางการพัฒนา บานาน่า ไซเดอร์ ฯ  ที่ทางบริษัทให้ความสำคัญคือ ต้องการให้เป็นกลิ่นที่เบาลง ดื่มง่าย และราคาจับต้องได้ โดยต้องอาศัยความเป็นผู้เชี่ยวชาญเรื่องกล้วยหอมทองของบริษัทในการเลือกใช้ระยะความสุกให้เหมาะสมกับกลิ่นตามที่ต้องการ โดยคาดว่าจะสามารถพัฒนาผลิตภัณฑ์สำเร็จได้ภายในปี 2567 นี้ แล้วน่าจะเริ่มจากทดลองขายในประเทศไทย เพื่อเป็นการทดสอบตลาดก่อนจะเริ่มส่งออกสู่ประเทศญี่ปุ่นในระยะต่อไป 

ด้วยวัตถุดิบที่เรามีและมาตรฐานที่ทำร่วมกับเครือข่ายเกษตรกรไว้ตั้งแต่ต้นน้ำ ในการเอาวัตถุดิบมาเพื่อแปรรูปจึงค่อนข้างง่าย และยังได้ช่วยเหลือเกษตรกรในส่วนที่สินค้าตกเกรดแล้วนำมาแปรรูปต่อ อีกทั้งยังเป็นเรื่อง zero waste  ด้วย

นอกจากนี้เสาวณียังเตรียมแผนสำหรับการเติบโตในระยะยาว ใน 3 ส่วน ซึ่งในส่วนของวัตถุดิบต้นน้ำก็มีการขยายเครือข่ายกับเกษตรกรชาวสวน เพื่อที่จะรองรับการขยายธุรกิจไม่ให้กระทบกับการตลาดภายในประเทศ อีกทั้งสร้างมาตรฐานโรงงานเพื่อรองรับการส่งออก ทั้งในส่วนตัวโรงงานและทีมงาน ตลอดจนวางแผนด้านการตลาดและมาตรฐานให้กับผู้ค้าของในแต่ละประเทศ ทั้งนี้บริษัทมีรายได้เฉลี่ยช่วง 3-5 ปีที่ผ่านมากว่า 250 ล้านบาท ซี่งคาดหวังอยากให้เพิ่มกว่า 300 ล้านบาท ด้วยเป้าหมายโตขึ้น 20% ในแต่ละปี

เสาวณี วิเลปะนะปลูกคิง ฟรุทส์สืบต่อการเกษตรส่งบานาน่า ไซเดอร์ ปูฐานต่างแดน

พลิกวิกฤติวัตถุดิบสู่ยั่งยืน

เสาวณียังถ่ายทอดถึงที่มาของการดำเนินธุรกิจบนแนวทาง ESG (Environmental, Social และ Governance) ของคิง ฟรุทส์ว่า ส่วนหนึ่งมาจากที่บริษัทเผชิญวิกฤติขาดแคลนวัตถุดิบคือกล้วยหอมจากภัยธรรมชาติที่เกิดน้ำท่วมหนักจนทำให้ผลผลิตเสียหายมาก จนไม่เพียงพอป้อนให้กับร้านสะดวกซื้อที่เป็นช่องทางจำหน่ายหลัก ซึ่งนำไปสู่การต้องคิดค้นหาทางออกเพื่อแก้ปัญหาและลดความเสี่ยงเรื่องขาดแคลนวัตถุดิบในระยะยาว จึงเริ่มสร้างเครือข่ายเกษตรกรจากจังหวัดต่าง ๆ 

โดยเริ่มจากเกษตรกรรายคนจนเกิดการรวมกลุ่มเป็นวิสาหกิจชุมชนเช่นปัจจุบัน ที่ตกลงเป็นพันธมิตรป้อนผลผลิตให้กับบริษัท ทั้งนี้เสาวณียอมรับว่ากว่าจะมาถึงจุดนี้ก็เป็นเรื่องยากมาก เพราะต้องใช้เวลาในการพูดคุยและเจรจานานกว่าจะสร้างความไว้วางใจต่อกัน รวมถึงยังต้องพึ่งพาความร่วมมือภาครัฐและธนาคารมาเป็นสักขีพยานด้วย เช่น หน่วยงานเกษตรจังหวัด เกษตรอำเภอ เกษตรตำบล ธกส. ฯลฯ 

สิ่งที่เราแลกมาคือใช้ความรู้จากคุณเกรียง ที่เป็นต้นแบบเรื่องกล้วยของบริษัทเราอยู่แล้ว ไปแลกใจกับเกษตรกรมา นั่นคือสิ่งที่เราทำมาตลอด

อย่างไรก็ตามในปัจจุบัน เกษตรกรพันธมิตรส่วนใหญ่มีความรู้และเชี่ยวชาญด้านการปลูกกล้วยหอมกันแล้ว ซึ่งตอนนี้เกษตรกรเหล่านี้เริ่มอายุมากขึ้น และหลังผ่านช่วงโควิด-19 ระบาดก็เริ่มมีลูกหลานเกษตรกรเข้ามารับช่วงมากขึ้น แล้วเริ่มปรับตัว เพราะฉะนั้นสิ่งที่ต้องให้ความสำคัญจากนี้คือเรื่องเทคโนโลยี ในส่วนของการลดความเสี่ยง ลดต้นทุน แล้วก็รักษาสิ่งแวดล้อมเพื่อให้สามารถปลูกกล้วยได้นาน เพื่อจุดประกายให้เกษตรกรมีความคิดที่จะทำเกษตรยั่งยืนเหมือนกัน ทั้งนี้ล่าสุดคิง ฟรุทส์ ได้รับรางวัล Excellence จากโครงการ Krungsri ESG Awards 2023 ในฐานะต้นแบบการดำเนินธุรกิจตามแนวคิด ESG ที่มีความโดดเด่นเรื่อง"ธุรกิจสร้างสังคม ร่วมดูแลสิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน"

เสาวณี วิเลปะนะปลูกคิง ฟรุทส์สืบต่อการเกษตรส่งบานาน่า ไซเดอร์ ปูฐานต่างแดน

ถอดบทเรียน Smart SME

เสาวณีย์ยอมรับว่า "ภัยธรรมชาติ" เป็นสิ่งที่ผู้อยู่ในเส้นทางการเกษตรทุกคนต้องเผชิญและเป็นความท้าทายสำคัญของคิง ฟรุ้ทส์ด้วย ดังนั้นต้องยอมรับก่อนว่าเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ จึงต้องสู้หรือรับมือให้ได้ พร้อมกับต้องหาทางออก เพื่อแก้ปัญหาด้วย

พร้อมกับเน้นย้ำว่า กิจการ SME จะพอใจกับความสำเร็จที่ได้มาในปัจจบุันไม่ได้ แต่ต้องเตรียมพร้อมอยู่ตลอดเวลา ยิ่งเป็นธุรกิจขนาดเล็กยิ่งต้องเตรียมพร้อมทุกด้าน เพราะไม่รู้ว่าวันหนึ่จะต้องหยิบอาวุธอะไรมาใช้ เช่นเดียวกับถ้าอยู่ในธุรกิจที่ไปได้ดี ในวันหนึ่งก็ต้องมีผู้ประกอบการอื่นหรือคู่แข่งก็พร้อมโดดเข้ามาในตลาดด้วย โดยเฉพาะหากสิ่งไหนทำได้ง่ายคนอื่นก็ย่อมทำได้เหมือนกัน จึงต้องหาแนวทางพิสูจน์ให้ได้ว่าจะเป็นเบอร์หนึ่งในธุรกิจได้อย่างไร 

พี่ไม่ได้จะอยู่แค่ SME ก็อยากจะส่งต่อธุรกิจให้เป็นความภูมิใจของครอบครัว และรวมถึงความภาคภูมิใจของน้อง ๆ ในองค์กรด้วย เราจึงมีเป้าหมายที่จะเป็นบริษัทมหาชนในอนาคต 

ข่าวล่าสุด

สธ. ปั้นนโยบายขึ้นทะเบียนยา ATMPs ‘เร็วที่สุดในอาเซียน’ ดัน 'Medical Economy'