posttoday

“Microshifting” เทรนด์ใหม่คนทำงาน แบ่งเวลางานเป็นบล็อกสั้น ๆ

18 ตุลาคม 2568

หมดยุคทำงาน 8 ชั่วโมงรวด รู้จัก “Microshifting”เทรนด์การทำงานของคนรุ่นใหม่ ต้องการยืดหยุ่นชีวิต แบ่งเวลาทำงานออกเป็นบล็อกสั้น ๆ หลายช่วงในหนึ่งวัน

ในยุคที่เส้นแบ่งระหว่างชีวิตส่วนตัวและการทำงานเริ่มเลือนราง “Microshifting” กลายเป็นคำใหม่ที่ถูกพูดถึงในโลกการทำงาน ว่าอาจเป็นเทรนด์ใหญ่ถัดไป ที่เข้ามาแทนที่โมเดลการทำงานแบบเดิมหรือแทนที่จะทำงาน 8 ชั่วโมงรวด หรือแม้แต่รูปแบบ Work from Home , Hybrid ที่หลายองค์กรเคยใช้

 

Microshifting คืออะไร?

 

มันคือการ "จัดตารางงานให้เข้ากับชีวิต" ไม่ใช่ "จัดชีวิตให้เข้ากับเวลางาน"

 

Microshifting หมายถึงรูปแบบการทำงานที่ แบ่งเวลาทำงานออกเป็นบล็อกสั้น ๆ หลายช่วงในหนึ่งวัน โดยพนักงานสามารถจัดสรรเวลาเองตามช่วงที่มีสมาธิหรือความพร้อมมากที่สุด เช่น ทำงานตอนเช้า 2 ชั่วโมง พักไปทำธุระส่วนตัว หรือดูแลครอบครัว แล้วกลับมาทำงานต่อในช่วงบ่ายหรือค่ำ

 

ต่างจากการลดชั่วโมงทำงาน เทรนด์นี้เน้น “ยืดหยุ่นเวลา” มากกว่าการ “ลดเวลา” โดยเชื่อว่าจะช่วยให้พนักงานมีสมาธิและประสิทธิภาพมากขึ้น ขณะเดียวกันก็สามารถรักษาสมดุลชีวิตและงานได้ดีกว่าเดิม

 

เช่น

  • 7:00-9:00: ล็อกอินเคลียร์งานสำคัญตอนสมองปลอดโปร่ง
  • 9:00-11:00: พักเบรกไปส่งลูกที่โรงเรียน หรือไปออกกำลังกาย
  • 13:00-16:00: กลับมาโฟกัสกับโปรเจกต์ในช่วงบ่าย
  • 21:00 เป็นต้นไป: ล็อกอินอีกครั้งหลังลูกหลับ เพื่อทำงานที่ต้องใช้สมาธิให้เสร็จ

 

ทำไม 'Microshifting' ถึงกลายเป็นคำตอบของคนรุ่นใหม่?

 

JOBBKK.COM รายงานผลสำรวจชี้ว่า พนักงาน ยอมลดเงินเดือนถึง 9% เพื่อแลกกับความยืดหยุ่นนี้ เพราะมันช่วยแก้ปัญหาใหญ่ของคนยุคปัจจุบัน

  • ภาระที่มองไม่เห็น: ตอบโจทย์ชีวิตพ่อแม่ยุคใหม่ที่ต้องดูแลลูก (The Second Shift)
  • ชีวิตไม่ได้มีแค่งานเดียว: รองรับการทำงานหลายอย่าง (Poly-Employment) หรือการทำอาชีพเสริม
  • สู้กับภาวะพังเงียบ (Quiet Cracking): ช่วยให้พนักงานได้พักเบรกเมื่อรู้สึกหมดไฟ ก่อนที่มันจะสายเกินไป

 

Times of India รายงานว่า ปัจจุบันบริษัทจำนวนมากในสหรัฐฯ และยุโรปเริ่มทดลองนำโมเดล Microshifting มาใช้กับพนักงานบางส่วน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีภาระดูแลครอบครัว หรือกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่ต้องการอิสระในการจัดตารางชีวิต ซึ่งสอดคล้องกับข้อมูลจากรายงานของ Owl Labs ที่พบว่า พนักงานกว่า 65% ต้องการความยืดหยุ่นในตารางเวลามากขึ้น

 

ความท้าทายที่ใหญ่ที่สุดของโมเดลนี้คือ "ความไว้วางใจ" ผู้นำยุคใหม่ต้องเปลี่ยนจากการบริหาร "เวลา" (Time Management) มาเป็นการบริหาร "ผลลัพธ์" (Outcome Management) และใช้เทคโนโลยีเพื่อสนับสนุน ไม่ใช่เพื่อสอดส่อง

 

อย่างไรก็ตาม เทรนด์นี้ยังมีข้อท้าทาย โดยเฉพาะในด้านการประสานงานของทีม การจัดการเวลาให้เหมาะสม และการปรับวัฒนธรรมองค์กรจากการวัดผลตาม “เวลา” มาสู่ “ผลงาน” ซึ่งต้องอาศัยความเข้าใจและความยืดหยุ่นจากทั้งผู้บริหารและพนักงาน

 

 

ข้อมูลอ้างอิง: JOBBKK.COM, Times of India, NewsMobile, The Money Times 

ข่าวล่าสุด

ตำรวจไซเบอร์-ทหาร ถกเข้มชายแดนสระแก้ว เตรียมรับคนไทยจากกัมพูชากลับบ้าน!