บัญเอิญเหมือน! จาก Zero Days กับเหตุการณ์ไฟดับที่ยุโรปซึ่งยังหาสาเหตุไม่ได้
บัญเอิญเหมือน! จาก Zero Days ใน Netflix นำแสดงโดย โรเบิร์ต เดอนีโร กับเหตุการณ์ไฟดับที่ยุโรปซึ่งยังหาสาเหตุไม่ได้
Zero Day เป็นซีรีส์น้ำดี โปรดักชั่นระดับฮอลลีวูด ออนแอร์ใน Netflix เมื่อสหรัฐอเมริกาเกิดเหตุการณ์ที่ทุกระบบชัทดาวน์ลงเป็นเวลา 1 นาที ลองจินตนาการภาพถึงระบบไฟฟ้า ขนส่ง สื่อสาร ต่างๆ ล้วนปิดตัวลงทั้งหมด จนทำให้เกิดผู้เสียชีวิตใน 1 นาทีดังกล่าว 3 พันกว่าราย!
นี่จึงเป็นสาเหตุที่ทำให้ George Mullen (รับบทโดย Robert De Niro) อดีตประธานาธิบดีผู้รักชาติ เข้ามานั่งเป็นประธานคณะทำงานซีโร่เดย์ เพื่อหาสาเหตุและนำตัวผู้ร้ายมาลงโทษ เพราะมีความเชื่อว่ามันจะไม่จบแค่ครั้งนี้เท่านั้น แต่จะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นอีกและหากเกิดอีกครั้งอาจจะใช้เวลานานกว่าเดิมซึ่งจะสร้างความโกลาหลและความสูญเสียได้มากกว่าที่คิด
ระหว่างที่คณะทำงานต้องหาตัวผู้ร้ายและหาสาเหตุ ซึ่งเชื่อว่ามีผู้ร้ายอยู่เบื้องหลังการเจาะระบบครั้งนี้ เพราะมีข้อความส่งเตือนไปยังมือถือของทุกคน ซีรีส์ทำให้เห็นถึงความหวาดระแวงของประชาขน โดยเฉพาะเหตุการณ์การเข้าไปปิดล้อมธนาคาร เพื่อที่จะถอนเงินออกจากระบบ แต่ธนาคารก็ต้องปิดตัวไม่ให้บริการ เพราะไม่งั้นจะกระทบกับตลาดเงินและการลงทุนในวงกว้าง
หรือแนวคิดของการแก้ไขปัญหา ไม่ว่าจะเป็นการให้ความสำคัญของการกู้คือนระบบไฟฟ้าก่อนเป็นหลัก ซึ่งให้เห็นถึงความสำคัญของ ‘ความมั่นคงทางพลังงาน’ ตามมาด้วยช่องทางการสื่อสาร ‘เพื่อป้องกันการตระหนกและสื่อสารสิ่งที่ต้องทำอย่างถูกต้อง’ ตามมา!
ตอนที่ซีรีส์เรื่องนี้ออนแอร์ ฟีดแบ็คของเรื่องค่อนข้างกลางๆ โดยเฉพาะบทที่มีความอเมริกันจ๋าๆ ชูสูตรเด็ดการเป็นฮีโร่กู้ชาติ แต่ก็สามารถดูได้สนุกจากพลังของการแสดงและโปรดักชั่นที่ไปถึงอย่างที่หนังระดับฮอลลีวูดควรเป็น
หลังจากนั้นแค่ 1 เดือนในคืนวันที่ 28 เมษายนที่ผ่านมา ประเทศสเปนและโปรตุเกสเผชิญเหตุการณ์ไฟฟ้าดับครั้งใหญ่ ซึ่งส่งผลกระทบต่อชีวิตประจำวันอย่างรุนแรง ตั้งแต่การหยุดชะงักของการขนส่งสาธารณะ เที่ยวบินที่ต้องเลื่อนหรือยกเลิก ไปจนถึงการทำงานของโรงพยาบาลที่ต้องระงับการให้บริการ และแน่นอนว่าเราเห็นผู้คนเริ่มหวาดวิตกเนื่องจากไม่มีเงินสดในมือ! ซึ่งนับว่าเป็นเหตุการณ์ร้ายแรงที่เกิดขึ้นได้ยากมากในยุโรป
โดย นายเปโดร ซานเชซ นายกรัฐมนตรีสเปน ได้พูดคุยกับมาร์ก รุตเต เลขาธิการองค์การสนธิสัญญาป้องกันแอตแลนติกเหนือ (นาโต) พร้อมกับเปิดเผยว่า สเปนสูญเสียกำลังการผลิตไฟฟ้า 15 กิกะวัตต์ภายในเวลา 5 วินาที ซึ่งเทียบเท่ากับ 60% ของประเทศ
ก็ทำให้นึกถึงซีรีส์เรื่อง Zero Day ไปเสียเฉย!
สาเหตุที่ยังไม่อาจหาข้อสรุปได้
** หมายเหตุ มีการสปอยล์เนื้อหาของซีรีส์บางส่วน**
ย้อนไปในซีรีส์เรื่อง Zero Day เมื่อตัวเอกสืบเสาะหาสาเหตุก็พบว่า เรื่องดังกล่าวถูกโยงเข้ากับการเมืองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ เมื่อมีกลุ่มคนต้องการที่จะทำให้ประชาชน ‘ฟัง’ พวกเขาอ้างว่าประชาชนควรจะรู้ตัวได้แล้วว่า ‘เรื่องไหนสำคัญกับพวกเขาอย่างแท้จริง’ มากกว่าการวิพากษ์วิจารณ์รัฐบาล โดยเลือกเข้าข้างอินฟลูที่ชักจูงสังคมแต่เบื้องหลังรับเงิน หรือการเชื่อทฤษฎีสมคบคิดที่ไม่มีที่มาที่ไป
พวกเขาจึงตัดสินใจ ‘ชัทดาวน์’ ระบบทั้งหมดของประเทศแค่ 1 นาที เพื่อที่จะได้เข้ามาจัดการและรวมประเทศเป็นหนึ่งเดียวอีกครั้ง ให้ประชาชน ‘ฟัง’ สิ่งที่สำคัญกับประเทศอย่างแท้จริง
หนึ่งในผู้สมคบคิดที่จะทำเรื่องนี้ คือ หนึ่งในตัวเอกที่เป็นนักการเมืองรุ่นใหม่
ฉากหนึ่งที่สะท้อนความขัดแย้งของแนวคิดทางการเมืองระหว่างคนรุ่นเก่าและคนรุ่นใหม่เป็นอย่างดี ในมุมของซีรีส์ คือฉากการทะเลาะกันระหว่างตัวเอกอย่างอดีตประธานาธิบดี กับนักการเมืองรุ่นใหม่ (ที่ขอไม่บอกว่าเป็นใคร)
“พูดง่ายกว่าทำ” นั่นคือสิ่งที่อดีตประธานาธิบดีตะโกนดังก้อง เมื่อเขาถูกตำหนิว่าคนรุ่นเก่าที่ผ่านมาไม่ทำ.. อะไรเลย
บทสนทนาจบลงด้วยคำพูดของนักการเมืองรุ่นใหม่เมื่อรู้ว่าสิ่งที่ตนเองทำสร้างความเสียหายเพียงใด
“บอกฉันสิว่าควรทำอย่างไร”
สำหรับซีรีส์ Zero Day เบื้องหลังของเหตุการณ์คือการ ‘เจาะระบบ’ หรือแฮ็คเกอร์ อย่างไรก็ตาม ในสถานการณ์ที่ยุโรป สาเหตุของเหตุการณ์ Black Out ยังคงอยู่ระหว่างการสอบสวน และแม้จะผ่านมาแล้วหลายวัน ก็ยังไม่สามารถบอกสาเหตุที่แน่ชัดได้!
สาเหตุของเหตุการณ์ Black out ที่ยุโรป
มีข่าวหลายกระแสที่ยังไม่สามารถระบุชัดเจนว่าสาเหตุของเหตุการณ์ดังกล่าวมาจากอะไร
ด้านผู้ให้บริการไฟฟ้า ระบุว่าเหตุไฟฟ้าดับไม่น่าจะเกี่ยวกับการโจมตีไซเบอร์ แต่คาดว่าน่าจะเกิดจากโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ทางตะวันตกเฉียงใต้ของประเทศซึ่งทำให้ระบบไฟฟ้าไม่เสถียรและทำให้การเชื่อมต่อโครงข่ายไฟฟ้าระหว่างสเปนกับฝรั่งเศสได้รับผลกระทบ
ขณะที่ศาลสูงสเปน ก็จะสอบสวนว่าได้รับผลกระทบจากการโจมตีของกลุ่มก่อการร้ายหรือไม่ ส่วนนายเปโดร ซนเชซ นายกรัฐมนตรีของสเปน ระบุเพียงว่ากำลังเร่งหาสาเหตุที่แท้จริงโดยไม่ตัดสมมติฐานใดๆ ออกไป (อัปเดตวันที่ 29 เมษายน 2568)
จากเหตุการณ์ครั้งนี้ ทำให้ชาวยุโรปและชาวโลกตื่นตัว และตั้งคำถามถึง ‘ความมั่นคง’ ที่เคยคิดว่าจะมีอยู่อย่างตลอดไป โดยที่ไม่เคยคิดถึงว่าจะเกิดผลกระทบอะไรเช่นนี้ได้ เช่น คิดว่าการใช้เงินโดยไม่ต้องมีเงินสดเป็นเรื่องที่จะสามารถเป็นไปได้ตลอดไป คิดว่าไฟฟ้าจะมีให้ใช้ได้ไม่ติดขัด ฯลฯ
ดังเช่นที่นางฮัดจา ลาห์บิบ เจ้าหน้าที่ระดับสูงของสหภาพยุโรปด้านการป้องกันวิกฤตกล่าวเมื่อวันพุธว่า จากเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ได้เน้นย้ำถึงความจำเป็นที่จะต้องเตรียมพร้อมรับมือกับเหตุการณ์ฉุกเฉิน เช่น ควรมีชุดอุปกรณ์เอาตัวรอดให้ได้ภายใน 72 ชั่วโมง เพื่อรับมือกับอันตรายทุกประเภท นอกจากนี้ยังเน้นย้ำถึงการถือเงินสดติดตัว เพราะเห็นว่าในช่วงวิกฤติบัตรธนาคารก็แค่พลาสติกชิ้นหนึ่งเท่านั้น
แม้ว่าตอนจบของซีรีส์ Zero Day สามารถจับตัวผู้กระทำความผิดได้ และเหตุการณ์ก็กลับมาปกติเพราะทุกซีรีส์ย่อมต้องมีจุดจบ แต่เหตุการณ์ไฟดับที่ยุโรป ไม่ใช่ซีรีส์ แต่เป็นความจริง และเป็นจุดเริ่มต้นที่ทำให้หลายฝ่ายต้องตระหนักถึงความสำคัญของความมั่นคงด้านต่างๆ และความกังวลต่อรูปแบบวิถีชีวิตทุกวันนี้ ที่มองว่า ‘ปลอดภัย’ และ ‘มั่นคง’ นั้นมีความเสี่ยงที่เรามองไม่เห็นมากน้อยเพียงใด.


