posttoday

ผ่านแล้ว! มติวุฒิสภา 130 ต่อ 4 ไฟเขียว 'สมรสเท่าเทียม' มีผลปลายปีนี้!

18 มิถุนายน 2567

ผ่านแล้วเรียบร้อยสำหรับ 'กฎหมายสมรสเท่าเทียม' ด้วยมติวุฒิสภา 130 ต่อ 4 เสียง และงดออกเสียง 18 เสียง โดยจะมีผลบังคับใช้อีก 120 วันหรือประมาณปลายปีนี้ ซึ่งไทยเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่กฎหมายนี้ผ่าน รวมไปถึงเป็นประเทศที่ 3 ในเอเชีย

การประชุมวุฒิสภาสมัยวิสามัญ มีวาระสำคัญคือ การพิจารณาร่างพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... หรือ "กฎหมายสมรสเท่าเทียม"  ซึ่งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาเสร็จแล้ว โดยผลปรากฎว่า มติที่ประชุม  130ต่อ 4เสียง ให้ความ "เห็นชอบ" เพื่อบังคับใช้เป็นกฎหมาย โดยมีผู้งดออกเสียง 18 เสียง ซึ่งกฎหมายดังกล่าวจะมีผลใช้บังคับหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 120 วัน หรือประมาณช่วงปลายปีนี้  

สำหรับขั้นตอนหลังจากนี้ร่างกฎหมายดังกล่าว จะถูกส่งไปยัง คณะรัฐมนตรี(ครม.) จากนั้นนายกฯ จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ โดยความเห็นสมาชิก อาทิ นายคำนูณ สิทธิสมาน สว. ในฐานะโฆษกคณะกมธ.วิสามัญพิจารณาร่าง พ.ร.บ.กล่าวว่า  ร่างกฎหมายฉบับนี้จะเป็นมิติใหม่ของสังคมไทย โดยเป็นกฎหมายที่มีความเป็นมาที่ต่อเนื่องยาวนานมากกว่า 10 ปีจากกลุ่มบุคคลที่เราอาจไม่ได้สัมผัสกับเขาโดยตรง ที่ผ่านมามีความพยายามจากสื่อมวลชนที่จะมาถามถึงความเห็นของวุฒิสภาว่ามีความเห็นในเรื่องนี้อย่างไร ตนได้ตอบไปว่า ไม่มีเหตุผลที่จะไม่เห็นด้วยกับการพิจารณาของสภาสภาผู้แทนราษฎรซึ่งมาจากการเลือกตั้งของประชาชน

ขณะเดียวกันร่างกฎหมายที่เสนอเข้าสภา มีร่างหนึ่งที่เสนอจากภาคประชาชนโดยตรง ขณะที่การพิจารณาในสภาผู้แทนราษฎร ไม่มีเสียงคัดค้านแม้แต่เสียงเดียว ทั้งนี้แม้กระบวนการตามกฏหมายจะระบุให้วุฒิสภาแปรญัตติได้อย่างกว้างขวาง แต่ที่ผ่านมาวุฒิสภาก็ให้เกียรติในประเด็นการพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรเป็นสำคัญ 

ในวาระแรกวุฒิสภา ก็ได้รับหลักการร่างที่ผ่านความเห็นจากสภาสภาผู้แทนราษฎร ฉะนั้นการจะทำอย่างใดอย่างหนึ่งทำให้หลักการของสภาผู้แทนราษฎรมีหลักการที่ถูกแก้ไขก็อาจจะกระทบกระเทือนกฎหมายทั้งฉบับ และอาจมีผลกระทบต่อการบังคับใช้กฎหมายในอนาคตหลังจากนี้ต่อไปวินาทีนี้เป็นวินาทีประวัติศาสตร์ว่าเขาจะบันทึกการทำงานของเราไว้อย่างไร การลงมติครั้งนี้แม้จะเป็นการลงมติกฎหมายฉบับหนึ่งแต่จะถือเป็นการลงมติในวินาทีประวัติศาสตร์จึงขอให้สมาชิกทุกท่านใช้วิจารณญาณอย่างรอบคอบ