จีนงัด “เศรษฐกิจกลางคืน” ปลุกเมืองรองคึกคัก “ฉงชิ่ง” ดาวรุ่งดึงนักท่องเที่ยว
โมเดล เศรษฐกิจกลางคืนของจีน (Midnight Economy) ดัน “ฉงชิ่ง” เมืองหลวงฮอตพอต ผงาดเมืองรองดาวรุ่ง ดึงนักท่องเที่ยวไทย
ท่ามกลางกระแสสินค้าจีนที่ทะลักรุกอาเซียนอย่างหนัก อีกด้านหนึ่งของจีนกำลังขับเคลื่อนเศรษฐกิจด้วยกลไกที่แตกต่างออกไป ไม่ใช่โรงงาน ไม่ใช่การส่งออก แต่คือ “ชีวิตยามค่ำคืน” ที่ถูกยกระดับให้กลายเป็นพลังทางเศรษฐกิจตัวใหม่
หลังโควิด-19 คลี่คลาย รัฐบาลจีนเดินหน้ากระตุ้นการบริโภคภายในประเทศในหลากหลายมิติ หนึ่งในนโยบายที่เห็นผลชัดคือ Night-time Economy หรือ Midnight Economy ซึ่งไม่เพียงปลุกเมืองให้กลับมาคึกคัก แต่ยังสร้างเทรนด์ท่องเที่ยวใหม่ โดยเฉพาะใน “เมืองรอง” ที่นักท่องเที่ยวไทยเริ่มหันไปสนใจมากขึ้น และชื่อที่ถูกพูดถึงมากที่สุดในช่วงนี้คือ “นครฉงชิ่ง”
เมืองที่ตื่น หลังพระอาทิตย์ตก
ณัฐ วิมลจันทร์ ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครคุนหมิง เปิดเผยในงานสัมมนา “2026 คว้าโอกาสตลาดจีนในยูนาน” ว่า แรงขับเคลื่อนสำคัญของเศรษฐกิจจีนหลังโควิดคือการฟื้น “เศรษฐกิจกลางคืน”
แม้บางพื้นที่จะยังไม่กลับมาคึกคักเต็มที่ แต่ภาพรวมรัฐบาลจีนเร่งพัฒนาแหล่งท่องเที่ยว พื้นที่เชิงพาณิชย์ และกิจกรรมยามค่ำคืนในหลายเมือง โดยเฉพาะเมืองรอง ให้กลายเป็นแหล่งใช้จ่าย ทั้งตลาด ของฝาก ร้านอาหาร และกิจกรรมท้องถิ่น เพื่อขยายเวลาการบริโภคและสร้างมูลค่าเพิ่มในระบบเศรษฐกิจ
“ฉงชิ่ง” เมือง 8 มิติ กับพลังหม้อไฟยามราตรี
นครฉงชิ่ง (Chongqing) ไม่ใช่แค่เมืองท่องเที่ยวธรรมดา แต่คือหนึ่งใน “สี่มหานครหลักของจีน” เทียบชั้นปักกิ่ง เซี่ยงไฮ้ และเทียนจิน ทว่าความพิเศษที่ทำให้ฉงชิ่งโดดเด่นคือการเป็นเมืองที่ มีชีวิตจริงในยามค่ำคืน
ภูมิประเทศแบบภูเขาซ้อนแม่น้ำ ทำให้เมืองนี้ถูกขนานนามว่า “เมือง 8 มิติ” ตึก ถนน รถไฟ และชุมชนซ้อนทับกันราวฉากหนังไซไฟ ยามค่ำคืนแสงไฟสะท้อนแม่น้ำแยงซี ชีวิตผู้คนเพิ่งเริ่มต้น ร้านอาหารแน่นขนัด เสียงหัวเราะดังแข่งกับไอร้อนจากหม้อไฟ
รัฐบาลจีนผลักดันให้ฉงชิ่งเป็นหนึ่งในต้นแบบของ Midnight Economy ครอบคลุมตั้งแต่ร้านอาหาร บาร์ ผับ ตลาดกลางคืน ร้านค้า 24 ชั่วโมง การแสดงทางวัฒนธรรม การท่องเที่ยวกลางคืน ไปจนถึงบริการส่งอาหารยามดึก ซึ่งช่วยสร้างงาน กระตุ้นรายได้ และทำให้เมือง “ไม่หลับใหล”
นโยบายที่เริ่มก่อนโควิด แต่เติบโตหลังโควิด
ขณะที่ข้อมูลจากสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ (สคต.) ณ เฉิงตูระบุว่า Midnight Economy ไม่ใช่แนวคิดใหม่ รัฐบาลจีนเริ่มส่งเสริมอย่างเป็นทางการตั้งแต่ปี 2562 เพื่อสร้างจุดเติบโตทางเศรษฐกิจใหม่ และเมื่อโควิดจบลง นโยบายนี้ยิ่งกลายเป็นเครื่องมือสำคัญในการฟื้นกำลังซื้อ โดยเศรษฐกิจกลางคืนของจีนครอบคลุมทั้ง
- การค้าและบริการ เช่น ตลาดกลางคืน ร้านอาหาร คาเฟ่เปิดดึก
- วัฒนธรรมและบันเทิง โรงหนัง คอนเสิร์ต พิพิธภัณฑ์เปิดกลางคืน
- นันทนาการ ฟิตเนส 24 ชม. กีฬาเวลากลางคืน
- บริการเดลิเวอรี่และแพลตฟอร์มดิจิทัล
- งานอีเวนต์ เทศกาลแสงสี และกิจกรรมสร้างสรรค์
นอกจากฉงชิ่ง เมืองใหญ่อย่างเซี่ยงไฮ้ ปักกิ่ง เฉิงตู กวางโจว และเซินเจิ้น ต่างได้รับการผลักดันอย่างจริงจัง ส่งผลให้ยอดขายปลีกกลางคืนเพิ่มขึ้น การจ้างงานในภาคบริการขยายตัว และระบบขนส่งสาธารณะต้องยืดเวลาบริการตามไปด้วย
เมืองหลวงแห่งฮอตพอตของโลก
หากจะพูดถึงฉงชิ่งโดยไม่พูดถึง ฮอตพอต คงเป็นไปไม่ได้ เมืองนี้ถูกยกให้เป็น “เมืองหลวงแห่งฮอตพอตของโลก” ร้านฮอตพอตเกือบทุกแห่งเปิดจนดึกดื่น กลายเป็นกิจกรรมหลักของเศรษฐกิจกลางคืน
ย่านอย่าง หงหยาโต่ว อาคารโบราณริมน้ำที่สว่างไสวราวเมืองในนิทาน หรือ จี๋ฟางเจีย เมืองเก่าที่ร้านอาหารยังเปิดยันดึก ล้วนเป็นแม่เหล็กดึงดูดนักท่องเที่ยว ขณะที่การล่องเรือชมวิวแม่น้ำ ตลาดนัดกลางคืน และย่านบันเทิงอย่างจิ่วเจีย ทำให้ฉงชิ่งคึกคักจนถึงเช้า
ทั้งหมดนี้สร้างรายได้เป็นลูกโซ่ ตั้งแต่เกษตรกร ผู้ผลิตวัตถุดิบ ร้านอาหาร โลจิสติกส์ ไปจนถึงแรงงานบริการกลางคืน
เครื่องยนต์เศรษฐกิจที่มากกว่าความบันเทิง
ข้อมูลสคต.ยัง ชี้ว่า Midnight Economy ในบางเมืองใหญ่ของจีนมีสัดส่วนถึง 15–20% ของการบริโภคทั้งหมด การขยายเวลาใช้จ่ายออกไปอีก 6–8 ชั่วโมง ไม่เพียงเพิ่มรายได้ แต่ยังสร้าง “ระบบนิเวศเศรษฐกิจ” ที่เชื่อมโยงหลายอุตสาหกรรมเข้าด้วยกัน เมืองที่มีชีวิตยามค่ำคืนยังดึงนักท่องเที่ยวให้อยู่ได้นานขึ้น ใช้จ่ายมากขึ้น และตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่ที่ทำงานจนดึก
บทเรียนถึงไทย ที่ต่อยอดไปได้ไกล
อย่างไรก็ตาม สคต. ณ เฉิงตู มองว่า ไทยมีจุดแข็งคล้ายจีน คือวัฒนธรรมการกินกลางคืน อาหารริมทาง และอากาศที่เหมาะกับกิจกรรมกลางแจ้ง
แนวคิดที่ไทยสามารถต่อยอดได้ เช่น
- Midnight Food & Culture ตลาดอาหารและวัฒนธรรมยามค่ำคืน
- Night Shopping Districts ขยายเวลาห้างในบางพื้นที่
- Night Tourism ทัวร์วัด ทัวร์อาหารยามค่ำคืน
โดยอาจเริ่มจากพื้นที่นำร่อง เช่น เจริญกรุง สนามหลวง หรือเกาะรัตนโกสินทร์ พร้อมมาตรการสนับสนุนด้านภาษี ค่าสาธารณูปโภค การขนส่งสาธารณะ และมาตรฐานความปลอดภัย
เมืองไม่หลับ เศรษฐกิจก็ไม่หยุด
กรณีของฉงชิ่งสะท้อนว่า Midnight Economy จะสำเร็จได้ ต้องเติบโตจากวัฒนธรรมที่มีอยู่จริง ไม่ใช่การสร้างภาพชั่วคราว เมื่อรัฐทำหน้าที่เสริมโครงสร้างพื้นฐาน ความปลอดภัย และกติกาที่เหมาะสม เมืองก็จะมีชีวิต เศรษฐกิจก็เดินต่อ และในวันที่จีนไม่ได้แข่งกันแค่เรื่องสินค้า แต่แข่งกันด้วย “ประสบการณ์” ยามค่ำคืน เมืองรองอย่างฉงชิ่งจึงก้าวขึ้นมาเป็นดาวเด่น ที่นักท่องเที่ยวไทยเริ่มมองเป็นจุดหมายปลายทาง


