เปิดโลกพลังงานนิวเคลียร์เกาหลีใต้ ผ่าน KAERI & KHNP CRI กับบทเรียนสู่ i-SMR
เปิดโลกนิวเคลียร์เกาหลีใต้ ผ่านประสบการณ์ตรงจาก KAERI และ KHNP CRI กับบทเรียนสู่ i-SMR เทคโนโลยีอนาคตสำหรับเมืองอัจฉริยะไทยกับดร.ณัทกฤช อภิภูชยะกุล คอลัมนิสต์ด้านพลังงานของ Post Today
KEY
POINTS
- เกาหลีใต้ประสบความสำเร็จในการพัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ จากการเป็นผู้นำเข้าเทคโนโลยีสู่การเป็นผู้ผลิตและส่งออกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ได้ด้วยตนเอง โดยมีสถาบันวิจัย KAERI และ KHNP CRI เป็นหน่วยงานหลักในการขับเคลื่อน
- สถาบันวิจัย KAERI มีบทบาทสำคัญในการวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ รวมถึงการศึกษาการจัดการกากกัมมันตรังสีระดับสูงอย่างปลอดภัยในระยะยาวผ่านอุโมงค์วิจัยใต้ดิน KURT
- เกาหลีใต้กำลังมุ่งพัฒนาเทคโนโลยี i-SMR ซึ่งเป็นเตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็กรุ่นใหม่ที่มีความปลอดภัยสูง สามารถติดตั้งใต้ดิน และออกแบบมาเพื่อรองรับเมืองอัจฉริยะ (Smart City) ในอนาคต
บทความนี้ ดร.ณัทกฤช อภิภูชยะกุล คอลัมนิสต์ด้านพลังงานของ Post Today ขอแบ่งปันเรื่องราวและประสบการณ์ที่ได้ไปศึกษาดูงาน ณ สถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูเกาหลี หรือ Korea Atomic Energy Research Institute (KAERI) และ สถาบันวิจัยกลางด้านพลังงานน้ำและนิวเคลียร์แห่งประเทศเกาหลี หรือ Korea Hydro & Nuclear Power Central Research Institute (KHNP CRI) เมื่อวันที่ 5-8 พฤศจิกายน 2568 ร่วมกับทางการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.) นำทีมโดย นายวฤต รัตนชื่น รองผู้ว่าการยุทธศาสตร์ นายศิริวัฒน์ เจ็ดสี รองผู้ว่าการพัฒนาโรงไฟฟ้าและพลังงานหมุนเวียน นายวีระ ตั้งวิชาชาญ ผู้ช่วยผู้ว่าการบริหารเชื้อเพลิง พร้อมด้วยนักวิชาการ อาจารย์มหาวิทยาลัยและอินฟลูเอนเซอร์ด้านพลังงาน ร่วมกว่า 30 ท่าน
หลายคนอาจยังไม่ทราบว่า “เกาหลีใต้” คือหนึ่งในประเทศที่พัฒนาเทคโนโลยีพลังงานนิวเคลียร์ก้าวหน้าเร็วที่สุดในโลก หากย้อนกลับไปเมื่อหลายสิบปีก่อน เกาหลียังต้องพึ่งพาการนำเข้าเทคโนโลยีจากต่างประเทศอยู่ แต่วันนี้พวกเขากลายเป็นผู้ผลิตและผู้ส่งออกโรงไฟฟ้านิวเคลียร์เต็มรูปแบบ
เกาหลีใต้ใช้เวลาไม่นานในการส่งเสริมเทคโนโลยีนิวเคลียร์ให้เป็นหนึ่งในยุทธศาสตร์ทางเศรษฐกิจ สร้างอุตสาหกรรมเทคโนโลยีของตนเอง สร้างงานคุณภาพสูง และลดการพึ่งพาพลังงานนำเข้าในระยะยาว พร้อมทั้งผลักดันเทคโนโลยีใหม่ที่เรียกว่า i-SMR ที่ตอบโจทย์เมืองอัจฉริยะในอนาคต
จากโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรก KORI-1 สู่เทคโนโลยีใหม่ล่าสุด i-SMR
เกาหลีใต้เดินเครื่องโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แห่งแรกคือ KORI-1 ในปี 1978 โดยเริ่มจากการนำเข้าเทคโนโลยีจากอเมริกาและแคนาดา แต่สิ่งที่สำคัญคือ เกาหลีไม่ได้แค่ซื้อเทคโนโลยีมาใช้ พวกเขาเรียนรู้วิธีสร้างและการออกแบบไปพร้อมกัน
ผลจากการเรียนรู้ตั้งแต่ยุคแรกทำให้เกาหลีใต้สามารถพัฒนาเทคโนโลยีของตนเอง เช่น OPR-1000 และ APR-1400 ซึ่งต่อมาเกาหลีใต้สามารถส่งออกเทคโนโลยีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์จำนวน 4 เครื่องไปยังสหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ (UAE) ในปี 2009 ซึ่งถือเป็นความสำเร็จที่น้อยประเทศจะทำได้ การส่งออกเทคโนโลยีระดับสูงนี้ เป็นหมุดหมายหลักในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานภายในประเทศตั้งแต่วิศวกร ผู้ผลิตอุปกรณ์ ไปจนถึงภาคการก่อสร้าง
ปัจจุบัน เกาหลีใต้มีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ 26 โรง คิดเป็นประมาณ 30% ของปริมาณไฟฟ้าที่ใช้ทั้งประเทศ ดำเนินการโดย KHNP และกำลังก่อสร้างเพิ่มอีก 4 โรง โดยใช้เทคโนโลยีภายในประเทศทั้งหมด
Korea Atomic Energy Research Institute (KAERI) และอุโมงค์วิจัยการเก็บกากกัมมันตรังสีใต้ดิน (KAERI Underground Research Tunnel - KURT)
สถานที่แรกที่ไปเยี่ยมชม คือ สถาบันวิจัยพลังงานปรมาณูเกาหลี Korea Atomic Energy Research Institute (KAERI) ก่อตั้งในปี 1959 ที่เมืองแทจอน (Daejeon) เป็นสถาบันวิจัยระดับชาติที่ทำหน้าที่ผลักดันด้านการวิจัยและพัฒนา (R&D) ด้านนิวเคลียร์ โดยได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องจากรัฐบาลมาเป็นเวลากว่า 60 ปี
บทบาทของ KAERI ครอบคลุมตั้งแต่การออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ ความปลอดภัย วัฏจักรเชื้อเพลิง ระบบการทดสอบต่างๆ การใช้ประโยชน์จากรังสีในภาคอุตสาหกรรม อาหาร เกษตร และยาไปจนถึงการเป็นศูนย์กลางความร่วมมือระดับชาติและนานาชาติด้านพลังงานนิวเคลียร์ นอกจากนั้น KAERI ยังเดินหน้าวิจัยเครื่องปฏิกรณ์นิวเคลียร์รุ่นอนาคต (GEN IV) ที่สามารถนำกากนิวเคลียร์เดิมกลับมาใช้ใหม่ ช่วยลดปริมาณของเสียในระยะยาว
หนึ่งในจุดเด่นของสถาบัน KAERI คือ KURT – KAERI Underground Research Tunnel เป็นอุโมงค์วิจัยใต้ดินลึก 120 เมตร ยาว 551 เมตร ที่ใช้สำหรับทดสอบวิธีการเก็บกากกัมมันตรังสีหรือเชื้อเพลิงใช้แล้ว ให้ปลอดภัยยาวนานหลายหมื่นถึงแสนปี
อุโมงค์นี้ถูกสร้างขึ้นบนชั้นหินแกรนิตเพื่อใช้ศึกษาการจัดเก็บกากกัมมันตรังสีระดับสูง นักวิจัยจะทำการทดสอบสถานะต่างๆ เช่น ความแข็งแรงของชั้นหิน การไหลของน้ำใต้ดิน ภาชนะบรรจุเชื้อเพลิง เพื่อให้มั่นใจว่าการเก็บกากนิวเคลียร์จะมีความปลอดภัยในระยะยาว ด้วยความพิเศษของอุโมงค์นี้ที่น้ำใต้ดินเป็นชนิด “ไร้ออกซิเจน” (Anoxic Water) ช่วยลดการกัดกร่อนของภาชนะบรรจุ ทำให้เชื้อเพลิงใช้แล้วคงสภาพได้นานยิ่งขึ้น
แม้ในปัจจุบันอุโมงค์วิจัย KURT จะเป็นเพียงศูนย์วิจัย แต่ที่นี่ถือว่าเป็นฐานข้อมูลสำคัญที่รองรับการออกแบบสถานที่จัดเก็บเชื้อเพลิงใช้แล้วแบบถาวรในอนาคต ที่ได้รับความร่วมมือกับนานาประเทศภายใต้ข้อกำหนดของ IAEA หรือ International Atomic Energy Agency (ทบวงการพลังงานปรมาณูระหว่างประเทศ)
สถาบันวิจัยกลางด้านพลังงานน้ำและนิวเคลียร์แห่งประเทศเกาหลี (Korea Hydro & Nuclear Power Central Research Institute – KHNP CRI)
สถาบันวิจัยกลางด้านพลังงานน้ำและนิวเคลียร์ของบริษัท KHNP (KHNP CRI) ตั้งอยู่ที่เมืองแทจอน (Daejeon) ดำเนินการด้านการพัฒนาความปลอดภัยและประสิทธิภาพของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ตั้งแต่ระบบดิจิทัล เทคโนโลยีการบำรุงรักษาเชิงคาดการณ์ ไปจนถึงการออกแบบเครื่องปฏิกรณ์ใหม่อย่าง i-SMR
SMR หรือ Small Modular Reactor คือ “เตาปฏิกรณ์นิวเคลียร์ขนาดเล็ก” ที่ออกแบบเพื่อให้ปลอดภัยกว่า มีขนาดเล็กกว่า ใช้พื้นที่น้อยกว่า และสร้างได้รวดเร็วกว่าโรงไฟฟ้านิวเคลียร์แบบดั้งเดิม ปกติแล้วจะมีขนาด 50-300MW (สามารถหาข้อมูลอ่านเพิ่มเติมเกี่ยวกับ SMR ได้จากบทความ: ผ่า SMR ชวนหาคำตอบ เกิด -ไม่เกิด? กับ 'สำนักงานปรมาณูเพื่อสันติ')
i-SMR: โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กรุ่นใหม่เพื่อรองรับแนวคิด Smart City
ตัวชูโรงของสถาบัน KHNP คือ i-SMR หรือ “โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ขนาดเล็กรุ่นใหม่” ที่ออกแบบเพื่อรองรับแนวคิด Smart City สามารถติดตั้งใต้ดินและใช้ระบบความปลอดภัยแบบ Passive ที่ไม่ต้องใช้ไฟฟ้าและพนักงานเดินเครื่องเมื่อมีเหตุฉุกเฉิน โดยจุดเด่นหลักของ i-SMR คือ
- เป็นปฏิกรณ์ใช้น้ำระบายความร้อน
- ติดตั้งเครื่องปฏิกรณ์ไว้ใต้ดิน
- มีระบบความปลอดภัยแบบ Passive ไม่ต้องใช้พลังงานในกรณีฉุกเฉิน
- ออกแบบให้รองรับแผ่นดินไหวได้ถึง 0.3–0.5g (เทียบกับตอนแผ่นดินไหวครั้งล่าสุดที่กรุงเทพฯ เครื่องวัดที่เขื่อนภูมิพลวัดค่าได้สูงสุดประมาณ 0.00457g)
- ใช้ศูนย์ควบคุมอัจฉริยะ AI/ICT ควบคุมการเดินเครื่อง และใช้ Big Data ในการประมวลข้อมูล เพื่อวิเคราะห์ความเสื่อมสภาพของอุปกรณ์ พร้อมคาดการณ์ความเสี่ยงในอนาคต
ปัจจุบัน รัฐบาลเกาหลีมีแผนพัฒนาโครงการ i-SMR ร่วมกับพลังงานหมุนเวียนและไฮโดรเจน ในเมืองแดกู เพื่อสร้างต้นแบบเมือง Smart Net-Zero ให้ใช้พลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพและปล่อยคาร์บอนต่ำ
หากความเสี่ยงต่ำ ความเชื่อมั่นจะสูงขึ้น
หากมองในมุมเศรษฐศาสตร์ “ความเสี่ยง (Risk)” คือต้นทุนที่สูงที่สุดในการลงทุนโครงการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ไม่ว่าจะเป็นความเสี่ยงด้านประสิทธิภาพหรือด้านความปลอดภัย ความน่าเชื่อถือจึงมีความสำคัญเป็นอย่างยิ่ง หลายประเทศที่มุ่งไปยังทิศทางของพลังงานสะอาดจึงเน้นย้ำถึงการสร้างการยอมรับจากภาคประชาชนต่อเทคโนโลยีนิวเคลียร์
ยกตัวอย่างประเทศใกล้เคียงอย่างญี่ปุ่นที่ได้เน้นย้ำถึงการสร้างความเชื่อมั่นในเทคโนโลยีนิวเคลียร์เพื่อเพิ่มการยอมรับจากประชาชน (อ่านรายละเอียดได้จากบทความ เมื่อความเชื่อมั่นคือพลังงานรูปแบบใหม่ของญี่ปุ่น The New Nuclear Era) การลงทุนเม็ดเงินมหาศาลไปกับงานวิจัยและพัฒนาเทคโนโลยีนิวเคลียร์ก็จะสามารถนำไปสู่ผลลัพธ์ทางเศรษฐกิจอย่างมากมาย
อธิบายให้เห็นภาพเปรียบเทียบง่ายๆ เช่น เมื่อความเชื่อมั่นต่อเทคโนโลยีมากขึ้น เกาหลีก็สามารถส่งออกเทคโนโลยีไปต่างประเทศได้ สร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจอย่างมหาศาล ประกอบกับการเพิ่มขึ้นของโครงการ Data Center ที่ต้องการพลังงานสะอาดจำนวนมาก (จากข่าว IEA เผยทั่วโลกทุ่มงบลงทุน Data Center แซงหน้าธุรกิจน้ำมันเหตุ AI บูม) เมื่อนำทุกอย่างประกอบเข้าด้วยกัน เราจึงสามารถมองเห็นวิสัยทัศน์ของเกาหลีใต้ ที่ต้องการเป็นผู้นำด้านเทคโนโลยี SMR นี้
ขอบคุณภาพจากฝ่ายสื่อสารและประชาสัมพันธ์องค์การ การไฟฟ้าฝ่ายผลิตแห่งประเทศไทย (กฟผ.)


