ดีอีเร่งพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 105 เมืองทั่วไทย ภายในปี 70
กระทรวงดีอีเดินหน้าพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 105 เมืองทั่วไทย ภายในปี 2570 ครอบคลุม 7 มิติหลัก ยกระดับคุณภาพชีวิต เศรษฐกิจ สังคม สู่เป้าหมายดิจิทัลและความยั่งยืน
“ดีอี” เร่งเดินหน้าพัฒนาเมืองสู่อนาคต ตั้งเป้าพัฒนาเมืองอัจฉริยะ 105 เมือง ภายในปี 2570 ภายใต้วิสัยทัศน์การสร้าง “เมืองน่าอยู่ เมืองทันสมัย” ที่ใช้เทคโนโลยีและนวัตกรรมเป็นเครื่องมือสำคัญในการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนอย่างยั่งยืน ทั้งในมิติสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เปิดเผยเมื่อวันที่ 27 สิงหาคม 2568 ว่า กระทรวงดีอีได้ให้การรับรองตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะเพิ่มอีก 1 เมือง ได้แก่ โครงการ “ภูเก็ตทินิคอนวัลเลย์” พร้อมต่ออายุตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะเดิมอีก 16 เมือง ส่งผลให้ปัจจุบันประเทศไทยมีเมืองอัจฉริยะแล้ว 37 เมือง ครอบคลุม 16 จังหวัด จากทุกภูมิภาค ซึ่งนับเป็นก้าวสำคัญของการขับเคลื่อนประเทศสู่เศรษฐกิจดิจิทัลและการพัฒนาที่ยั่งยืน ตามยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี
สำหรับเมืองที่จะผ่านเกณฑ์การประเมินการต่ออายุตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะได้ ต้องเป็นเมืองที่มีความคืบหน้าในการดำเนินงานตั้งแต่ร้อยละ 50 ขึ้นไป จึงจะได้รับการต่ออายุการเป็นเมืองอัจฉริยะ อีก 2 ปี โดย 16 เมืองที่ได้รับการต่ออายุตราสัญลักษณ์เมืองอัจฉริยะ ได้แก่
- แม่เมาะเมืองน่าอยู่ จ.ลำปาง
- คลองผดุงกรุงเกษม กรุงเทพมหานคร
- ยะลาเมืองอัจฉริยะเพื่อการมีส่วนร่วมของประชาชน
- สามย่านสมาร์ทซิตี้ กรุงเทพมหานคร
- ขอนแก่นเมืองอัจฉริยะ
- เมืองอัจฉริยะวังจันทร์วัลเลย์ จ.ระยอง
- นครเชียงรายสู่เมืองอัจฉริยะ
- ภูเก็ตเมืองอัจฉริยะ
- มหาวิทยาลัยเชียงใหม่เมืองอัจฉริยะ
- เมืองศรีตรัง
- โคราชเมืองอัจฉริยะ
- แสนสุขสมาร์ทซิตี้ จ.ชลบุรี
- เมืองน่านสู่เมืองอัจฉริยะ
- การพัฒนาเมืองเก่าอย่างชาญฉลาด
- กระบี่เมืองอัจฉริยะ
- ฉะเชิงเทรา
เมืองน่าอยู่ น่าเที่ยว น่าลงทุน ซึ่งเมืองอัจฉริยะ 4 เมืองแรก เป็นเมืองที่มีความคืบหน้ามากกว่าร้อยละ 80 ทั้งนี้ ตั้งแต่ปี พ.ศ. 2564 ได้มีการส่งเสริมให้ภาคเอกชนเกิดการลงทุนมากกว่า 3.09 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ รองนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ดำเนินการส่งเสริมศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ ให้เป็น Smart Government Complex ซึ่งศูนย์ราชการแจ้งวัฒนะฯ เป็นที่ตั้งของหน่วยงานราชการหลายกระทรวง มีบุคลากรประจำกว่า 35,000 คน และมีประชาชนสัญจรเข้าออกมากกว่า 50,000 คนต่อวัน จึงถือเป็นพื้นที่ที่มีศักยภาพสูงในการพัฒนาเป็น Smart City Sandbox
ทั้งนี้ หากสามารถดำเนินการตามแนวคิดดังกล่าวได้ จะช่วยยกระดับพื้นที่ราชการให้เป็นต้นแบบเมืองอัจฉริยะ โดยนำเทคโนโลยีมาประยุกต์แก้ไขปัญหาสำคัญ เช่น การจัดการระบบจราจร การเพิ่มพื้นที่สีเขียว การพัฒนาสิ่งแวดล้อม รวมถึงการยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนในพื้นที่ให้ดียิ่งขึ้น พร้อมทั้งเป็นแหล่งองค์ความรู้และการทดลองนวัตกรรมดิจิทัลที่สามารถขยายผลการพัฒนาเมืองอัจฉริยะสู่เมืองอื่น ๆ ต่อไปได้


