ฟอร์ดเปิดกลยุทธ์ ตอกย้ำแบรนด์ Built Tough รับมือสงครามราคา EV
ฟอร์ดตอกย้ำความสำเร็จด้วยกลยุทธ์ “Built Tough” ที่มุ่งเน้นความแกร่งและประสิทธิภาพ พร้อมเผยแผนรับมือตลาด EV และอนาคตธุรกิจในไทย
KEY
POINTS
- ฟอร์ดรับมือสงครามราคา EV โดยยังไม่เข้าร่วมตลาดในทันที แต่รอจังหวะที่เหมาะสม เนื่องจากมองว่าตลาดยังผันผวนและลูกค้ากลุ่มหลักยังไม่พร้อม
- ตอกย้ำภาพลักษณ์แบรนด์ "Built Tough" ที่เน้นความแข็งแกร่งและสมรรถนะ โดยมุ่งทำตลาดผลิตภัณฑ์หลักอย่างรถกระบะ Ranger และรถอเนกประสงค์ Everest
- ใช้กลยุทธ์สร้างแบรนด์ให้แข็งแกร่งแทนการแข่งขันด้านราคาโดยตรง เพื่อเจาะกลุ่มลูกค้าได้หลากหลายตั้งแต่ระดับใช้งานหนักไปจนถึงรุ่นพรีเมียม
- ชูจุดแข็งของประเทศไทยในฐานะฐานการผลิตสำคัญเพื่อการส่งออก ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพและความน่าเชื่อถือของแบรนด์
แม้ปัจจุบันตลาดรถยนต์จะเต็มไปด้วยความท้าทาย ทั้งภาวะเศรษฐกิจที่ชะลอตัวและการเข้ามาของรถยนต์ไฟฟ้า (EV) แต่ ฟอร์ด ประเทศไทย ยังคงรักษาตำแหน่งผู้นำในกลุ่มรถกระบะและรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ได้อย่างแข็งแกร่งด้วยกลยุทธ์ที่มุ่งเน้นความเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง และการสร้างภาพลักษณ์แบรนด์ "Built Tough" ที่ชัดเจน
นายเมธัส ลิขิตสัจจากุล ผู้อำนวยการฝ่ายการตลาด ฟอร์ด ประเทศไทย ได้เผยถึงแนวคิดและแผนงานที่น่าสนใจของฟอร์ดในประเทศไทย
รับมือกับกระแส EV: เมื่อไหร่ที่ฟอร์ดจะลุยตลาดไทยเต็มตัว?
กระแสรถยนต์ไฟฟ้าในไทยกำลังมาแรง แต่ฟอร์ดมองว่าตลาด EV ยังมีความผันผวนด้านราคาและผู้บริโภคยังคงมีความกังวล โดยเฉพาะในกลุ่มลูกค้าที่มองหารถยนต์นั่งอเนกประสงค์อย่าง Ford Everest ซึ่งมีราคาอยู่ในช่วงใกล้เคียงกับรถ EV บางรุ่น ฟอร์ดเองมีผลิตภัณฑ์ EV ที่หลากหลายอยู่แล้วในตลาดโลก เช่น Ranger PHEV และ F-150 Lightning แต่ยังคงมองหา "จังหวะที่เหมาะสม" ในการเปิดตัวในตลาดไทย โดยพิจารณาจากราคาและขนาดตลาดที่รองรับได้
อย่างไรก็ตาม ฟอร์ดมองว่ารถกระบะ EV ยังไม่เหมาะกับตลาดไทยในเวลานี้ เนื่องจากลูกค้ากลุ่มนี้ค่อนข้าง "Conservative" และกังวลเรื่องสถานีชาร์จ ความทนทาน และต้นทุนของแบตเตอรี่ ซึ่งแตกต่างจากพฤติกรรมลูกค้าในสหรัฐฯ ที่ให้ความสำคัญกับสมรรถนะการบรรทุกและลากจูงมากกว่า
มุ่งเน้นผลิตภัณฑ์หลัก: Ranger และ Everest คือหัวใจสำคัญ
ปัจจุบัน ฟอร์ด ประเทศไทย ให้ความสำคัญกับรถกระบะ Ranger และรถยนต์นั่งอเนกประสงค์ Everest เป็นหลัก โดยไม่ได้เน้นไปที่รถยนต์นั่งซีดานอย่าง Focus หรือ Fiesta อีกต่อไป การปรับกลยุทธ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงการมุ่งเน้นผลิตภัณฑ์ที่แข็งแกร่งและตอบโจทย์ความต้องการของตลาดไทยมากที่สุด
ฟอร์ดกำลังจะเปิดตัว Ford Super Duty ซึ่งเป็นรถกระบะที่ผลิตในไทยเพื่อตอบสนองกลุ่มลูกค้าเฉพาะทาง เช่น เจ้าของธุรกิจเกษตรกรรมและก่อสร้างที่ต้องการรถสำหรับบรรทุกและลากจูงหนักโดยไม่ต้องดัดแปลง ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความเข้าใจในความต้องการเฉพาะกลุ่มของลูกค้าอย่างแท้จริง
การสร้างแบรนด์: ไม่ใช่แค่ Mass แต่คือ "Built Tough"
ฟอร์ดไม่ได้จำกัดตัวเองว่าเป็นแบรนด์พรีเมียมหรือแบรนด์ตลาดทั่วไป แต่เน้นการสร้างภาพลักษณ์ "Built Tough" ที่สื่อถึงความแข็งแกร่งและประสิทธิภาพเป็นหลัก ผลิตภัณฑ์ของฟอร์ดตอบโจทย์ลูกค้าได้หลากหลายกลุ่ม ตั้งแต่รถใช้งานหนักในระดับเริ่มต้นไปจนถึงรุ่นพรีเมียมและรุ่นสมรรถนะสูงอย่าง Raptor ซึ่งทำให้ฟอร์ดสามารถเจาะกลุ่มลูกค้าที่มีกำลังซื้อได้ดี แม้ในช่วงเศรษฐกิจชะลอตัวก็ตาม
การตลาดที่เข้าถึงผู้บริโภคยุคใหม่
ฟอร์ดใช้กลยุทธ์ทางการตลาดที่หลากหลายเพื่อสร้างการมีส่วนร่วมกับลูกค้าในยุคดิจิทัล ทั้งการร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง CP All ที่มอบส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้าในแคมเปญ Ford Everest ซึ่งประสบความสำเร็จอย่างสูง นอกจากนี้ยังให้การสนับสนุนตัวแทนจำหน่าย (Dealer Engagement) ในการสร้างคอนเทนต์ออนไลน์บน Facebook และ TikTok ซึ่งช่วยเพิ่มยอดเข้าชมคลิปวิดีโอจากหลักแสนเป็นหลักสิบล้านวิวต่อเดือน
ฟอร์ดยังได้ทดลองใช้ Live Commerce หรือการไลฟ์สดขายรถยนต์ แม้ยอดขายโดยตรงอาจไม่สูงมาก แต่ก็ได้เรียนรู้ว่าเนื้อหาที่น่าสนใจ มีความเป็น "Entertainment Value" และเป็นรูปแบบการสนทนาจะดึงดูดผู้ชมและสร้างการมีส่วนร่วมได้ดีกว่าการนำเสนอเพียงสเปครถอย่างเดียว
ฐานการผลิตที่แข็งแกร่งและเป้าหมายในอนาคต
ประเทศไทยถือเป็นฐานการผลิตสำคัญของฟอร์ด มีโรงงาน 2 แห่งที่จังหวัดระยอง ซึ่งทำหน้าที่ผลิตและส่งออกไปยังตลาดสำคัญทั่วโลก เช่น ออสเตรเลีย นิวซีแลนด์ แอฟริกาใต้ และตะวันออกกลาง โดย Ford Ranger เป็นรถกระบะที่ขายดีอันดับ 1 ในออสเตรเลีย ซึ่งสะท้อนถึงคุณภาพการผลิตของฟอร์ดในประเทศไทยได้เป็นอย่างดี
สำหรับเป้าหมายสิ้นปี 2567 ฟอร์ดคาดว่าจะรักษาส่วนแบ่งทางการตลาด และมองว่าปี 2568 จะมีการเติบโตที่มากขึ้นด้วยผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ เช่น Super Duty รวมถึงความมุ่งมั่นในการทำความเข้าใจลูกค้าและการปรับตัวให้เข้ากับพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงไป
กลยุทธ์ที่เข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้งและการมุ่งเน้นการสร้างแบรนด์ที่ชัดเจน ทำให้ฟอร์ดพร้อมที่จะขับเคลื่อนไปข้างหน้าและรักษาความเป็นผู้นำในตลาดรถยนต์ไทยได้อย่างมั่นคง ไม่ว่ากระแสการเปลี่ยนแปลงจะรุนแรงแค่ไหนก็ตาม


