posttoday

ตลาดคาร์บอนคึกคัก GISTDA ใช้ AI อวกาศ ลดต้นทุนประเมินเครดิตป่าไม้

10 มิถุนายน 2568

ปฏิวัติการประเมินคาร์บอนเครดิตภาคป่าไม้ GISTDA นำเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศมาช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพ ได้อย่างไร?

ปัจจุบัน "ตลาดคาร์บอน" ได้กลายเป็นกลไกสำคัญในการขับเคลื่อนการลดก๊าซเรือนกระจก ประเทศไทยเองก็มีบทบาทสำคัญผ่าน "โครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER)" ขององค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (อบก.) ซึ่งเปิดโอกาสให้องค์กรและบุคคลทั่วไปสามารถสร้างคาร์บอนเครดิตจากการลดการปล่อยหรือดูดกลับก๊าซเรือนกระจกเพื่อนำไปจำหน่ายในตลาดคาร์บอนภาคสมัครใจ

 

ข้อมูลจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (https://www.tgo.or.th/2023/index.php/th/ ) ระบุปริมาณและมูลค่าการซื้อขายคาร์บอนเครดิตจากโครงการ T-VER ณ วันที่ 17 กุมภาพันธ์ 2568 มียอดสะสม 3,598,457 ตัน คาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า คิดเป็นมูลค่า 322,614,985 บาท โดยโครงการประเภทชีวมวล มีปริมาณการซื้อขายคาร์บอนเครดิตสูงที่สุด คือ 1,578,308 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าและมีราคาเฉลี่ย 36.82 บาทต่อตัน

 

ขณะที่คาร์บอนเครดิตในโครงการประเภทป่าไม้ กำลังได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้น โดยมีปริมาณการซื้อขาย 315,553 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าและมีราคาเฉลี่ยสูงถึง 305.14 บาทต่อตัน สะท้อนถึงศักยภาพมหาศาลของภาคป่าไม้ในการเป็นแหล่งกักเก็บคาร์บอน

 

ตลาดคาร์บอนคึกคัก GISTDA ใช้ AI อวกาศ ลดต้นทุนประเมินเครดิตป่าไม้

 

ปัจจุบันการซื้อขายคาร์บอนภาคสมัครใจในประเทศไทย ผู้พัฒนาโครงการต้องมีการประเมินและรับรองคาร์บอนเครดิตตามระเบียบวิธีการที่ อบก.กำหนด ซึ่งมีการประเมินคาร์บอนในโครงการหลายประเภท ทั้งด้านพลังงาน ระบบขนส่ง การจัดการของเสีย โรงงานอุตสาหกรรม การดักจับหรือใช้ประโยชน์จากก๊าซเรือนกระจก ภาคป่าไม้และการเกษตร

 

แต่กระบวนการประเมินคาร์บอนเครดิตกลับมี ค่าใช้จ่ายที่ค่อนข้างสูง โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับโครงการขนาดเล็ก แม้จะมีความพร้อมและศักยภาพ แต่ต้นทุนที่สูงนี้อาจทำให้ผลตอบแทนที่ได้รับ "ไม่คุ้มค่า" ส่งผลให้ตลาดคาร์บอนเครดิตในภาคป่าไม้และการเกษตรของไทยไม่เติบโตเท่าที่ควร นี่คือจุดที่นวัตกรรมเข้ามามีบทบาทสำคัญ

 

GISTDA นำทัพเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศเพื่อการประเมินคาร์บอนเครดิตที่คุ้มค่า

 

เพื่อแก้ไขปัญหาดังกล่าว สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) หรือ GISTDA ได้ก้าวเข้ามาเป็นผู้นำในการนำเสนอระเบียบวิธีใหม่ ๆ ที่จะช่วยให้การประเมินการกักเก็บคาร์บอนมีค่าใช้จ่ายที่ถูกลง สามารถประเมินได้อย่างรวดเร็วและแม่นยำยิ่งขึ้น ด้วยการผสานรวม เทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ

 

ล่าสุด อบก. ได้ให้การรับรอง "การประเมินการกักเก็บมวลชีวภาพ (คาร์บอน) สะสมในพื้นที่ป่าด้วยแบบจำลอง Machine Learning เพื่อการบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจกสำหรับประเทศไทย และการประเมินมวลชีวภาพป่าไม้ด้วยอากาศยานไร้คนขับ ในระดับรายแปลง" โดยรองรับการประเมินบนพื้นที่ป่า 4 ประเภท (ป่าดิบเขา ป่าผสมผลัดใบ ป่าเต็งรัง ป่าชายเลน) และ 1 พืชเกษตร (สวนยางพารา)

 

ล้ำหน้าด้วยเทคโนโลยี ลดขั้นตอน ลดค่าใช้จ่าย

วิธีการประเมินแบบดั้งเดิมที่ อบก. กำหนดไว้มี 4 ทางเลือก ได้แก่ การนับจำนวนต้นไม้, การวัดขนาดต้นไม้, การใช้เทคโนโลยีการสำรวจระยะไกลด้วยปัญญาประดิษฐ์ และวิธีอื่น ๆ ที่ อบก. เห็นชอบ ซึ่งสองวิธีแรกเหมาะสำหรับพื้นที่ขนาดเล็ก แต่หากเป็นพื้นที่หลายร้อยถึงพันไร่ การใช้คนนับหรือวัดต้นไม้แทบจะเป็นไปไม่ได้ จึงต้องพึ่งพาวิธีที่สาม ซึ่งต้องใช้ภาพถ่ายดาวเทียมเพื่อกำหนดขอบเขตพื้นที่ และสุ่มวางแปลงตรวจวัดการเติบโตของต้นไม้ตามเกณฑ์ที่กำหนด

 

ดร.สยาม ลววิโรจน์วงศ์ ผู้อำนวยการสำนักประยุกต์และบริหารภูมิสารสนเทศ GISTDA อธิบายว่า ปัจจุบัน GISTDA ได้พัฒนาวิธีการใช้ข้อมูลจากดาวเทียมในการประเมินการกักเก็บคาร์บอน ซึ่งได้รับการรับรองจาก อบก. แล้ว วิธีการนี้ช่วยให้การทำงานรวดเร็วขึ้น ครอบคลุมพื้นที่ได้กว้างขึ้น และแม่นยำกว่าการใช้คนเข้าพื้นที่โดยตรง

 

นอกจากนี้ การซื้อขายคาร์บอนเครดิตยังต้องมีการประเมินถึง 2 ครั้ง คือ ครั้งแรกเพื่อกำหนดเป็นปีฐาน และครั้งที่สองเพื่อประเมินปริมาณคาร์บอนที่เพิ่มขึ้นเพื่อนำส่วนต่างไปขาย ซึ่งแต่ละครั้งก็มีค่าใช้จ่ายสูง ทำให้โครงการขนาดเล็กที่มีผลตอบแทนต่ำไม่คุ้มค่ากับการลงทุน

 

GISTDA จึงได้นำเสนอระเบียบวิธีการประเมินใหม่ที่ใช้ข้อมูลภาพถ่ายดาวเทียมร่วมกับ เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ (AI) และ เทคโนโลยีไลดาร์ (LiDAR) เพื่อเพิ่มความถูกต้องแม่นยำ และที่สำคัญคือ ลดค่าใช้จ่าย ได้อย่างมีนัยสำคัญ

 

"Carbon Atlas" แพลตฟอร์มดิจิทัลเพื่ออนาคตคาร์บอนเครดิตไทย

เพื่ออำนวยความสะดวกให้ประชาชนและหน่วยงานที่สนใจ GISTDA ได้พัฒนา "Carbon Atlas" ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มดิจิทัลที่จะรองรับการให้บริการการประเมินการกักเก็บคาร์บอนด้วยวิธีการใหม่นี้ ผู้ที่สนใจจะขายคาร์บอนเครดิตสามารถเข้ามาวาดขอบเขตแปลงที่ดินบน "แผนที่คาร์บอน" หรือ "Carbon Map" ที่ GISTDA จัดทำขึ้นทุกปี ผ่านคอมพิวเตอร์หรือโทรศัพท์มือถือ เพื่อประเมินศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนของพื้นที่นั้น ๆ ก่อนนำไปขอขึ้นทะเบียนกับ อบก.

 

วิธีการนี้จะช่วยลดค่าใช้จ่ายในการประเมินคาร์บอนได้อย่างมาก ทำให้การประเมินสะดวก รวดเร็ว แม่นยำ และน่าเชื่อถือยิ่งขึ้น GISTDA คาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการผ่านแพลตฟอร์ม "Carbon Atlas" ได้ภายในปลายปี 2568

 

ทั้งนี้ การพัฒนาเทคโนโลยีใหม่นี้เป็นส่วนสำคัญในการสนับสนุนนโยบายของประเทศในการเพิ่มพื้นที่สีเขียวและการส่งเสริมคาร์บอนเครดิตให้เป็นรูปธรรมมากขึ้น ถือเป็นก้าวสำคัญที่จะช่วยขับเคลื่อนเศรษฐกิจคาร์บอนต่ำของประเทศไทยให้เติบโตอย่างยั่งยืน

 

ตลาดคาร์บอนคึกคัก GISTDA ใช้ AI อวกาศ ลดต้นทุนประเมินเครดิตป่าไม้

 

Carbon Atlas จะช่วยให้ผู้ที่สนใจสามารถ:

  • ประเมินศักยภาพการกักเก็บคาร์บอนเบื้องต้น: คุณสามารถวาดขอบเขตแปลงที่ดินบนแผนที่คาร์บอนที่ GISTDA จัดทำขึ้น เพื่อดูว่าพื้นที่ของคุณมีศักยภาพในการกักเก็บคาร์บอนมากน้อยเพียงใด ก่อนที่จะนำไปขอขึ้นทะเบียนกับ อบก. (องค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก)
  • ลดต้นทุนและเวลาในการประเมิน: เทคโนโลยีที่ใช้ใน Carbon Atlas เช่น ภาพถ่ายดาวเทียม AI และ LiDAR จะช่วยลดความจำเป็นในการลงพื้นที่ตรวจวัดด้วยตนเองบ่อยครั้ง ซึ่งจะช่วยประหยัดทั้งค่าใช้จ่ายและเวลา
  • เพิ่มความถูกต้องและน่าเชื่อถือ: การใช้ข้อมูลและแบบจำลองทางวิทยาศาสตร์จะช่วยให้การประเมินคาร์บอนเครดิตของคุณมีความน่าเชื่อถือและเป็นไปตามมาตรฐานที่กำหนด

 

จะเริ่มต้นได้อย่างไร?

เนื่องจาก GISTDA คาดว่าจะเปิดให้บริการ Carbon Atlas อย่างเต็มรูปแบบภายในปลายปี 2568 คุณสามารถเตรียมตัวและติดตามข่าวสารได้ดังนี้:

  • ทำความเข้าใจโครงการ T-VER: ศึกษาข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับโครงการลดก๊าซเรือนกระจกภาคสมัครใจตามมาตรฐานของประเทศไทย (T-VER) ของ อบก. เพื่อให้เข้าใจถึงกฎเกณฑ์และระเบียบวิธีการต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับการสร้างและการซื้อขายคาร์บอนเครดิต
  • ติดตามข่าวสารจาก GISTDA และ อบก.: GISTDA และ อบก. จะมีการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับการเปิดตัวและการใช้งาน Carbon Atlas อย่างต่อเนื่อง คุณสามารถติดตามข้อมูลได้จากเว็บไซต์ทางการหรือช่องทางโซเชียลมีเดียของทั้งสองหน่วยงาน
  • เตรียมข้อมูลแปลงที่ดิน: หากคุณมีพื้นที่ป่าไม้หรือพื้นที่การเกษตรที่สนใจจะเข้าร่วมโครงการคาร์บอนเครดิต ให้เตรียมข้อมูลที่เกี่ยวข้อง เช่น พิกัด หรือเอกสารสิทธิ์ที่ดินไว้ เพื่อความสะดวกในการใช้งานแพลตฟอร์มในอนาคต

 

 

อ้างอิงข้อมูล: เพจ GISTDA

ข่าวล่าสุด

กรมอุตุฯเตือนทั่วไทยมีฝนฟ้าคะนอง ตกหนักสุดภาคตะวันออกร้อยละ60