อดีตซีอีโอ Marina Bay Sands แนะรัฐ–เอกชนจับมือดัน "เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์"
อดีต CEO แห่ง Marina Bay Sands และผู้บริหาร Las Vegas Sands เปิดเผยมุมมองสำคัญเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกันระหว่างรัฐ-เอกชน ที่จะทำให้เกิดการพัฒนา “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” ได้อย่างยั่งยืน
KEY
POINTS
- การพัฒนา “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” (Entertainment Complex หรือ EC) อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและต่อเนื่องระหว่างภาครัฐกับผู้ประกอบการ
- ประเทศที่มีระบบกำกับดูแลเข้มแข็ง โปร่งใส และยืดหยุ่น คือประเทศที่สามารถดึงดูดผู้ประกอบการชั้นนำของโลกให้เข้ามาร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคง
- สิงคโปร์คือหนึ่งในต้นแบบที่ประเทศไทยสามารถเรียนรู้และต่อยอดได้อย่างเป็นระบบ
- ผู้ประกอบการชั้นนำของโลกต่างยืนยันว่า พวกเขายินดีที่จะถูกกำกับดูแล หากระบบกำกับนั้นมีความชัดเจน เป็นธรรม และยึดหลักวิชาการ โดยเฉพาะในตลาดใหม่
นายจอร์จ ทานาซิเยวิช อดีตประธานและซีอีโอของ Marina Bay Sands และอดีตกรรมการผู้จัดการฝ่ายพัฒนาระดับโลกของ Las Vegas Sands ได้แชร์มุมมองและประสบการณ์อันยาวนานในอุตสาหกรรมบันเทิงระดับโลกภายในงานเสวนาโต๊ะกลมว่าด้วยสถานบันเทิงครบวงจรของไทย หรือ Thailand Entertainment Complex Roundtable (TECR) โดยกลุ่ม IAG ซึ่งเป็นเวทีสำคัญที่รวบรวมผู้เกี่ยวข้อง นักวิชาการ นักกฎหมาย และผู้บริหารโดยตรงจากอุตสาหกรรม Entertainment Complex
โดยนายจอร์จ ทานาซิเยวิช ได้เปิดเผยมุมมองสำคัญเกี่ยวกับการมีส่วนร่วมกันระหว่างภาครัฐกับผู้ประกอบการ โดยยกกรณีศึกษาจากสิงคโปร์ ซึ่งตนมีประสบการณ์การทำงานในฐานะประธานและซีอีโอแห่ง Marina Bay Sands โครงการคอมเพล็กซ์แสนล้านที่กลายเป็นจุดหมายสำคัญระดับโลกในปัจจุบัน โดยเขาเชื่อว่า การพัฒนา “เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์” (Entertainment Complex หรือ EC) อย่างยั่งยืน จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือที่แน่นแฟ้นและต่อเนื่องระหว่างภาครัฐกับผู้ประกอบการ ซึ่งต้องมีความเข้าใจตรงกันในเป้าหมายเชิงยุทธศาสตร์ ตลอดจนโครงสร้างการกำกับดูแลที่มีประสิทธิภาพและยืดหยุ่นเพียงพอสำหรับการเติบโตในระยะยาว
โพสต์ทูเดย์ได้เรียบเรียงมุมมองที่น่าสนใจดังกล่าวออกมาดังรายละเอียดต่อไปนี้
คุณค่าของการมีส่วนร่วมและความสอดคล้องอย่างต่อเนื่องระหว่างภาครัฐกับผู้ประกอบการ: กรณีศึกษาจากสิงคโปร์
การกำหนดเป้าหมายร่วมกันอย่างชัดเจน คือรากฐานของความสอดคล้อง
ความสำเร็จของโครงการ EC ขึ้นอยู่กับการมีชุดเป้าหมายและวัตถุประสงค์ที่ชัดเจน ซึ่งควรเชื่อมโยงกับยุทธศาสตร์การพัฒนาเศรษฐกิจ การท่องเที่ยว การจ้างงาน และการพัฒนาทักษะแรงงานของประเทศ โดยเฉพาะในบริบทของประเทศไทยซึ่งมีความพร้อมในหลายด้าน การกำหนดกรอบการทำงานร่วมกันตั้งแต่ต้นจะเอื้อให้ทุกภาคส่วนสามารถสนับสนุนกันและกันได้ในระยะยาว
นายจอร์จระบุลักษณะสำคัญของความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างรัฐกับผู้ประกอบการที่ควรมีคือ
- ความไว้วางใจและความเปิดเผยซึ่งกันและกัน
- กลไกการสื่อสารและปรึกษาหารือที่มีโครงสร้างชัดเจน
- การมีส่วนร่วมของผู้ประกอบการตั้งแต่ขั้นตอนเริ่มแรกก่อนการออกกฎระเบียบ
- การสร้างความรู้ความเข้าใจให้กับหน่วยงานกำกับดูแล เพื่อให้สามารถทำหน้าที่ได้อย่างมีประสิทธิภาพและเป็นกลาง
ทั้งนี้ ผู้ประกอบการชั้นนำของโลกต่างยืนยันว่า พวกเขายินดีที่จะถูกกำกับดูแล หากระบบกำกับนั้นมีความชัดเจน เป็นธรรม และยึดหลักวิชาการ โดยเฉพาะในตลาดใหม่ การส่งคณะศึกษาดูงานยังประเทศที่มีกฎหมายการพนันที่ดี เช่น สิงคโปร์ มาเก๊า หรือเนวาดา จะช่วยให้ผู้กำกับดูแลเข้าใจและปรับใช้แนวทางสากลในบริบทท้องถิ่นได้อย่างเหมาะสม
การวางรากฐานที่ดีตั้งแต่ต้นเพื่ออนาคตที่มั่นคง
สิ่งสำคัญในการเริ่มต้นคือการให้ข้อมูลต่อสาธารณชนอย่างทั่วถึง การออกแบบกรอบกฎหมายและกฎระเบียบที่ชัดเจน และการเปิดรับฟังความคิดเห็นจากผู้ประกอบการเกี่ยวกับแนวปฏิบัติที่ดีที่สุดในอุตสาหกรรม ซึ่งจะช่วยหลีกเลี่ยงความซ้ำซ้อนของข้อกำหนด เช่น การรายงานข้อมูลมากเกินไป การตั้งมาตรการสังคมที่เกินความจำเป็น หรือเงื่อนไขการต่อใบอนุญาตที่ไม่สมเหตุสมผล
กรอบพัฒนาและกฎหมายที่จูงใจการลงทุน
• การระบุข้อกำหนดด้านการออกแบบและการพัฒนาอย่างชัดเจน
• กระบวนการอนุมัติที่รวดเร็ว
• ไม่มีข้อกำหนดให้ผู้ประกอบการต้องลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานสาธารณะ
• อัตราภาษีการเล่นเกมที่สามารถแข่งขันได้ และคงที่ตลอดอายุสัมปทาน
• การยกเว้นภาษีมูลค่าเพิ่มจากรายได้ของคาสิโน
• ไม่มีเพดานจำกัดพื้นที่คาสิโน
• กฎหมายและข้อกำหนดที่เป็นไปได้ในเชิงพาณิชย์และการปฏิบัติจริง
• ไม่มีข้อบังคับให้บริษัทแม่ต้องเป็นผู้ค้ำประกัน
• ไม่มีข้อจำกัดเรื่องการแลกเปลี่ยนเงินตราหรือการโอนเงินกลับประเทศ
กรณีศึกษาสิงคโปร์ - กระบวนการที่เอื้อต่อการมีส่วนร่วมและความสอดคล้อง
เริ่มตั้งแต่กระบวนการคัดเลือกผู้ประกอบการ
• จัดเวทีให้ข้อมูล
• นำชมพื้นที่
• ใช้แพลตฟอร์มออนไลน์สำหรับถาม-ตอบและรับฟังความคิดเห็น พร้อมการคุ้มครองข้อมูลที่เป็นความลับ
• กระบวนการขอข้อมูล (RFI) ที่นำไปสู่ข้อเสนอเชิงคุณภาพ (RFP) ที่ดีขึ้น
• แข่งขันกันด้วยแนวคิด ไม่ใช่ราคาเสนอที่ดิน
• ปรับโครงสร้างภาษีตามข้อเสนอที่เป็นประโยชน์ร่วมกัน
• เปิดโอกาสให้ผู้ประกอบการนำเสนอโครงการต่อคณะกรรมการรัฐบาลก่อนตัดสินใจเลือก
การมีส่วนร่วมอย่างเข้มข้นหลังการคัดเลือก
• ความร่วมมือกับหน่วยงานรัฐหลัก เช่น การท่องเที่ยว, ความมั่นคง, การพัฒนาเมือง, การแรงงาน และการป้องกันปัญหาการพนัน
• การสื่อสารอย่างต่อเนื่อง โปร่งใส และตั้งใจจริง
• การปรับกลยุทธ์ตามสถานการณ์ตลาด พฤติกรรมลูกค้า และการแข่งขันใหม่ ๆ
• การสอดประสานกับนโยบายรัฐในด้านการตลาด สื่อสารมวลชน และกิจกรรมเพื่อสังคม
• ความยืดหยุ่นในการขยายโครงการเมื่อเห็นโอกาสและมีการเจรจาในกรอบผลประโยชน์ร่วมกัน
ความสอดคล้องของเป้าหมายระหว่างรัฐและผู้ประกอบการ
เป้าหมายของภาครัฐ
• การจัดสรรทรัพยากรภาครัฐอย่างเพียงพอ
• การสร้างงานและผลกระทบเชิงเศรษฐกิจ
• การยกระดับภาพลักษณ์และการแข่งขันในเวทีการท่องเที่ยวโลก
• การพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานด้านคมนาคม สนามบิน และการเชื่อมโยงกับตลาดเป้าหมาย
• การจัดหาแรงงานทั้งในและต่างประเทศอย่างเหมาะสม
• การคัดเลือกผู้ประกอบการที่มีคุณภาพ มีประวัติความน่าเชื่อถือ และศักยภาพทางการเงิน
เป้าหมายของผู้ประกอบการ
• พื้นที่โครงการที่เหมาะสมทั้งด้านทำเลและศักยภาพ
• อายุสัมปทานและกระบวนการต่ออายุที่มีความแน่นอน
• ระบบสังคมสงเคราะห์ที่ตั้งอยู่บนพื้นฐานทางวิชาการและมีประสิทธิภาพ
• ความสามารถในการโอนเงินเพื่อเล่นเกมและนำเงินรางวัลกลับประเทศ
• ไม่มีการหักภาษี ณ ที่จ่ายสำหรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ
• อัตราภาษีการเล่นเกมที่แข่งขันได้และไม่มีการปรับเพิ่มกลางคัน
• ขนาดและองค์ประกอบของโครงการที่เหมาะสมและยืดหยุ่น
การเก็บเกี่ยวผลประโยชน์และลดความเสี่ยงด้วยกรอบการทำงานที่มีคุณภาพ
หากประเทศไทยสามารถออกแบบกรอบการพัฒนาและกำกับดูแลที่สามารถแข่งขันได้ในระดับสากล จะสามารถดึงดูดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) ในโครงสร้างพื้นฐานด้านการท่องเที่ยว เพิ่มจำนวนนักท่องเที่ยวคุณภาพสูง สร้างรายได้ให้ประเทศ และรักษาเม็ดเงินที่คนไทยมักใช้จ่ายในคาสิโนต่างประเทศให้หมุนเวียนอยู่ภายใน
นอกจากนี้ การมีกฎหมายการพนันที่ดี ยังสามารถช่วย “ควบคุม” ปัญหาการพนันมากกว่าการปล่อยให้ระบบเถื่อนเรื้อรังอย่างไม่มีโครงสร้างป้องกัน ในขณะที่คาสิโนภาคพื้นดินมีระบบรู้จักลูกค้า (KYC) และตรวจสอบการเงินที่เข้มงวดกว่ารูปแบบออนไลน์มาก
สุดท้ายนี้ ประเทศที่มีระบบกำกับดูแลเข้มแข็ง โปร่งใส และยืดหยุ่น คือประเทศที่สามารถดึงดูดผู้ประกอบการชั้นนำของโลกให้เข้ามาร่วมพัฒนาอุตสาหกรรมได้อย่างมั่นคง และสิงคโปร์คือหนึ่งในต้นแบบที่ประเทศไทยสามารถเรียนรู้และต่อยอดได้อย่างเป็นระบบ


