“SAMA Garden” เปิดเมืองสีเขียวใหม่ จุดเปลี่ยนไลฟ์สไตล์คนกรุง ย่านบางนา
"พื้นที่สีเขียวในเมืองยุคใหม่" กำลังขยับขยายจากสวนสาธารณะทั่วไปไปสู่การเป็น “Green Lifestyle Centre” หรือ “ศูนย์กลางชีวิตที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ” และยังเป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของเมืองแห่งอนาคต
"พื้นที่สีเขียวในเมือง" จากสวนสาธารณะสู่ศูนย์กลางไลฟ์สไตล์แห่งความยั่งยืน
ในยุคที่เมืองใหญ่ทั่วโลกกำลังเผชิญกับผลกระทบจากภาวะโลกร้อน มลพิษทางอากาศ และวิถีชีวิตเร่งรีบ “พื้นที่สีเขียวในเมือง” จึงไม่ได้เป็นเพียงสวนพักผ่อนอีกต่อไป แต่กำลังพัฒนาไปสู่ “พื้นที่เชิงประสบการณ์” ที่เชื่อมโยงการใช้ชีวิต ความรู้ และจิตวิญญาณของผู้คนเข้ากับธรรมชาติอย่างลึกซึ้ง และเทรนด์นี้ก็กำลังเกิดขึ้นอย่างชัดเจนในกรุงเทพมหานครเช่นกัน
เทรนด์ใหม่ของพื้นที่สีเขียว: ไม่ใช่แค่ ‘สวน’ แต่คือ ‘ไลฟ์สไตล์’
พื้นที่สีเขียวในเมืองยุคใหม่กำลังขยับขยายจากสวนสาธารณะทั่วไปไปสู่การเป็น “Green Lifestyle Centre” หรือ “ศูนย์กลางชีวิตที่เชื่อมโยงกับธรรมชาติ” ที่ตอบโจทย์ความต้องการที่หลากหลายของคนเมือง เช่น
- พื้นที่เรียนรู้เรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน
- โซนสำหรับกิจกรรมชุมชนและสุขภาพจิต
- ศูนย์รวมสินค้าไลฟ์สไตล์ที่เป็นมิตรต่อโลก
- สถานที่พักผ่อนที่ไม่ต้องออกต่างจังหวัด
หนึ่งในโครงการที่ชูแนวคิดนี้ได้อย่างชัดเจนคือ SAMA Garden หรือ สมา การ์เด้น - Green Lifestyle Centre แห่งแรกของประเทศไทย
SAMA Garden พื้นที่สีเขียวยุคใหม่ใจกลางบางนา
กลุ่มบริษัทภิรัชบุรี โดย นายปิติภัทร บุรี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ได้ประกาศเปิดตัวโครงการ “SAMA Garden” (สมา การ์เด้น) Green Lifestyle Centre แห่งแรกในประเทศไทย บนพื้นที่กว่า 11,000 ตารางเมตร ภายในโครงการ ไบเทค บุรี ย่านบางนา ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของแผนการลงทุนมูลค่า 2,000 ล้านบาท ในการพลิกโฉมพื้นที่ 169 ไร่ของไบเทค บุรี ให้เป็นธุรกิจรูปแบบใหม่ภายใต้แนวคิด "LIVE & PLAY" เพื่อเจาะกลุ่มผู้บริโภคโดยตรง (B2C)
โครงการนี้เริ่มเปิดอย่างเป็นทางการตั้งแต่วันที่ 22 พฤษภาคม 2568 โดยออกแบบมาเพื่อเป็นพื้นที่สีเขียวแห่งใหม่สำหรับคนเมือง ที่ผสานการพักผ่อนหย่อนใจ แรงบันดาลใจ และพลังชีวิตเข้าไว้ด้วยกัน ท่ามกลางความวุ่นวายของเมืองหลวง
SAMA Garden แบ่งพื้นที่ภายในออกเป็น 12 โซนคอมมูนิตี้สุดกรีน ที่ออกแบบเพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนเมืองที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อมและสุขภาพ โดยแต่ละโซนมีจุดเด่นที่เชื่อมโยงกับแนวคิดเรื่องความยั่งยืน การเรียนรู้ และธรรมชาติอย่างใกล้ชิด
1. House of Plants
พื้นที่ที่รวมพันธุ์ไม้กว่า 1,000 ชนิด ทั้งไม้ในร่ม ไม้ฟอกอากาศ และไม้ประดับ พร้อมให้ความรู้เรื่องการดูแลต้นไม้
2. Workshop Studio
โซนสำหรับกิจกรรมสร้างสรรค์ เช่น ปลูกต้นไม้ ทำน้ำหมักชีวภาพ ทำสบู่จากธรรมชาติ และอื่น ๆ ที่เกี่ยวกับไลฟ์สไตล์รักษ์โลก
3. GAYA Restaurant & Tea Room
ร้านอาหารและคาเฟ่ที่เสิร์ฟเมนูสุขภาพ เน้นวัตถุดิบออร์แกนิก ท่ามกลางบรรยากาศสีเขียวและสวนไม้หอม
4. Lifestyle Hall
รวบรวมสินค้าและแบรนด์ที่ยั่งยืน ทั้งของใช้ เครื่องแต่งกาย และผลิตภัณฑ์จากผู้ประกอบการรายย่อยในไทยและต่างประเทศ
5. Green Market
ตลาดนัดเกษตรอินทรีย์ที่จัดขึ้นเป็นประจำ มีผัก ผลไม้ และของแปรรูปจากฟาร์มธรรมชาติ
6. Urban Farming Zone
โซนสวนผักแนวตั้งและฟาร์มในเมือง ที่เปิดให้เยี่ยมชมและเรียนรู้การปลูกผักในพื้นที่จำกัด
7. Rewilding Park
สวนป่าแนวธรรมชาติ ที่ปล่อยให้ระบบนิเวศเติบโตเองอย่างยั่งยืน มีเส้นทางเดินชมธรรมชาติ
8. Community Lawn
ลานกิจกรรมอเนกประสงค์สำหรับทำโยคะ อีเวนต์ ศิลปะกลางแจ้ง และกิจกรรมครอบครัว
9. Zero Waste Station
จุดเรียนรู้และนำร่องการจัดการขยะอย่างยั่งยืน เช่น คัดแยกขยะ รีไซเคิล และเปลี่ยนของเสียเป็นทรัพยากร
10. Mindfulness Pavilion
ศาลาพักใจในสวน สำหรับทำสมาธิ นั่งเล่น หรือนั่งจิบชาชมวิว
11. Library of Green Living
ห้องสมุดขนาดเล็กที่รวบรวมหนังสือ บทความ และสื่อการเรียนรู้เกี่ยวกับสิ่งแวดล้อม การออกแบบเพื่อความยั่งยืน และสุขภาวะ
12. Kids' Eco Playground
สนามเด็กเล่นเชิงสร้างสรรค์จากวัสดุธรรมชาติ ที่ออกแบบให้เด็ก ๆ ได้เรียนรู้ผ่านการเล่นกลางแจ้ง
SAMA Garden ไม่ได้ทำหน้าที่แค่สวนหรือแหล่งชอปปิง แต่เป็นต้นแบบของการออกแบบพื้นที่สีเขียวในระดับเมือง ที่เชื่อมโยงภาครัฐ เอกชน และชุมชนเข้าด้วยกัน
พื้นที่สีเขียวอื่น ๆ ที่โดดเด่นในกรุงเทพฯ
นอกจาก SAMA Garden กรุงเทพฯ ยังมีโครงการและสวนเมืองที่สะท้อนรูปแบบใหม่ของพื้นที่สีเขียวที่กำลังเติบโต ได้แก่:
1. สวนเบญจกิติ เฟสใหม่ (Benjakitti Forest Park)
สวนป่าใจกลางอโศก พื้นที่กว่า 450 ไร่ ที่พลิกโฉมจากโรงงานยาสูบเก่าให้กลายเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำ สวนป่า และเส้นทางเดินป่าแบบ Urban Forest — เป็นตัวอย่างของการ “คืนธรรมชาติสู่เมือง”
2. ป่าในกรุง (Ptt Urban Forest)
โดย ปตท. ที่ถนนสุขาภิบาล 2 เป็นแหล่งเรียนรู้เรื่องระบบนิเวศป่าไม้ในเขตเมือง พร้อม Sky Walk และนิทรรศการเชิงสิ่งแวดล้อม
3. Samyan Mitrtown Urban Park
ชั้นดาดฟ้าของมิกซ์ยูสกลางเมืองที่กลายเป็นสวนลอยฟ้า รองรับกิจกรรมสุขภาพ ทั้งโยคะ วิ่ง และเป็นจุดพักผ่อนของชาวเมืองโดยไม่ต้องออกจากแหล่งงาน
4. Chulalongkorn Centenary Park
สวนแนวราบที่ออกแบบให้รับน้ำฝนได้สูงถึง 1 ล้านลิตร ด้วยแนวคิด Sponge City ใช้ระบบภูมิสถาปัตย์ในการช่วยลดน้ำท่วมและสร้างระบบนิเวศเมือง
5. Taco Park และ Mega Park
ในย่านบางนาและบางใหญ่ เป็นพื้นที่กึ่งชอปปิงกึ่งสวนสีเขียว ที่ชูแนวคิด Green Mall / Urban Retreat อย่างเต็มรูปแบบ
แนวคิดหลักของพื้นที่สีเขียวยุคใหม่
Biophilic Design: การออกแบบที่ดึงธรรมชาติเข้ามาใกล้ชีวิตมนุษย์ ทั้งในรูปแบบสวน น้ำ เสียงธรรมชาติ แสงแดด และวัสดุธรรมชาติ
Sustainable Urbanism: พื้นที่สีเขียวที่ไม่ใช่เพียงสวยงาม แต่มีบทบาทในการลดคาร์บอน ช่วยจัดการน้ำฝน เป็นที่อยู่อาศัยของสิ่งมีชีวิต และส่งเสริมพฤติกรรมที่ยั่งยืน
Community-Centered: สวนไม่ใช่แค่สำหรับพักผ่อน แต่เป็นพื้นที่ของการรวมกลุ่ม พบปะ พัฒนาแนวคิดสร้างสรรค์ หรือแม้กระทั่งเป็นตลาดของผู้ผลิตรายย่อย
Well-being Driven: พื้นที่ที่ออกแบบเพื่อสุขภาวะทั้งกายและใจ — ช่วยลดความเครียด เพิ่มการเคลื่อนไหว และกระตุ้นการใช้ชีวิตกลางแจ้ง
อนาคตของพื้นที่สีเขียวในกรุงเทพฯ จากแนวราบสู่แนวดิ่งและดิจิทัล
Sky Parks & Green Rooftops: พื้นที่สีเขียวกำลังขยายจากแนวราบขึ้นสู่ดาดฟ้าและอาคาร เช่น เมกาบางนา, มิตรทาวน์, สามย่าน
Smart Green Space: การใช้เทคโนโลยีเซนเซอร์ ตรวจวัดคุณภาพอากาศ ความชื้น ระบบน้ำฝน และพลังงานแสงอาทิตย์ เริ่มมีบทบาทมากขึ้น
Green + Commercial: การผสานพื้นที่สีเขียวเข้ากับธุรกิจ อาทิ คาเฟ่ เวิร์กชอป หรือรีเทลที่คัดสรรเฉพาะสินค้ารักษ์โลก กำลังกลายเป็นเทรนด์
พื้นที่สีเขียวกำลังนิยามเมืองใหม่
ในโลกที่ความหนาแน่นของเมืองสูงขึ้น พื้นที่สีเขียวไม่ได้เป็นแค่ทางเลือก แต่เป็น “โครงสร้างพื้นฐานใหม่” ของเมืองแห่งอนาคต ซึ่ง SAMA Garden, สวนเบญจกิติ หรือแม้แต่ดาดฟ้าของมิตรทาวน์ กำลังบอกเราว่า ธรรมชาติไม่ควรอยู่ไกล แต่ควรฝังอยู่ในชีวิตประจำวันของคนเมือง
และนั่นคือเมืองที่ไม่เพียง “อยู่ได้” แต่ยัง “อยู่ดี” ได้ด้วย


