รุกธุรกิจสีเขียวด้วย“อะเซทิลีนแบล็ก” และนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลก
นวัตกรรมพลาสติกสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์น้ำหนักเบา เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน และการผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเทียม ด้วย “อะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black)” สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า กำลังจะกลายมาเป็นกำลังสำคัญในการทรานส์ฟอร์มสู่ธุรกิจสีเขียวมากขึ้นของอุตสาหกรรมยักษ์ใหญ่
เอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ขยายธุรกิจเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า ด้วยนวัตกรรมพลาสติกสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์น้ำหนักเบา เพื่อช่วยประหยัดพลังงาน พร้อมรุกผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเทียม ด้วย “อะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black)” ซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญสำหรับนำไฟฟ้าในการผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเทียมไอออนแบบชาร์จไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า
คาดว่า โรงงานผลิตจะสร้างแล้วเสร็จและเริ่มเดินเครื่องโรงงานได้ในปี 2569 ด้วยกำลังผลิตกว่า 11,000 ตันต่อปี หรือเทียบเท่ากับแบตเตอรี่รถยนต์ไฟฟ้า 16 ล้านคัน คิดเป็นเงินลงทุนประมาณ 14,800 ล้านบาท (หรือประมาณ 400 ล้านดอลลาร์สหรัฐ)
“เราจะเร่งขยายเข้าสู่อุตสาหกรรมที่เกี่ยวเนื่องกับการผลิตยานยนต์ไฟฟ้า (อีวี) ด้วยนวัตกรรมพลาสติกสำหรับการผลิตชิ้นส่วนรถยนต์น้ำหนักเบา ช่วยประหยัดพลังงาน และความร่วมมือกับ Denka ในการผลิตและจำหน่ายอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ส่วนประกอบสำคัญสำหรับนำไฟฟ้าในการผลิตขั้วแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งมีปริมาณความต้องการสูง” นายธรรมศักดิ์ เศรษฐอุดม กรรมการผู้จัดการใหญ่ เอสซีจี กล่าว
อะเซทิลีนแบล็ก (acetylene black) คืออะไร?
“อะเซทิลีนแบล็ก” เกิดขึ้นในกระบวนการเผาย่อยสลายก๊าซอะเซทิลีนในอุตสาหกรรมปิโตรเลียมและปิโตรเคมี และโดยทั่วมักนำไปใช้เป็นวัสดุในหมึกพิมพ์ สารคอมพาวด์ในผลิตภัณฑ์ยาง และวัสดุสำหรับแบตเตอรี่ประเภทอัคคาไลน์ โดยประเทศไทยเป็นผู้ผลิตอะเซทิลีนแบล็กในระดับต้นๆ ของโลก
เมื่อปี 2565 บริษัทเอสซีจี เคมิคอลส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCGC ได้ลงนามในสัญญาร่วมทุนกับบริษัท Denka Company Limited หรือ Denka ประเทศญี่ปุ่น เพื่อดำเนินธุรกิจผลิตและจำหน่ายอะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ในจังหวัดระยอง คาดว่าจะมีกำลังการผลิตประมาณ 11,000 ตันต่อปี และโรงงานสามารถเริ่มกระบวนการผลิตได้ภายในต้นปี 2568
อะเซทิลีนแบล็ก (Acetylene Black) ของ Denka จุดเด่นคือ เป็นผลิตภัณฑ์คาร์บอนแบล็กชนิดพิเศษที่เป็นวัสดุนำไฟฟ้า ที่มีคุณสมบัติความบริสุทธิ์และการนำไฟฟ้าสูง ส่วนใหญ่จะใช้เป็นส่วนประกอบในการผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนแบบชาร์จไฟได้สำหรับยานยนต์ไฟฟ้า (EV) เป็นหลัก รวมถึงสามารถนำไปใช้เป็นวัสดุสำหรับผลิตสายส่งไฟฟ้าแรงสูงเพื่อผลิตไฟฟ้าจากพลังงานลมนอกชายฝั่ง
การร่วมทุนดังกล่าวจะช่วยขับเคลื่อนกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจของ SCGC ที่มุ่งผลิตสินค้าที่มีมูลค่าเพิ่มสูงหรือ HVA (High Value-Added Products & Service) เพื่อรองรับเมกะเทรนด์ด้านยานยนต์ไฟฟ้าที่มีแนวโน้มความต้องการของตลาดเพิ่มสูงขึ้น ตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค และยังตอบสนองการดําเนินธุรกิจแบบยั่งยืน ลดภาวะโลกร้อน มุ่งสู่การเป็นองค์กรที่ปล่อยคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero Carbon Emission)
SCGC มีนวัตกรรมพลาสติกรักษ์โลกอย่าง “SCGC GREEN POLYMERTM” ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของการ transform ธุรกิจสู่ความเป็นสีเขียวมากขึ้น โดยมีเป้าหมายที่จะเพิ่มยอดขาย Green polymer ในปี 2573 อยู่ที่ 1 ล้านตัน ซึ่งในปี 2566 ที่ผ่านก็มียอดขายเติบโตเป็นที่น่าพอใจ อยู่ที่ 218,000 ตัน หรือเพิ่มขึ้นร้อยละ 56 จากปีก่อน
โซลูชั่นพลาสติกที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมจาก “SCGC GREEN POLYMER” มี 3 ด้าน ได้แก่ (1) REDUCE การลดการใช้เม็ดพลาสติกลง ด้วยเม็ดพลาสติกคุณภาพสูงที่ผลิตด้วยเทคโนโลยี SMX™ ที่ช่วยให้ลดการใช้เม็ดพลาสติกในการผลิตขวด โดยยังคงความแข็งแรงไว้เช่นเดิม (2) RECYCLABLE การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ โดยร่วมพัฒนากับพันธมิตรทางธุรกิจอย่างครบวงจรในการเลือกสรรนวัตกรรมพลาสติกที่เหมาะสมกับความต้องการ เป็น Recyclable Packaging Solution เพื่อเปลี่ยนบรรจุภัณฑ์แบบอ่อนตัว (flexible packaging) ให้สามารถรีไซเคิลได้ และ (3) RECYCLE เป็นโซลูชันที่การนำพลาสติกใช้แล้วในครัวเรือนมารีไซเคิลเป็นเม็ดพลาสติกรีไซเคิลคุณภาพสูง ช่วยลดปริมาณขยะ และลดการใช้ทรัพยากร นอกจากนี้แล้ว SCGC GREEN POLYMERTM ยังมีโซลูชันด้าน RENEWABLE พัฒนาพลาสติกที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ และพลาสติกจากทรัพยากรหมุนเวียน ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมด้วยเช่นกัน
เอสซีจี เคมิคอลส์ หรือ เอสซีจีซี (SCGC) เป็นผู้นำด้านการผลิตเคมีภัณฑ์แบบครบวงจรในอาเซียน ทั้งในประเทศเวียดนาม อินโดนีเซีย และไทย ครอบคลุมตั้งแต่ผลิตภัณฑ์ขั้นต้น (โอเลฟินส์) ไปจนถึงขั้นปลาย ได้แก่ เม็ดพลาสติกหลักทั้ง 3 ประเภท คือ พอลิเอทิลีน พอลิโพรพิลีน และพอลิไวนิลคลอไรด์
บริษัท Denka เป็นบริษัทด้านเคมีภัณฑ์ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น โดยมีนวัตกรรมที่สามารถนำไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายตอบโจทย์การใช้งานของผู้บริโภค รวมทั้งนวัตกรรมที่จำเป็นสำหรับโลกยุคใหม่ เช่น นวัตกรรมสำหรับการสื่อสาร 5G นวัตกรรมยานยนต์ไฟฟ้า พลังงานหมุนเวียน และนวัตกรรมที่เกี่ยวข้องกับตัวนำไฟฟ้า สารเติมแต่งสำหรับแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน เป็นต้น นอกจากนี้ Denka ยังมุ่งส่งเสริมด้าน ESG และความเป็นกลางทางคาร์บอน ตามหลักการ SDGs


