สมาคมโรงแรมไทยวอนผู้ว่าฯ ธปท.ใหม่ ลดดอกเบี้ย-ช่วยธุรกิจฟื้นตัว

นายเทียนประสิทธิ์ ไชยภัทรานันท์ นายกสมาคมโรงแรมไทย (THA) ได้แสดงความเห็นเกี่ยวกับสถานการณ์การท่องเที่ยวและธุรกิจโรงแรมของไทย

รวมถึงความท้าทายใหม่ที่ผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) คนใหม่ นายวิทัย รัตนากร จะต้องเผชิญ พร้อมเสนอนโยบายที่จำเป็นเพื่อช่วยผู้ประกอบการฟื้นตัวและเติบโตอย่างยั่งยืน
 

ภาระหนี้และสภาพคล่อง: ปัญหาเร่งด่วนที่ต้องแก้ไข

นายเทียนประสิทธิ์กล่าวว่า ธุรกิจโรงแรมกำลังประสบปัญหาอย่างหนักในช่วงโลว์ซีซัน โดยเฉพาะเดือนกรกฎาคม-สิงหาคม ซึ่งเป็นช่วงที่หลายโรงแรมขาดกระแสเงินสด เนื่องจากรายได้ลดลง ประกอบกับภาระค่าใช้จ่ายประจำที่สูง โดยเฉพาะค่าภาษีที่ดินที่ต้องชำระทั่วประเทศในช่วงนี้ ด้วยเหตุนี้ สมาคมจึงขอให้ ธปท. พิจารณาออกมาตรการช่วยเหลือเร่งด่วน เช่น การผ่อนปรนการชำระคืนเงินต้นและดอกเบี้ย เพื่อช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถบริหารจัดการกระแสเงินสดได้

นอกจากนี้ เขายังได้แสดงความกังวลต่อสถานการณ์หนี้สินของภาคธุรกิจ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่อาจทำให้หลายโรงแรมต้องปิดตัวลง โดยเฉพาะผู้ประกอบการที่ขาดสภาพคล่องและไม่สามารถชำระหนี้กับสถาบันการเงินได้ ซึ่งอาจนำไปสู่ปัญหาหนี้เสีย (NPL) ในระยะยาว ดังนั้น นายกสมาคมโรงแรมไทยจึงหวังว่าผู้ว่าฯ ธปท. คนใหม่จะรับฟังเสียงจากภาคธุรกิจและพิจารณานโยบายที่ยืดหยุ่นมากขึ้น เช่น การปรับลดอัตราดอกเบี้ย เพื่อลดภาระของผู้ประกอบการ

ความคาดหวังต่อนโยบาย ธปท. ภายใต้ผู้ว่าฯ คนใหม่

นายเทียนประสิทธิ์กล่าวว่า ภาคเอกชนไม่ได้ต้องการให้นโยบายดอกเบี้ยถูกกำหนดไปในทิศทางใดทิศทางหนึ่งอย่างตายตัว แต่ต้องการให้ ธปท. มีความเป็นอิสระและรับฟังข้อมูลจากภาคธุรกิจอย่างจริงจัง เพื่อนำมาประกอบการตัดสินใจ โดยเฉพาะในช่วงเปลี่ยนผ่านผู้ว่าการฯ ซึ่งเขามองว่าเป็นโอกาสดีที่จะได้เห็นการเปลี่ยนแปลงในเชิงนโยบายที่ยืดหยุ่นและตอบโจทย์สถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันมากขึ้น

เขาเน้นย้ำว่า นโยบายการเงินที่แข็งกร้าวและไม่ยืดหยุ่นอาจส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจในภาพรวม โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่ภาคธุรกิจต้องการการสนับสนุนเพื่อฟื้นตัว การนำข้อมูลและความคิดเห็นจากผู้ประกอบการมาพิจารณาจะเป็นหัวใจสำคัญในการกำหนดนโยบายที่เหมาะสมที่สุดสำหรับประเทศ

โอกาสใหม่และการปรับตัวของธุรกิจโรงแรมไทย

นอกจากปัญหาเร่งด่วนที่กล่าวมาข้างต้น นายเทียนประสิทธิ์ยังได้พูดถึงทิศทางธุรกิจโรงแรมและโอกาสใหม่ของการท่องเที่ยวไทย โดยเฉพาะในงานเสวนา "พลิกเกมธุรกิจ ปรับกลยุทธ์ ธุรกิจบริการไทย" ที่จัดขึ้นพร้อมกับการแถลงข่าวความพร้อมในการจัดงาน Food & Hospitality Thailand (FHT) 2025

เน้นนักท่องเที่ยวแบบเฉพาะกลุ่ม: ผู้ประกอบการควรให้ความสำคัญกับ "Quality Tourist" หรือนักท่องเที่ยวคุณภาพ โดยทำความเข้าใจพฤติกรรม วัฒนธรรม และความต้องการที่หลากหลายของแต่ละกลุ่มให้มากขึ้น เพื่อนำเสนอสินค้าและบริการที่ตรงใจ

สร้างความยั่งยืนด้วย "Green Hotel": สมาคมฯ ได้ร่วมมือกับภาครัฐเพื่อผลักดันให้โรงแรมกว่า 600 แห่งทั่วประเทศเปลี่ยนผ่านสู่การเป็น "โรงแรมสีเขียว" (Green Hotel) โดยอาจมีการพิจารณาสนับสนุนค่าใช้จ่ายในการประเมินมาตรฐานเพื่อจูงใจให้ผู้ประกอบการเข้าร่วม

เปิดรับตลาดใหม่ในอุตสาหกรรม Wellness: การท่องเที่ยวเชิงสุขภาพและบริการทางการแพทย์ (Wellness, Healthcare & Medical Tourism) ถือเป็นโอกาสใหม่ที่มีมูลค่าสูง ซึ่งประเทศไทยมีจุดแข็งในด้านนี้ที่สามารถดึงดูดนักท่องเที่ยวกลุ่มนี้ได้เป็นอย่างดี

ยกระดับคุณภาพและความปลอดภัย: นายเทียนประสิทธิ์เน้นย้ำถึงความสำคัญของการสร้าง ความเชื่อมั่นด้านความปลอดภัย โดยเฉพาะสำหรับนักท่องเที่ยวชาวจีน ซึ่งเป็นตลาดหลักที่สำคัญ โดยเสนอให้ภาครัฐมีการจับกุมและแถลงข่าวผู้กระทำความผิดอย่างต่อเนื่อง เพื่อแสดงให้เห็นถึงความจริงจังในการแก้ปัญหา เช่น การโกงราคาแท็กซี่ หรือการหลอกลวงนักท่องเที่ยว ซึ่งจะช่วยฟื้นฟูภาพลักษณ์และความเชื่อมั่นในระยะยาว

ความเชื่อมั่นและตัวเลขคาดการณ์

นายเทียนประสิทธิ์เชื่อมั่นว่า หากมีการดำเนินการตามแนวทางดังกล่าว การท่องเที่ยวไทยจะสามารถฟื้นตัวได้อย่างแข็งแกร่ง โดยเขาได้กล่าวถึงตัวเลขนักท่องเที่ยวจีนในปีนี้ว่าน่าจะอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านคน ซึ่งสูงกว่าเป้าหมายที่ ธปท. คาดการณ์ไว้ที่ 4 ล้านคน โดยสะท้อนให้เห็นถึงศักยภาพของอุตสาหกรรมท่องเที่ยวไทยที่พร้อมจะกลับมาเติบโตอีกครั้ง

ความท้าทายข้างหน้าคือการสร้างสมดุลระหว่างนโยบายการเงินของ ธปท. และการสนับสนุนภาคธุรกิจให้สามารถเดินหน้าต่อไปได้ ผู้ประกอบการจึงต้องปรับตัว ขณะที่ภาครัฐต้องพร้อมให้การสนับสนุนอย่างจริงจัง เพื่อให้การท่องเที่ยวไทยยังคงเป็นหัวใจสำคัญในการขับเคลื่อนเศรษฐกิจของประเทศต่อไป