posttoday

แสนสิริส่องทิศทางอสังหาฯ ของไทยปี 67 ชี้ตลาดหัวเมืองใหญ่มาแรง

30 ธันวาคม 2566

ส่องมุมองทิศทางอสังหาฯ ปี 67 ของบมจ.แสนสิริ เชื่อเติบโตตามจีดีพี ชี้ตลาดหัวเมืองใหญ่มาแรง โดยเฉพาะเกาะภูเก็ต ต่อยอดนวัตกรรมบ้านสีเขียวลดใช้พลังงาน

บมจ. แสนสิริให้มุมมองถึงทิศทางธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ของไทยในปี 2567 ว่า ตามที่หลายหน่วยงานได้ประเมินเศรษฐกิจไทย อาทิ คณะกรรมการร่วมภาคเอกชน 3 สถาบัน (กกร.) ประเมินว่า เศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มขยายตัวได้ที่ 2.8-3.3% ซึ่งมีความท้าทายจากเศรษฐกิจโลกชะลอตัว และปัจจัยความเปราะบางในประเทศ เช่น หนี้ครัวเรือน หนี้ของภาคธุรกิจโดยเฉพาะ SMEs  สำหรับภาคอสังหาริมทรัพย์ จะเติบโตสอดคล้องกับจีดีพี

ทั้งนี้มองว่าการพัฒนาที่อยู่อาศัยในหัวเมืองใหญ่ เป็นหนึ่งใน highlight ที่สำคัญสำหรับปี 2567 โดยเฉพาะจังหวัดภูเก็ตที่แสนสิริได้กำหนดเป็น Strategic Location หรือพื้นที่ยุทธศาสตร์ที่สำคัญของบริษัทในการดำเนินธุรกิจ โดยล่าสุดได้วางแผนกลยุทธ์ 5 ปี (2566-2570) เพื่อเปิดตัวโครงการใหม่รวม 16 โครงการ คิดเป็นมูลค่ารวม 15,000 ล้านบาท 

แสนสิริส่องทิศทางอสังหาฯ ของไทยปี 67 ชี้ตลาดหัวเมืองใหญ่มาแรง

อย่างไรก็ตาม นวัตกรรมในธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ก็ยังคงมีบทบาทในหลายด้าน เริ่มจากสร้างระบบนิเวศน์ทางธุรกิจที่ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืน ทั้งนี้มองว่าการเดินหน้าสร้างระบบนิเวศน์ทางธุรกิจที่ตอบโจทย์เรื่องความยั่งยืนเป็นสิ่งสำคัญ โดยเฉพาะการร่วมสร้าง Smart Green-Energy Living Ecosystem หรือเป็นการอยู่อาศัยแห่งอนาคตเต็มรูปแบบที่ลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสู่สิ่งแวดล้อมโลก ซึ่งจะเป็นจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญของโครงการอสังหาริมทรัพย์ไทยในอนาคต สู่การพัฒนาธุรกิจเพื่อความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อม

ทั้งนี้ ทางบมจ.แสนสิริมีแผนงานที่สำคัญคือการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ที่มีคุณภาพ สัมพันธ์กับแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืน สอดคล้องกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของโลก (Global Trends) เพื่อสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืน  

ล่าสุด บมจ.แสนสิริได้นำนวัตกรรมบ้านสีเขียว (Green Living Designed Home) โดยเริ่มตั้งแต่การออกแบบ ก่อสร้าง จนถึงการส่งมอบบ้านพลังงานสะอาดมาใช้กับโครงการใหม่ โดยในปี 2566 ได้ส่งมอบบ้านสีเขียวให้กับลูกบ้านในโครงการเศรษฐสิริ 11 โครงการใหม่ ราว 1,500 ยูนิต เพื่อให้สร้างคุณภาพชีวิตที่ดีและช่วยประหยัดพลังงาน ซึ่งในหนึ่งครัวเรือน สามารถลดการใช้พลังงานได้สูงสุดถึง 18% ต่อปี

นอกจากนี้ยังวางเป้าขยายผลสู่คอนโดมิเนียมแบรนด์เดอะเบสทุกโครงการใหม่ในปี 2567 ที่ส่วนกลางของโครงการจะมีการนำแนวทาง Green Living Designed Home ไปต่อยอดในการดำเนินงาน และตั้งเป้าสู่การลดใช้พลังงานในช่วงแรกให้ได้ราว 6%

เช่นเดียวกับยังให้ความสำคัญกับ Smart Security Systems ได้แก่ การดูแลความปลอดภัย Smart Security Systems นำระบบ AI มาเป็นผู้ช่วย เพื่อทำให้ความสามารถในการคิดวิเคราะห์ข้อมูลผสานประสบการณ์การเรียนรู้ส่วนบุคคล  เกิดเป็นการเรียนรู้ (Deep Learning) ในการปรับปรุงข้อมูล การใช้เหตุผล และการแก้ปัญหาให้ทันเหตุการณ์อยู่เสมอซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งสิ่งที่สำคัญ ที่จะเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานด้านความปลอดภัยให้กับกลุ่มอุตสาหกรรม Property Management ให้ครอบคลุมมากยิ่งขึ้น  

รวมไปถึงการที่พลัส พร็อพเพอร์ตี้ (บริษัทในเครือแสนสิริ) ที่ได้มีการใช้ระบบ LIV-24 หนึ่งในเทคโนโลยีการดูแลความปลอดภัยอัจฉริยะใหม่ที่โดดเด่นในการพัฒนา Software Incident Management มาตรวจจับความผิดปกติจากทั้งบุคคลต้องสงสัย ควันไฟ หรือความผิดปกติของระบบวิศวกรรมอาคาร และทำการแจ้งเตือนมายังศูนย์เฝ้าระวังที่ Command Centre ทันที  โดยจะมีเจ้าหน้าที่คอยวิเคราะห์เชิงปฏิบัติการ แล้วทำการตัดสินใจอย่างชาญฉลาด ช่วยในการจัดการดูแลความปลอดภัยได้แบบครบถ้วนและเรียลไทม์