posttoday

“วราวุธ” เผย คนไทยเช่าบ้านมากกว่าซื้อ เหตุราคาอสังหาริมทรัพย์แพง

31 ตุลาคม 2566

“วราวุธ” เผย ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงขึ้น คนไทยเปลี่ยนเป็นเช่ามากกว่าซื้อ พบ 5 ล้านคนไม่มีที่อยู่ เปิดแผนแม่บทปี 79 คนไทยต้องมีที่อยู่อาศัยที่ดี ด้านทีดีอาร์ไอระบุ1.2 ล้านครัวเรือน ไม่มีเงินออมและมีรายได้ต่ำ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปาฐกถาในการเสวนา “The Visual Talk : Home & Hope คนไทยต้องมีบ้าน” หัวข้อ “สิ่งที่หวังจะสร้างฝัน การมีบ้านของคนไทย” จัดโดยองค์การกระจายเสียงและแพร่ภาพสาธารณะแห่งประเทศไทย (ส.ส.ท.) เพื่อรับฟังแนวคิดและมุมมองจากหน่วยงานทั้งภาครัฐ เอกชน ภาคประชาสังคมเกี่ยวกับที่อยู่อาศัยของคนไทย 

นายวราวุธ กล่าวว่า เวทีนี้เป็นเวทีแรกที่ผมจะพูดเรื่องบ้าน การเป็นรัฐมนตรีไม่ใช่อัจฉริยะเรื่องนั้นเลย ถ้าบกพร่องก็ขออภัย คำว่าสวัสดิการสังคม คือพี่น้องประชาชนจะเข้าถึงพื้นฐานหลายอย่าง เช่น การศึกษา รวมทั้งการมีบ้านเป็นของตนเอง

ปัญหาที่อยู่อาศัย เป็นปัญหามาช้านาน การเข้าถึงที่อยู่อาศัยราคาไม่แพง และปลอดภัย เพราะบ้านเป็น 1 ในปัจจัย 4 แต่ปัญหาการไม่มีบ้านอยู่อาศัย ส่วนใหญ่เกิดในเมืองใหญ่ และเป็นปัญหาที่คนรุ่นใหม่ ไม่สามารถมีอาชีพที่มีรายได้พอชำระค่าที่อยู่อาศัย ทำให้คนบางกลุ่มไร้ที่อยู่ 

ภูมิศาสตร์ทำให้คนส่วนใหญ่มากระจุกตัวตามเมืองใหญ่ โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ ทำให้คนเข้ามาอยู่ในพื้นที่แออัดไม่ได้มาตรฐาน  ตามตัวเลขกว่า 5 ล้านคน ไม่มีที่อยู่ เป็นคนมีรายได้น้อย กลุ่มเปราะบาง อพยพเข้ามาเป็นคนไร้บ้าน ส่วนใหญ่จะมีอายุมากคือ 51-60 ปี

วันนี้เมืองไทยเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุโดยสมบูรณ์แบบที่น่ากลัว 7-8 ปี จากนี้ไป สังคมไทยจะเข้าสู่สถานะซุปเปอร์เอจโซไซตี้จะเป็นสังคมผู้สูงอายุแบบสุดยอดเกิน 21% ของคนไทยทั้งหมด วันนี้อีกประมาณ 1% กว่าจะถึงจุดนั้นแล้ว สาเหตุที่มีคนสูงอายุมากขึ้นคือระบบสาธารณสุขดีขึ้น มีพัฒนาการดีขึ้น คนเกิดใหม่เกิดใหม่น้อยลง การที่มีผู้สูงอายุเพิ่มมากขึ้นทำให้มีการ พึ่งพิงประชากรวัยทำงานหรือเจเนอเรชั่นเดอะแบก 15 -60ปีต้องดูแล ทำให้มีความท้าท้ายด้านกำลังซื้อจะมีจำกัดมากขึ้น คนทำงานน้อยลงแต่คนที่ต้องการการดูแลมีเพิ่มมากขึ้น ในกรุงเทพมหานครหรือเมืองใหญ่

วันนี้ราคาอสังหาริมทรัพย์แพงมาก แล้วใครจะมีปัญญาซื้อ คนรุ่นใหม่จบออกมาปริญญาตรี เงินเดือน 15,000 บาท  จะเอาปัญญาที่ไหนไปซื้อ

นายวราวุธ กล่าวว่า กำลังซื้อยังไม่เพิ่มขึ้น การซื้อขายอสังหาริมทรัพย์ในประเทศไทยลดลงอย่างเห็นได้ชัด มีต่างชาติเข้ามาซื้อมากแต่คนไทยไม่มีกำลังซื้อทำให้คนเปลี่ยนมาเช่าที่อยู่อาศัยแทน  คนเช่าบ้านมากกว่าคนซื้อบ้านเพราะเหมาะสมกับคนที่มีรายได้น้อยสิ่งที่เกิดขึ้นในปัจจุบันเป็นความเหลื่อมล้ำที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งรัฐบาลให้ความสำคัญกับปัญหาเรื่องที่อยู่อาศัยมาโดยตลอด 

ฉะนั้นความมั่นคงทางด้านที่อยู่อาศัยเป็นหนึ่งในเป้าหมายที่สำคัญและเป็นภารกิจที่สำคัญของกระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์  ตามแผนแม่บทภายในปี 2579 คนไทยจะต้องมีที่อยู่อาศัย มีสภาพความเป็นอยู่ทีดี ชุมชนน่าอยู่ปลอดภัย สามารถแก้ไขปัญหาชุมชนแออัด การทำให้ประเทศดำเนินการแผนทั้งหมดนี้เป็น ภารกิจสำคัญของกระทรวงการพัฒนาสังคมฯ

“วราวุธ” เผย คนไทยเช่าบ้านมากกว่าซื้อ เหตุราคาอสังหาริมทรัพย์แพง

เมื่อตนเองเข้ามาทำงานได้สองเดือนได้เห็นปัญหาที่จะต้องเร่งแก้ไขปัญหา เพื่อความเป็นอยู่ที่ดีของประชาชน รวมถึงการใช้แนวคิดสมาร์ทซิตี้ที่เข้ามารองรับการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ประชาชนสามารถเข้าถึงบริการต่าง ๆ ผ่านแอพพลิเคชั่น มีความสะดวกสบายในการใช้ชีวิตอย่างที่ควรจะเป็น เช่นไฮสปีดอินเตอร์เน็ต

นายวราวุธกล่าวว่า สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน (พอช.)ที่ทำงานเคียงบ่าเคียงไหล่กับการเคหะแห่งชาติเป็นองค์กรที่สำคัญที่ขับเคลื่อนนโยบายให้คนไทยมีที่อยู่อาศัยถ้วนหน้า มีคุณภาพชีวิตที่ดีภายในปี 2579 พูดถึงบริบทของเมืองและชนบท แต่ พอช.ทำงานคนเดียวไม่ได้เพราะต้องร่วมกับองค์กรปกครองท้องถิ่น เช่น อบต. เทศบาล อบจ.ทั่วประเทศ โดยมีเป้าหมายในการแก้ไขชุมชนแออัดในแต่ละเมืองใหญ่ บุกรุกที่ที่ไม่มีกรรมสิทธิ์ หรือที่อยู่ในต่างจังหวัด 

ช่วง 5 ปีที่ผ่านมา (2560-2565) พอช. ได้รับงบประมาณแก้ไขปัญหาในประชาชนประมาณ 1.4 แสนครัวเรือน กระทรวงการพัฒนาสังคมฯมีภารกิจเยอะ แต่งบประมาณสวนทางกับภารกิจของกระทรวง ตนได้ขอร้องผอ.สำนักงบประมาณเพิ่มงบประมาณให้กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ

นายวราวุธ กล่าวว่า การเคหะแห่งชาติได้ประมาณการความต้องการที่อยู่อาศัยว่าในปี 2560-2570 พบว่าความต้องการของผู้มีรายได้น้อยที่ต้องการที่อยู่อาศัย และคนรุ่นใหม่ทำงานรายได้ยังไม่มากแต่ต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองนั้น พวกเขาจะต้องรับภาระค่าใช้จ่ายที่เพิ่มขึ้น 

จากผลสำรวจคนรุ่นใหม่สามารถรับค่าใช้จ่ายที่อยู่อาศัยได้ 500,000 บาทต่อราคาของที่พัก จึงเป็นที่มาราคาที่พักถึงอยู่ในราคาหลักแสน

นายวราวุธ กล่าวว่า ขณะที่ผู้สูงอายุจำเป็นต้องมีที่อยู่ที่เข้ากับสภาพที่ตัวเองเป็น โดยผู้สูงอายุหรือคนพิการต้องมีบ้านเข้ากับสถานะ ตนเข้ามาทำงานในกระทรวงนี้ได้พูดถึงการสร้างโอกาสให้กับคนทุกกลุ่ม ทุกเพศ ทุกวัย และทุกสถานะ เพื่อลดความเหลื่อมล้ำลง สามารถเป็นบ้านที่มีกำลังซื้อ ให้คนสามารถซื้อได้และขนาดนี้ตนกำลังหารือกับ พอช.และการเคหะฯว่าจะเริ่มโครงการนี้ได้เร็วที่สุดเมื่อใด

ที่สำคัญเมื่อคนไทยมีบ้านที่บอกว่าของมันต้องมี บางอย่างไม่ต้องมีบ้างก็ได้ บางท่านได้บ้านไปแล้ว มีที่อยู่แล้ว ขอความกรุณาอย่าเอาไปจำนอง เอาเงินออกมาไปใช้หนี้  เพราะบ้านเป็นสิ่งสำคัญในปัจจัยสี่ เมื่อมีบ้านแล้วต้องรักษาไว้ให้ดี กระทรวงพม. มีภารกิจที่สำคัญต้องดูแลพี่น้องประชาชนทุกคน และเราทำงานคนเดียวไม่ได้ต้องทำงานร่วมกับภาคเอกชน และตนมั่นใจว่าคนไทยเมื่อทำอะไรด้วยกันแล้วไม่มีอะไรที่คนไทยทำด้วยกันไม่ได้

เมื่อถามว่า เป็นไปได้หรือไม่ที่รัฐบาล จะออกนโยบายปรับลดอัตราดอกเบี้ย และปรับระยะเวลาในการผ่อนชำระที่อยู่อาศัย คล้ายกับการผ่อนรถยนต์ในระยะเวลาในเกิน10 ปี และตัดเงินต้นมากกว่าดอกเบี้ย นายวราวุธ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ท้าทาย ถ้ากระทรวงพม.จัดการเองได้หมดตนเซ็นให้เลย แต่บังเอิญบังทำเองไม่ได้ ยิ่งพูดถึงเรื่องอัตราดอกเบี้ยตัดต้นตัดดอกจริงเป็นเรื่องที่อยากทำ แต่เรื่องนี้เป็นเรื่องของกระทรวงการคลังที่มีสิทธิ์มีเสียง ขอรับเป็นการบ้าน

แต่มีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลจะจัดโครงการบ้านและที่ดินเพื่อการอยู่อาศัย ให้ประชาชนในราคาที่เป็นธรรม เพราะคือภารกิจของการเคหะฯ ซึ่งทราบดีว่าการเคหะฯมีปัญหาหลายเรื่องที่ประชาชนอาจไม่ตรงใจ แต่การเคหะฯได้จัดทำบ้านที่มีห้องนอน/ห้องนั่งเล่นราคาถูก ดังนั้นการหาที่อยู่ที่มีราคาเหมาะสมไม่ต้องรอการเคหะฯทำได้ ถ้าหากมีปัญหากับการเคหะฯบอกว่าทำไม่ได้ขอให้มาแจ้งกระทรวง พม. และตนจะไปดูปัญหาอยู่ตรงไหนจะได้มาแก้ไขกัน 

เมื่อถามว่า รัฐบาลสามารถออกข้อบังคับเรื่องกรอบราคาที่อยู่อาศัย ณ ปัจจุบันที่พุ่งสูงขึ้นได้หรือไม่ นายวราวุธ กล่าวว่า ก่อนที่ตนจะเป็นรัฐมนตรี ตนเคยบริหารสโมสรฟุตบอล สมัยนั้นค่าตัวนักฟุตบอลแพง ต่างประเทศก็มีการกำหนดค่าตัวนักฟุตบอลไม่เกินเท่านั้นเท่านี้และสโมสรจ่ายตรงตามนั้นในบัญชี แต่พบว่าไปจ่ายนอกบัญชีอีก ฉะนั้นถ้าถามว่ารัฐบาลออกข้อกำหนดได้ไหม  เช่นไม่ให้เกิน 2 ล้านบาท แต่พอมีดีมานด์ เข้ามาก็จะมีค่าอื่น ๆ ตามมาอีกทำให้เกินราคาอยู่ดี ประเด็นคือทำอย่างไรให้ลดความเหลื่อมล้ำตรงนี้ ทำให้ไม่มีการจ่ายเพิ่มถ้าหากกำหนดราคาออกมาแล้วจ่ายตามนั้นจริง 

อันนี้เป็นเรื่องท้าทายแต่นั่นเป็นเรื่องภาคเอกชนเราไม่สามารถควบคุมราคาการตลาดให้อยู่ราคาเท่าไหร่อย่างไร เป็นกลไกอสังหาริมทรัพย์

ส่วนประเด็นการทำบ้านของเฟิร์สจ๊อบเปอร์ นั้น อยู่ระหว่างการเร่งทำงานร่วมกับสำนักงบประมาณ โดยต้องการจะผลักดันให้เกิดขึ้นภายในปี 2567เพราะปริมาณคนจบใหม่ต้องการบ้านที่อยู่อาศัยซึ่งจะเป็นการสร้างความมั่นคงให้รู้สึกเหมือนเป็นคฤหาสน์ของตัวเอง สร้างความมั่นคงทางจิตใจให้ด้วย 

ส่วนปี 2579 ที่จะให้ประชาชนมีที่พักอาศัยครบทุกคนนั้นเป็นเรื่องที่ต้องประสานกับหลายหน่วยงาน ประเทศไทยมีพื้นที่จำกัดแต่ประชากรเพิ่มจำนวนมากขึ้นทุกปีถ้าทุกคนมีบ้านในที่ของตัวเองอีก 40-50 ปีถามว่าคนไทยจะอยู่ตรงไหนเพราะโดนซื้อไปหมดแล้ว บางคนมีบ้านก็ไปจำนอง เสร็จนายทุนหมด บางครั้งก็เห็นใจนายทุนเพราะนายทุนก็นั่งอยู่เฉยๆแต่มีประชาชนเอาที่ดินไปจำนอง ฉะนั้นบ้านในอนาคตอาจเป็นลิสต์โฮมไม่ใช่ฟรีโฮม

นายวราวุธ กล่าวว่า แนวคิดกองทุนเงินออมเพื่อที่อยู่อาศัย ในประเทศไทยเป็นความคิดที่ดี คนไทยมีอัตราการออมต่ำมาก เราอยากให้มีกองทุนเงินออมเพื่อที่พักอาศัยจะเป็นประโยชน์มาก ต้องขอบคุณที่มีความคิดนี้ และไม่มีอะไรเป็นไปไม่ได้ ตนจะไปพูดกับผู้ใหญ่หลายคนว่าเราทำกันดีไหม

ไม่มีใครปล่อยกู้ให้คนจนซื้อบ้าน 
ด้านนายสิทธิพล ชูประจง หัวหน้าโครงการ “จ้างวานข้า” มูลนิธิกระจกเงา กล่าวในประเด็น “โอกาสของผู้มีรายได้น้อยกับการมีบ้าน” ว่า เราต้องการให้คนในบ้านมีพื้นที่ในการทำงานและสร้างรายได้ในตัวพวกเขาและนำไปสู่ปรับปรุงคุณภาพชีวิต เปลี่ยนผ่านจากคนในบ้านเป็นคนมีบ้านได้ อันนี้เป็นโครงการจ้างวานข้า

เราจะพาไปดูที่อยู่อาศัยที่เราไม่เคยเห็น คนจนรายได้น้อยมาก เส้นแบ่งความยากจนต่ำกว่า 3,000บาท กลุ่มคน 2 กลุ่มหลักที่เราจะคุย คือกลุ่มคนไร้บ้าน และคนจนเมือง ถ้าจะให้อธิบายกลุ่มคนไร้บ้าน คือกลุ่มคนที่มีปัญหาทางเศรษฐกิจ ต้นทุนต่ำ ไม่สามารถมีที่พักอาศัยได้ ส่วนคนจนเมือง แม้มีบ้าน แต่ที่อยู่อาศัยมีลักษณะที่ที่เรียกว่าที่อยู่อาศัยได้หรือไม่เช่น มีประตูเข้าอย่างเดียว ต้องยัดตัวเข้าไป ห้องเช่า 600 บาท ตนเรียกว่าเป็นการเช่าในห้องเช่า ตัดแบ่งเพื่อปล่อยเช่าราคาที่ได้เพิ่มมากขึ้น 

ในการทำงานของมูลนิธิกระจกเงา บ้านคนจนมีหลายรูปแบบ แต่จะพูดถึง 2 รูปแบบ คือบ้านในที่ดินคนอื่น อาจเป็นพื้นที่ราชการ หรือเอกชน เช่นมีคนอพยพจากกัมพูชา มา 30 ปีแล้ว ปัญหาคือทำงานรับจ้างเรื่อย ๆ มีครอบครัว มีลูก แล้วลูกถูกล่วงละเมิดทางเพศ ในช่วงที่อยู่ในบ้านแบบนี้ เพราะบ้านไม่มีรั้วรอบขอบชิด  ลูกคนที่ 2 เกิดขึ้นมาปัญญาอ่อน ปัญหาคือบ้านสภาพแย่ ไม่นำไปสู่การพัฒนาคุณภาพชีวิต เพื่อนบ้านก็มีปัญหาลักษณะเดียวกัน 

ต่อมาเป็นบ้านคนจนเมือง คืออยู่ในบ้านขนาด 2x2 เมตร ใช้แรงงานมาตลอดชีวิต อายุมากขึ้นไม่ถูกจ้างงาน งานลดน้อยลง ไม่สามารถเช่าห้องได้  พวกเขาได้บ้านอย่างนี้มาได้อย่างไร เพราะค่าแรงที่พวกเขาได้ในช่วงชีวิตการทำงานรายได้ต่ำมาก มีรายได้ 300 บาท/วัน ทั่วประเทศเมื่อไม่นานมานี้ นอกจากนี้รายได้ที่มีจากเงินผู้สูงอายุ และเงินผู้พิการ มาจ่ายค่าห้อง และดูแลลูกที่พิการ ถ้าไม่มีลูกก็ออกไปเป็นคนไร้บ้าน แต่ต้องแบกรับการดูแลลูก

นายสิทธิพล กล่าวว่า หากจะมีบ้านต้องทำอย่างไร กรณีของลุงวัย 82 ปี เช่าบ้านในคลองเตย เมื่อมีรายได้มากขึ้น ปี 2565 ลุงคนนี้สามารถซื้อบ้านราคาแสนกว่าบาทได้ ไม่รวมที่ดิน เพราะเป็นที่ราชการ แต่ที่ต้องทนในช่วงอายุสูงขึ้นคือไปโบกธงตามโครงการขายบ้าน

โอกาสของคนมีบ้านนั้น กลุ่มคนจนที่เราทำงานด้วยเท่ากับศูนย์ เพราะรายได้ต่ำ ใช้จ่ายวันต่อวัน ไม่มีเงินเก็บ ไม่มีเครดิตกู้เงิน แม้แต่เงินนอกระบบยังไม่ปล่อยกู้ให้ซื้อบ้าน แม้แต่บ้านการเคหะฯ ก็เข้าไม่ถึงที่อยู่อาศัยที่รัฐจัดให้ได้ คือรัฐจัดสรรให้คนจน แต่เข้าไม่ถึง รัฐต้องมาดูว่าจะให้เข้าถึงบ้านที่อยู่อาศัยที่มีคุณภาพขึ้นได้อย่างไร

คนรุ่นใหม่จะมีบ้านสักหลังเป็นเรื่องยาก

นายชัชวาลย์ วัฒนะโชติ ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินและนักลงทุนอสังหาริมทรัพย์ กล่าวในหัวข้อ อ่านแนวคิดคนรุ่นใหม่กับการซื้อบ้าน ว่า คนรุ่นใหม่จะมีบ้านสักหลังมีเงินออมเป็นเรื่องที่ยากมาก นอกจากซื้อของที่แพงขึ้นจากอดีต เรื่องการยั่วยุให้ใช้เงินมีมากกว่าอดีต ไม่แปลกใจว่าทำไมคนรุ่นใหม่อยู่ยากขึ้น ประเทศไทยของเราจีดีพีเติบโตปีละ 10% ราคาบ้านเติบโตน้อยกว่าจีดีพี หมายความว่าคนโดยรวมรวยขึ้น คนรุ่นใหม่มีรายได้ลดน้อยลงเมื่อเทียบกับราคาบ้าน ทำให้เป็นเจ้าของบ้านได้ยากเย็น 

ตัวเมืองของบ้านเราขยายตัวมากขึ้น คนทั่วไปมีบ้านอยู่แล้ว แต่บ้านไม่ได้อยู่ในแหล่งงาน จึงต้องอยู่ในเมืองเพื่อจะมีการเติบโตทางหน้าที่การงานจึงจะร่ำรวยได้ ฉะนั้นจึงต้องมาซื้อบ้านและคอนโดฯอยู่ การเติบโตของชุนเมืองทำให้ราคาอสังหาริมทรัพย์โตขึ้นด้วย ขณะเดียวกันยังมีการเกร็งกำไรด้วย ทำให้มีดีมานด์ด้านการลงทุนทำให้คนที่มีพลังน้อยกว่าเสียเปรียบ

นายชัชวาลย์ กล่าวว่า  บ้านจำเป็นแค่ไหนทำไมคนเราต้องมีบ้าน พอพูดถึงบ้าน จะนึกถึงครอบครัว เมื่อเริ่มสร้างครอบครัวจะเริ่มสร้างบ้าน นั่นคือความมั่นคงของครอบครัว บ้านคือความมั่นคงของครอบครัว ถ้าสั่นคลอนแล้วครอบครัวจะเข้มแข็งได้อย่างไร จะทำงานให้ดีได้อย่างไรหรือจะช่วยเหลือสังคมได้อย่างไรถ้าบ้านที่เป็นพื้นฐานยังไม่ดี ประเทศที่พัฒนาแล้วเห็นความสำคัญด้านนี้มาก เช่น สิงคโปร์ แม้ว่าจะขยายครอบครัวก็ยังจะมีบ้านได้อีก 

วันนี้เราอยากทำนโยบายมีอะไรที่เป็นไปได้บ้างที่ไม่ต้องพึ่งพาภาครัฐ อย่างแรกเรื่องของเครดิต เรื่องความมั่นคงของเรา การซื้ออสังหาริมทรัพย์นั้นไม่มีเงินก็ซื้อได้ขออย่างเดียวมีเครดิต แต่ปัจจุบันของเรามีแค่การกู้เงิน การจ่ายบัตรเครดิต แต่เครดิตจริงๆมีหลายมิติมาก เช่น  สหรัฐอเมริกามีระบบเครดิตสกอร์ที่รวมถึงเงินออมด้วย เพราะการออมสะท้อนถึงวินัย นอกจากนี้มีเรื่องจ่ายภาษีครบถ้วนจะเป็นเครดิต จะทำให้ทำประกันได้ถูกลง จะได้รับเลือกให้เช่าบ้านก่อนคนเครดิตไม่ดี

ในวงการอสังหาฯพูดกันว่าไม่มีเงินไม่เป็นไรแต่ห้ามเสียเครดิต การที่จะให้ประชากรไทยตั้งหลักได้ตั้งตัวได้เพื่อเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี หาอาชีพ หางาน มีบ้านให้กลับมาเติมพลัง ไม่มีใครอยากจนหรือพึ่งเงินรัฐ จะลดต้นทุนในการจ่ายช่วยเหลืออีกมากมายมหาศาล ตนคิดว่าวันนี้ถึงแล้วที่เราจะมาเริ่มต้นตั้งตัวกับคนรุ่นใหม่ให้เขามีความหวังและสามารถร่ำรวย

ทุกชีวิตเกิดขึ้นมามีบ้าน 3 หลัง
นายอภิชาติ ประสิทธิ์นฤทธิ์ นายกสมาคมการค้าอสังหาริมทรัพย์และพันธมิตร กล่าวในวาระ:ทำอย่างไรให้คนไทยต้องมีบ้าน  ว่า การตั้งคำถามว่า  ทำไมเราต้องมีบ้าน บ้านหลังแรกของเราคือที่ไหน ความหมายคืออะไร  ขออธิบายว่า ทุกชีวิตเกิดขึ้นมามีบ้าน 3 หลัง โดยไม่รู้ตัว บ้านหลังแรกคือ บ้านเรือนใจ คือครรภ์มารดา คือบ้านหลังที่ 1  โตขึ้นมาคือบ้านเรือนกาย คือบ้านหลังที่2และหลังสุดท้ายคือบ้านที่เราพักอาศัย  ถ้าเริ่มต้นที่ไม่มีบ้าน ใช้ชีวิตไม่อบอุ่น ไม่ปลอดภัย การที่จะมีความคิด มีปัญหา การเข้าสู่การเติบโตจึงเป็นไปได้ยาก ทำไมรัฐ ต้องช่วยกันขับเคลื่อนให้คนมีบ้าน การถือครองกรรมสิทธิ์เป็นเรื่องทางโลก เพราะในทางนิตินัย มันจำเป็นต้องมี แต่ไม่หมายความว่าจะเป็นที่นั่นตลอดไป 

จากการศึกษาต่อ 1 รอบวงจรชีวิต จะมีบ้าน 2-3 สถานที่ ในการอยู่อาศัย 1 ชีวิตของมนุษย์ ความต้องการใช้บ้านของมนุษย์มีมากมาย ทรัพยากรประเทศไทยอยู่ในที่ดิน ที่มีขีดจำกัด ใช้หมดไป เวียนเปลี่ยนมือกันอย่างไร การทำให้คนอยู่ในที่สงบปลอดภัย คือปัจจัยสำคัญ สังคมไทยอยู่กันหลายเจนเนอเรชั่น เป็น DNA ที่ดีมาก แต่ด้วยการบีบรัดทางสังคมทำให้เป็นอุปสรรคของครอบครัวใหญ่วันนี้หัวใจสำคัญพบว่ามีความต้องการที่อยู่อาศัยเพิ่มมากขึ้นในสังคมเมือง แต่โอกาสในการมีพลังในการถือครองกรรมสิทธิ์มีไม่พอ ทำอย่างไรที่รัฐจะเข้าใจความต้องการเหล่านี้ได้ 

ทางเลือกของสังคมไทยในการสร้างที่อยู่อาศัยมี 2 ข้อ คือไม่เช่าซื้อ ก็ซื้อเลย แต่จะมีตรงกลางตรงนั้นได้ เช่น อาจต้องการความสะดวกในการใช้ชีวิต ดังนั้นรัฐอาจมีการออกแบบนโยบายใหม่ เช่น เรื่องระบบการถือครองของกรรมสิทธิ์ที่เป็นกลไกแบบใหม่  

การสร้างที่อยู่อาศัยที่มีการถอยร่นพื้นที่หน้าหลัง การดีไซน์พื้นที่ต่าง ๆ ขึ้นมาใหม่ และต้องสอบถามความต้องการประชาชนอย่างแท้จริง ต้องมีประชาพิจารณ์ใหม่  เช่น โหวตผ่านบล็อกเชน ปรับแก้ลดอุปสรรคระหว่างรัฐกับเอกชน และการส่งมอบสังคมคุณภาพต้องเข้าใจการนำเทคโนโลยีไปใช้ 

วันนี้สิ่งที่ประเทศไทยต้องขายมากที่สุดคือการขายปัญญาซึ่งประเมินค่าไม่ได้ การทำให้ประชาชนมีบ้านอยู่ได้ ไม่ใช่เรื่องของกระทรวงใดกระทรวงหนึ่ง แต่เป็นเรื่องของทุกคนร่วมมือ และควรมีบีโอไอเพื่อเอกชนกับรัฐจับมือกันเจอได้ อะไรที่เป็นคุณภาพชีวิตประชาชนต้องมีงบประมาณมาเกี่ยวข้องและมีวิธีบริหารจัดการ ถ้าเรื่องนี้ถูกขับเคลื่อนเป็นวาระแห่งชาติต้องแก้กันเป็นองคาพยพ เพื่อไปสู่อนาคตข้างหน้าร่วมกัน

ไม่พร้อมแต่ต้องไปหาทางกู้เพื่อมีบ้าน
นายธฤต ศรีอรุโณทัย ผู้ช่วยผู้จัดการใหญ่อาวุโส บริษัทข้อมูลเครเดิตแห่งชาติ จำกัด (เครดิตบูโร) กล่าวว่า คำว่าของมันต้องมี เป็นศัพท์ที่เกิดขึ้นมาตั้งนาน บางครั้งเมื่อเราไม่พร้อม แต่ต้องไปหาทางกู้เพื่อมีบ้าน แต่เราไม่เคยประเมินความพร้อมว่าเราสามารถผ่อนไปถึงปลายทางได้แค่ไหน หนี้สินโดยเฉพาะสินเชื่อส่วนบุคคลโดยตัวเลขที่ผ่านมาค่อนข้างสูงมากและแนวโน้มชำระหนี้คืนยาก จากการที่คนไทยยังขาดวินัยในการออมเงิน 

คนไทยทุกคนมีบ้านได้ แต่ต้องเริ่มต้นที่ตัวเราในการออม เราอดที่จะซื้อของที่จำเป็นเริ่มเก็บเงินเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อน ดังนั้นการที่จะมีบ้านเรากลับมาเริ่มต้นที่ตัวเองก่อนคือ สร้างวินัยในการออม อาจเก็บจาก 10 - 20% ของรายได้และต้องเริ่มต้นกันใหม่จากรายได้หักเงินออม

1.2 ล้านครัวเรือน ไม่มีเงินออมและมีรายได้ต่ำ
นายนณริฎ พิศลยบุตร นักวิชาการอาวุโส สถาบันวิจัยเพื่อการพัฒนาประเทศไทย (ทีดีอาร์ไอ) กล่าวว่า เราสามารถแบ่งครัวเรือนออกได้เป็น 5 กลุ่ม คือ 1.กลุ่มข้าราชการมีรายได้จากบำนาญ 2.กลุ่มครัวเรือนที่ได้รับมรดก 3.กลุ่มครัวเรือนที่ต้องดูแลตัวเองได้ดี 4.กลุ่มครัวเรือนที่ไม่มีเงินออมเพราะรายจ่ายสูงกว่าความจำเป็นเป็น 5.กลุ่มที่ไม่มีเงินออมเพราะรายได้ต่ำ ซึ่งเป็นกลุ่มที่น่าห่วง 

จากผลการวิจัยพฤติกรรมครัวเรือนไทยทางด้านการออมว่า สามารถแบ่งกลุ่มประชากรออกเป็นกลุ่มที่ดูแลตัวเองได้ มีเงินออมสามารถมีบ้านได้ 15 ล้านครัวเรือน ขณะที่ 5.7 ล้านครัวเรือน มีรายจ่ายที่สูงเกินกว่าความจำเป็น ไม่มีศักยภาพที่จะออมเงินได้  ส่วน4.6ล้านครัวเรือน เป็นกลุ่มที่ต้องมีบ้านได้หากมีวินัยทางการเงิน  ส่วนที่น่ากังวลคือ 1.2 ล้านครัวเรือน ไม่มีเงินออมและมีรายได้ต่ำ 

นอกจากนี้วัฒนธรรมของไทยยังมีลักษณะเฉพาะ เช่น อยู่กันแบบครอบครัวใหญ่ ความต้องการที่อยู่อาศัยน้อยกว่า เพราะการอยู่กับพ่อแม่ไม่ใช่เรื่องผิด และการเป็นสังคมสูงวัยที่ลูกต้องดูแลพ่อแม่ ปัจจุบันพ่อแม่มีลูกน้อยคนทำให้อัตราการมีบ้านต่ำลงด้วย

บางคนอาจจะบอกว่าบ้านเป็นทรัพย์สินที่ราคาสูงขึ้น แต่ความเป็นจริงหากเศรษฐกิจโตต่ำ ราคาบ้านโตสูง ถ้าบ้านคุณภาพสูง ราคาเพิ่มขึ้นดี แต่ถ้าบ้านคุณภาพต่ำ คือทำเลไม่ดี ใกล้แหล่งเสื่อมโทรม แทนที่จะราคาสูงขึ้นอาจจะราคาต่ำลง

สำหรับคนที่ไม่มีบ้านจริง ๆ คือคนไร้บ้าน ข้อมูลจาก สสส. มีแค่ 3,000 คน คือต้องอยู่ข้างถนน เมื่อดูนโยบายภาครัฐให้ความช่วยเหลือผ่านโครงการที่อยู่อาศัยคนละครึ่ง เพื่อให้มีฐานที่ตั้งนำไปสมัครงานต่อได้ คนอีกกลุ่มคือพอที่จะมีศักยภาพในการซื้อบ้านในราคาถูก เช่น โครงการบ้านมั่นคงของรัฐ แต่สิ่งสำคัญคือโลเคชัน เพราะหากอยู่ชานเมืองสาธารณูปโภคไม่ดี ทำให้เกิดค่าใช้จ่ายในการเดินทาง 

ทำไมภาครัฐไม่พยายามหาที่เช่าในเมือง ใช้พื้นที่หรือบ้านว่างในเมือง น่าจะทำให้มันแมทช์กัน เพื่อตอบโจทย์ชีวิต อีกเรื่องคือคนชนชั้นกลาง 15 ล้านคน จะไปสู้กับคนรวย ซื้อบ้านราคาแพง หรือจะไปอยู่ที่ไกลปืนเที่ยง แข่งกับคนรายได้น้อย แบบนี้ควรจะมีการจัดเก็บภาษีบ้านของคนชนชั้นสูง เพื่อสนับสนุนให้คนชนชั้นกลางไต่ระดับได้มากขึ้น

นายนณริฎ กล่าวว่า ในทางวิชาการมองว่าโจทย์การมีบ้าน อาจไม่น่ากังวลใจมาก เวลาพูดถึงการมีบ้าน คือเป็นเจ้าของกับเช่า ในส่วนกลุ่มที่รายได้ไม่เพียงพอ กลุ่มตลาดบนเเละคนชั้นกลาง คนร่ำรวย ขอเปรียบเทียบว่า สังคมสหรัฐอเมริกานััน อายุ18ปีจะออกไปใช้ชีวิต อายุ 20-30 ปี มีบ้านมีรถเป็นของตัวเอง ย้ายไปแต่งงานแบบสังคมอเมริกัน แต่ไทยมีวัฒนธรรมอยู่กับครอบครัวจึงต่างจากสหรัฐอเมริกา และมีเรื่องสังคมสูงวัยเข้ามาจนอาจเกิดภาวะบ้านล้นได้ เพราะเรามีปัญหาบ้านว่าง เปิดโอกาสบ้านเช่า สังคมเปิดกว้างความหลากหลายทางเพศ เลือกที่ไม่มีลูก บ้านอาจจะกลายเป็นภาวะ มีทรัพย์สินที่ไม่สามารถใช้เงินได้

ทั้งนี้ “The Visual” เป็นหนึ่งบริการเนื้อหาของไทยพีบีเอส เน้นการนำเสนอชุดข้อมูลจำนวนมาก และประเด็นซับซ้อนให้ออกมาเป็นเรื่องเล่า เข้าใจง่าย ผ่านกระบวนการวิเคราะห์ ออกแบบและบอกเล่าข้อมูล (Data Storytelling) ในรูปแบบ Digital Content พร้อมมัลติมีเดียที่หลากหลายที่ผสมผสานกับเทคโนโลยี ภายใต้สโลแกน “Making Data Visible” นับเป็นอีกก้าวสำคัญของการพัฒนา ด้านวารสารศาสตร์เชิงข้อมูล (Data Journalism) โดยมุ่งผลิตเนื้อหาและประเด็นที่สังคมให้ความสนใจผ่านรูปแบบเว็บไซต์ Interactive ได้แล้วที่ https://thevisual.thaipbs.or.th/HomeAndHope