ทร.แจงไม่ได้ข่มขู่กัมพูชา ย้ำใช้กลไกทวิภาคีปมเขื่อนกันคลื่น
โฆษกกองทัพเรือ ชึ้แจงข่าว ทร.ข่มขู่หรือเจรจารื้อถอนเขื่อนกันคลื่นหลักเขต 73 ไม่ตรงข้อเท็จจริง ระบุเอกชนกัมพูชาตัดสินใจรื้อถอนเอง พร้อมย้ำยึดแนวทางสันติและความร่วมมือระหว่างประเทศ
KEY
POINTS
- กองทัพเรือปฏิเสธข่าวการข่มขู่กัมพูชา โดยชี้แจงว่าเอกชนเป็นผู้รื้อถอนเขื่อนกันคลื่นด้วยตนเอง ไม่ได้เกิดจากคำสั่งของกองทัพเรือ
- ทร. ยืนยันว่าได้แสดงความกังวลต่อการก่อสร้างเขื่อนมาโดยตลอดผ่านกลไกความร่วมมือทวิภาคี โดยเฉพาะคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (RBC)
- ความกังวลของฝ่ายไทยเกิดจากผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นต่อสิ่งแวดล้อมทางทะเล การเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง และประเด็นด้านความมั่นคง
ตามที่ปรากฏข่าวในสื่อมวลชน กรณีมีการอ้างว่ากองทัพเรือได้ยื่นข้อเสนอให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการรื้อถอนเขื่อนกันคลื่นในพื้นที่ชายแดนทางทะเลบริเวณหลักเขตที่ 73
พลเรือตรี ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ ขอชี้แจงว่า ข้อมูลดังกล่าวไม่ตรงกับข้อเท็จจริง กองทัพเรือ มิได้มีการ " ข่มขู่ หรือเจรจา อย่างใด" แต่ในระยะเวลาก่อนหน้าที่จะเกิดการปะทะตามแนวชายแดน ทร.ได้มีการเรียกร้องอย่างเป็นทางการให้ฝ่ายกัมพูชาดำเนินการรื้อถอนเขื่อนกันคลื่นดังกล่าว
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา กองทัพเรือได้เฝ้าติดตามสถานการณ์และแสดงความกังวลต่อการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นในพื้นที่ดังกล่าวมาอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลานาน รวมทั้งได้มีการยื่นหนังสือแสดงความห่วงกังวล ขอให้มีการระงับการดำเนินการและพิจารณาผลกระทบในประเด็นดังกล่าว ตั้งแต่ช่วงเวลาก่อนที่จะเกิดเหตุการณ์ปะทะตามแนวชายแดน
ทั้งนี้ เนื่องจากการก่อสร้างเขื่อนกันคลื่นดังกล่าว อาจส่งผลกระทบต่อสภาพแวดล้อมทางทะเล การเปลี่ยนแปลงแนวชายฝั่ง ตลอดจนประเด็นด้านความมั่นคงและการบริหารจัดการพื้นที่ชายแดนทางทะเล
การแสดงความกังวลดังกล่าว กองทัพเรือได้ดำเนินการผ่านกลไกความร่วมมือด้านชายแดนที่มีอยู่ตามกรอบทวิภาคี โดยเฉพาะคณะกรรมการชายแดนส่วนภูมิภาค (Regional Border Committee : RBC) มาโดยตลอด ซึ่งฝ่ายกัมพูชารับทราบถึงท่าทีและความห่วงกังวลของฝ่ายไทยในเรื่องนี้เป็นอย่างดี
สำหรับกรณีที่มีรายงานว่า เอกชนเจ้าของเขื่อนกันคลื่นได้ดำเนินการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างดังกล่าวด้วยตนเองนั้น กองทัพเรือเห็นว่า เป็นความประสงค์และการตัดสินใจของเอกชนฝ่ายกัมพูชาเอง ซึ่งสอดคล้องกับประเด็นความกังวลที่ฝ่ายไทยได้แสดงมาอย่างต่อเนื่องก่อนหน้านี้
ทั้งนี้ การดำเนินการดังกล่าว มิได้เกิดจากคำสั่ง การข่มขู่ หรือข้อเรียกร้องใด ๆ จากกองทัพเรือ และคาดว่าภายหลังจากที่ฝ่ายไทยได้เข้าดำเนินการเคลียร์พื้นที่ที่ถูกล่วงล้ำตามแนวชายแดนทางบกและทางทะเลจนสามารถควบคุมสถานการณ์และดำเนินการได้เรียบร้อย ส่งผลให้การบริหารจัดการพื้นที่เป็นไปด้วยความชัดเจนมากยิ่งขึ้น ซึ่งเอื้อต่อการแก้ไขประเด็นค้างคาในพื้นที่ด้วยแนวทางที่เหมาะสมและสันติ
กองทัพเรือยังคงยึดมั่นในการใช้ กลไกการเจรจาและความร่วมมือระหว่างประเทศ เพื่อบริหารจัดการประเด็นชายแดนทางทะเลอย่างรอบคอบ สันติ และเคารพซึ่งกันและกัน คำนึงถึงความปลอดภัยของประชาชนพลเรือนของทั้งสองฝ่ายตามหลักมนุษยธรรม พร้อมทั้งคำนึงถึงผลประโยชน์ร่วมของทั้งสองประเทศในระยะยาว


