ส่องรังสแกมเมอร์ “สีหนุวิลล์–ปอยเปต” จากเมืองชายแดนสู่รังสแกมเมอร์โลก
เมืองชายแดนที่เคยเป็นโอกาส ถูกแปรสภาพเป็นฐานอาชญากรรมไซเบอร์ข้ามชาติ ส่องรังสแกมเมอร์สีหนุวิลล์–ปอยเปต-บาเว็ต เครือข่าย “สามเหลี่ยมเมืองสแกม” ของกัมพูชา เงินสีเทา การค้ามนุษย์ และความเงียบที่โลกตั้งคำถาม
KEY
POINTS
- เมืองสีหนุวิลล์และปอยเปตได้เปลี่ยนจากเมืองชายแดนและเมืองท่องเที่ยวสู่ศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสแกมออนไลน์ข้ามชาติ โดยมีจุดเริ่มต้นจากการไหลบ่าของทุนจีนที่เข้ามาลงทุนในธุรกิจคาสิโนและอสังหาริมทรัพย์ ซึ่งสร้างโครงสร้างพื้นฐานที่เอื้อต่อการตั้งฐานปฏิบัติการของอาชญากรรมออนไลน์
- จุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้อาคารและโครงสร้างพื้นฐานถูกปรับเป็นศูนย์หลอกลวงออนไลน์ (Scam Centers) คือนโยบายห้ามการพนันออนไลน์ของรัฐบาลกัมพูชาในปี 2019 ประกอบกับผลกระทบจากโควิด-19 ที่ทำให้ธุรกิจคาสิโนซบเซา นำไปสู่ปัญหาการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงาน
- แรงกดดันจากนานาชาติ โดยเฉพาะจีนและสหรัฐอเมริกา นำไปสู่การปราบปรามครั้งใหญ่ของรัฐบาลกัมพูชา แต่ยังคงมีข้อกังขาว่าการจับกุมส่วนใหญ่เป็นเพียงแรงงานระดับล่าง และอาจเป็นเพียงการปราบปรามเพื่อภาพลักษณ์ โดยที่ผู้มีอิทธิพลตัวจริงยังไม่ถูกแตะต้อง
หากย้อนเวลากลับไปเพียงสิบกว่าปีก่อน ชื่อของ “สีหนุวิลล์” ยังผูกโยงกับภาพเมืองชายทะเลอันเงียบสงบของกัมพูชา เมืองท่าที่นักท่องเที่ยวแบ็กแพ็กเกอร์แวะพักก่อนเดินทางต่อไปยังเกาะใกล้เคียง ส่วน “ปอยเปต” คือเมืองชายแดนที่มีชีวิตชีวาจากการค้าขายและคาสิโนข้ามแดนกับไทย แต่ในศตวรรษที่ 21 เมืองทั้งสองกลับถูกจารึกชื่อใหม่ในแผนที่โลก ในฐานะศูนย์กลางของอุตสาหกรรมสแกมออนไลน์ข้ามชาติ ที่ใหญ่และซับซ้อนที่สุดแห่งหนึ่งของโลก
การเปลี่ยนผ่านนี้ไม่ได้เกิดขึ้นชั่วข้ามคืน หากแต่ค่อย ๆ ก่อตัวจากกระแสทุน การเมือง และเทคโนโลยีที่ไหลบ่ามาบรรจบกัน
ช่วงกลางทศวรรษ 2010 โดยเฉพาะปี 2015 เป็นต้นไป การไหลเข้าของทุนจีนอย่างรวดเร็ว เกิด “บูม” ของคาสิโนและโครงการอสังหาริมทรัพย์หลายสิบแห่ง ซึ่งเปลี่ยนโครงสร้างเมืองและเศรษฐกิจท้องถิ่นเป็นอย่างมาก สีหนุวิลล์กลายเป็นพื้นที่ลงทุนสำคัญของทุนต่างชาติ โดยเฉพาะทุนจากจีนที่ไหลบ่าเข้ามาในธุรกิจคาสิโน โรงแรม ส่งผลให้อสังหาริมทรัพย์ อาคารสูงผุดขึ้นอย่างรวดเร็ว โครงสร้างพื้นฐานด้านอินเทอร์เน็ตและโทรคมนาคมถูกพัฒนาเพื่อรองรับธุรกิจเหล่านี้ แต่ในเวลาเดียวกัน พื้นที่เหล่านี้ก็ได้กลายเป็น “ที่ตั้งเหมาะสม” สำหรับกิจกรรมผิดกฎหมายที่ต้องการทั้งความเป็นส่วนตัว แรงงานจำนวนมาก และการบังคับใช้กฎหมายที่ยังไม่เข้มแข็งพอ
สีหนุวิลล์มีเกร็ดชื่อเมืองที่สะท้อนทั้งภาษาและประวัติศาสตร์ ชื่อ “สีหะ” หมายถึง สิงห์ และ “หนุ” หมายถึง เขี้ยว รวมกันเป็นความหมายว่า “เขี้ยวสิงห์” สิงโตจึงกลายเป็นสัญลักษณ์ของเมือง และถูกถ่ายทอดออกมาเป็นรูปปั้นสิงโตคู่สีทองที่ตั้งตระหง่านอยู่กลางวงเวียนใจกลางเมือง เดิมเมืองนี้มีชื่อว่า “กัมปงโสม” ก่อนจะเปลี่ยนชื่อเป็น “สีหนุวิลล์” เมื่อได้รับการยกฐานะเป็นจังหวัดในปี 2008 เพื่อเทิดพระเกียรติพระบาทสมเด็จพระนโรดม สีหนุ อดีตกษัตริย์ผู้มีบทบาทสำคัญต่อชาติ และเคยทรงใช้ชีวิตในวัยเยาว์ที่เมืองชายฝั่งแห่งนี้
ในปี 2017 Sihanoukville Autonomous Port ถูกนำเข้าตลาดหุ้นกัมพูชา (IPO) และมีการลงทุนพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานท่าเรือเพิ่มเติม เรียกว่ามีแผนพัฒนาที่ถูกวางไว้สวยหรูสำหรับเป็นเมืองท่าที่ทันสมัยในอนาคตของกัมพูชา
ยุคเมืองร้าง (ghost city period)
แต่แล้วจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญก็เกิดขึ้นช่วงหลังปี 2020 เป็นต้นมา โดยเฉพาะในช่วงการระบาดของโควิด-19 อุตสาหกรรมคาสิโนซบเซา (ส่วนหนึ่งจากการปราบปรามอาชญากรจีนเทาอย่างหนักของรัฐบาลจีน) แต่กิจกรรมรูปแบบใหม่กลับเติบโตขึ้นอย่างรวดเร็ว นั่นคือ ศูนย์หลอกลวงออนไลน์ (Scam Centers) ซึ่งใช้วิธีการฉ้อโกงผ่านโซเชียลมีเดีย แอปแชต และแพลตฟอร์มการลงทุนปลอม กลุ่มเป้าหมายคือเหยื่อทั่วโลก ตั้งแต่เอเชีย ยุโรป ไปจนถึงสหรัฐอเมริกา
หลังจากการเติบโตอย่างรวดเร็วจากทุนจีนในช่วงราวปี 2015–2019 สีหนุวิลล์ก็เผชิญจุดหักเหครั้งใหญ่ เมื่อรัฐบาลกัมพูชาประกาศ ห้ามการพนันออนไลน์ (online gambling ban) ในปี 2019 ซึ่งเป็นนโยบายที่มีเป้าหมายลดแรงกดดันจากจีนและนานาชาติที่กังวลเรื่องอาชญากรรมข้ามชาติ การตัดสินใจครั้งนี้ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธุรกิจหลักของนักลงทุนจีนจำนวนมาก เพราะคาสิโนและแพลตฟอร์มพนันออนไลน์คือเครื่องยนต์ทางรายได้สำคัญของโครงการอสังหาริมทรัพย์ โรงแรม และคอมเพล็กซ์เชิงพาณิชย์ในเมือง
ผลที่ตามมาเกิดขึ้นทั้งรวดเร็วและรุนแรง นักลงทุนจีนจำนวนมาก ชะลอหรือถอนการลงทุน โครงการก่อสร้างที่เคยเร่งสปีดกลายเป็นไซต์งานที่ถูกทิ้งร้าง ตึกสูงหลายสิบแห่งหยุดการก่อสร้างกลางคัน บางแห่งเหลือเพียงโครงคอนกรีตเปลือย ไม่มีผนัง ไม่มีระบบสาธารณูปโภค และไม่มีผู้ซื้อ สื่อระหว่างประเทศอย่าง Reuters, The Guardian และ Nikkei Asia รายงานตรงกันว่าในช่วงปี 2020–2021 สีหนุวิลล์มีอาคารที่สร้างไม่เสร็จหรือถูกทิ้งร้างนับ หลายร้อยโครงการ จนเกิดภาพเมืองที่ “มีตึกมากกว่าคน” และถนนหลายสายแทบไม่มีผู้สัญจร
ยิ่งกว่านั้นรายงานจากองค์การสหประชาชาติและหน่วยงานพัฒนาอย่าง USAID ระบุว่า ภายในไม่กี่ปี กัมพูชามีศูนย์สแกมมากกว่า 50 แห่ง กระจายอยู่ในหลายเมือง รวมถึงสีหนุวิลล์ (รังสแกมขนาดใหญ่) ปอยเปต (รังของสแกมข้ามแดน พนมเปญ และบาเว็ต (อีกหนึ่งเมืองชายแดนด้านเวียดนามของประเทศกัมพูชา ตั้งอยู่ในจังหวัด สวายเรียง เป็นหนึ่งในศูนย์กลางใหญ่ของกิจกรรม “สแกมออนไลน์” หรือ ฐานปฏิบัติการสแกม มักถูกพูดถึงคู่กับ สีหนุวิลล์ และ ปอยเปต ในฐานะ “สามเหลี่ยมเมืองสแกม” ของกัมพูชา)
รายงานของ UN และ USAID ยังระบุถึงจำนวนผู้ที่เกี่ยวข้องกับกิจกรรมนี้ทั่วประเทศที่มีการประเมินว่าอยู่ระหว่าง 100,000–150,000 คน ส่วนใหญ่เป็นชาวต่างชาติที่ถูกหลอกหรือถูกบังคับให้ทำงาน ด้วยข้อเสนอรายได้ดี ก่อนจะถูกบังคับให้ทำงานในเครือข่ายฉ้อโกง
สอดคล้องกับรายงานชื่อ “I Was Someone Else’s Property” ของ Amnesty International องค์กรสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศที่ได้สำรวจและตีพิมพ์ในเดือนมิถุนายนปี 2025 โดยระบุจำนวน ศูนย์สแกมเมอร์ (scamming compounds) มากกว่า 50 แห่ง (หรืออย่างน้อย 53 แห่ง) ที่ดำเนินงานจริงในกัมพูชา และมีศูนย์อื่น ๆ ที่น่าสงสัยตามลักษณะเดียวกันอีกหลายแห่งทั่วประเทศ (รายงานยาวกว่า 240 หน้า) ซึ่งรวมถึงพื้นที่สำคัญ เช่น สีหนุวิลล์ และปอยเปต รวมถึงเมืองอื่น ๆ อีกด้วย
ในเชิงเศรษฐกิจ ตัวเลขที่เปิดเผยต่อสาธารณะยิ่งสะเทือนใจ อุตสาหกรรมสแกมในกัมพูชาถูกประเมินว่ามีมูลค่ารวม 12.5–19 พันล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี หรือคิดเป็นสัดส่วนสูงมากเมื่อเทียบกับ GDP ของประเทศ นี่ไม่ใช่อาชญากรรมรายย่อย หากแต่เป็น “เศรษฐกิจใต้ดิน” ที่มีขนาดเทียบเท่าอุตสาหกรรมหลักของประเทศหนึ่ง
ส่วนปอยเปต (Poipet) คือเมืองชายแดนกัมพูชาที่คนไทยรู้จักดี เติบโตอย่างรวดเร็วจากบทบาท “ประตูการค้าและการเดินทาง” ระหว่างกัมพูชากับไทย ตรงข้ามอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว เดิมเป็นเมืองผ่านขนาดเล็ก แต่ขยายตัวอย่างก้าวกระโดดหลังด่านพรมแดนเปิดถาวรและเศรษฐกิจชายแดนคึกคัก เมืองนี้กลายเป็นศูนย์รวมคาสิโน โรงแรม และกิจกรรมเศรษฐกิจที่พึ่งพานักท่องเที่ยวและแรงงานข้ามชาติจากไทย ก่อนจะเผชิญภาพลักษณ์ด้านลบจากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติ การหลอกลวงออนไลน์ และการค้ามนุษย์ในช่วงหลัง ทำให้ปอยเปตเป็นตัวอย่างเมืองชายแดนที่เติบโตเร็ว แต่เปราะบางต่อความเสี่ยงจากเศรษฐกิจนอกระบบและการกำกับดูแลที่จำกัด
ปอยเปตในช่วงหลังจึงไม่ใช่เพียงเมืองชายแดนอีกต่อไป แต่กลายเป็นจุดยุทธศาสตร์สำคัญของเครือข่ายสแกมข้ามชาติ ด้วยที่ตั้งใกล้ไทย การเชื่อมต่อสัญญาณโทรคมนาคมข้ามพรมแดน และโครงสร้างคาสิโนที่พร้อมใช้งาน หลายคดีในไทยพบว่าการโทรหลอกลวงหรือการลงทุนปลอมมีปลายทางเชื่อมโยงไปยังอาคารในปอยเปตโดยตรง
แรงกดดันจากนานาชาติเริ่มทวีความรุนแรงขึ้นตั้งแต่ปี 2022 เมื่อสื่อระดับโลกและองค์กรสิทธิมนุษยชนเปิดโปงว่า ศูนย์สแกมจำนวนมากเกี่ยวข้องกับ การค้ามนุษย์และการใช้แรงงานบังคับ ผู้ที่ไม่สามารถทำยอดตามเป้าถูกลงโทษหรือกักขัง ข้อกล่าวหาเหล่านี้ทำให้ภาพลักษณ์ของกัมพูชาถูกตั้งคำถามอย่างหนักในเวทีโลก
จุดเปลี่ยนสำคัญเกิดขึ้นในช่วงปี 2024–2025 เมื่อรัฐบาลกัมพูชาเริ่มปฏิบัติการกวาดล้างครั้งใหญ่ ภายใต้แรงกดดันจากประเทศเพื่อนบ้าน สหรัฐอเมริกา และจีน การบุกตรวจค้นศูนย์สแกมทั่วประเทศนำไปสู่การจับกุมผู้ต้องสงสัย กว่า 2,700–3,000 คนภายในเวลาไม่กี่เดือน ครอบคลุมทั้งสีหนุวิลล์ ปอยเปต พนมเปญ และเมืองชายแดนอื่น ๆ
จีนมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในช่วงนี้ เนื่องจากเหยื่อจำนวนมากเป็นชาวจีน และผู้ควบคุมเครือข่ายระดับสูงจำนวนหนึ่งก็มีสัญชาติจีน รัฐบาลปักกิ่งจึงร่วมมือกับกัมพูชาอย่างใกล้ชิด มีการส่งตัวผู้ต้องสงสัยชาวจีนกลับไปดำเนินคดีในประเทศหลายร้อยราย พร้อมทั้งยกระดับการปราบปรามแก๊งสแกมในต่างประเทศอย่างจริงจัง
ในฝั่งสหรัฐอเมริกา กระทรวงการคลังและหน่วยงานด้านความมั่นคงออกมาตรการคว่ำบาตรเครือข่ายอาชญากรรมไซเบอร์ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ โดยเปิดเผยว่าเพียงปีเดียว ชาวอเมริกันสูญเงินจากการหลอกลวงออนไลน์มากกว่า 10,000 ล้านดอลลาร์ (ราว 370,000 ล้านบาท) ในปี 2024 และหลายคดีมีร่องรอยเชื่อมโยงมาถึงกัมพูชาและประเทศเพื่อนบ้าน
อย่างไรก็ตาม แม้ตัวเลขการจับกุมจะสูงเป็นประวัติการณ์ เสียงวิพากษ์จากองค์กรอย่าง Amnesty International และสื่ออิสระระดับโลกยังคงตั้งคำถามสำคัญว่า การปราบปรามเหล่านี้ แตะต้อง “ตัวจริง” มากน้อยเพียงใด?
นักวิเคราะห์บางรายมองว่าผู้ถูกจับกุมจำนวนมากเป็นเพียงแรงงานระดับล่าง ขณะที่ผู้มีอิทธิพลและผู้ได้รับผลประโยชน์เชิงโครงสร้างอาจยังไม่ถูกแตะต้อง
บางสำนักข่าวใช้คำว่า “performative crackdown” หรือการปราบปรามเพื่อภาพลักษณ์ โดยชี้ว่าหากไม่แก้ปัญหาเชิงระบบ ตั้งแต่การกำกับคาสิโน การบังคับใช้กฎหมาย การคอร์รัปชัน และความร่วมมือข้ามชาติอย่างแท้จริง ศูนย์สแกมอาจเพียง “ย้ายที่” แทนที่จะหายไป
เรื่องราวของสแกมเมอร์สีหนุวิลล์–ปอยเปตจึงไม่ใช่แค่ข่าวอาชญากรรม แต่คือกระจกสะท้อนโลกยุคดิจิทัล ที่เส้นแบ่งระหว่างเศรษฐกิจถูกกฎหมายกับอาชญากรรมพร่าเลือน เทคโนโลยีที่ควรเชื่อมผู้คนกลับถูกใช้เป็นเครื่องมือหลอกลวง และเมืองชายแดนที่เคยเป็นสัญลักษณ์ของโอกาส กลับกลายเป็นพื้นที่ทับซ้อนของผลประโยชน์สีเทาระดับโลก...
อ้างอิง:
www.amnesty.org
globalinitiative.net
www.business-humanrights.org
U.S. and U.K. Take Largest Action Ever Targeting Cybercriminal Networks in Southeast Asia


