พลังงานคุมเข้มแท่นขุดเจาะอ่าวไทย สกัดโดรนป่วน ไม่กระทบการผลิต
พลังงานยกระดับความปลอดภัยสูงสุด รับมือโดรน-เรือปริศนารุกล้ำแท่นขุดเจาะ ประสานกองทัพเรือเฝ้าระวัง 24 ชม. ใช้ 5 มาตรการเข้ม ยันไม่กระทบพลังงานชาติ
กระทรวงพลังงาน เกาะติดสถานการณ์ชายแดนและกรณีพบโดรนบินรุกล้ำพื้นที่แท่นขุดเจาะฯ สั่งการยกระดับความปลอดภัยสูงสุด ประสานกองทัพเรือเฝ้าระวัง 24 ชม. พร้อมยืนยันระบบการผลิตและโครงสร้างพื้นฐานยังทำงานปกติ
นายวีรพัฒน์ เกียรติเฟื่องฟู รองปลัดกระทรวงพลังงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงพลังงาน เปิดเผยถึงกรณีตรวจพบอากาศยานไร้คนขับ (โดรน) ไม่ทราบฝ่าย เข้ามาก่อกวนบริเวณแท่นขุดเจาะปิโตรเลียมกลางอ่าวไทย นับตั้งแต่เกิดสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชา เมื่อวันที่ 7 ธันวาคม 2568 ว่า กระทรวงพลังงาน โดยกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ ได้ประสานงานร่วมกับกลุ่มผู้รับสัมปทานอย่างใกล้ชิดเพื่อเพิ่มมาตรการเฝ้าระวังความปลอดภัยขั้นสูงสุด
จากการตรวจสอบช่วงที่ผ่านมา พบเรือและโดรนไม่ระบุสัญชาติรุกล้ำเข้ามาในเขตพื้นที่ผลิตปิโตรเลียมสำคัญหลายแห่ง อาทิ แท่นเอราวัณ, พื้นที่เบญจมาศ, แท่นไพลิน และพื้นที่ปลาทอง กระทรวงพลังงานจึงได้ประชุมด่วนร่วมกับผู้ประกอบการ เพื่อกำหนด 5 มาตรการรับมือสถานการณ์ฉุกเฉิน ดังนี้
1.เพิ่มการเฝ้าระวัง จับตาเรือและโดรนต้องสงสัยที่อาจรุกล้ำพื้นที่อย่างเข้มงวด
2.ผลักดันทันที หากพบเรือรุกล้ำ ให้ดำเนินการขับไล่ทันที หากเกินกำลังให้แจ้งกองทัพเรือและกรมเชื้อเพลิงธรรมชาติ
3.แจ้งเหตุโดรน หากพบโดรนรุกล้ำ ให้แจ้งกองทัพเรือและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทันที
4.งดเดินทางกลางคืน ขอความร่วมมืองดส่งเจ้าหน้าที่ไปยังแท่นหลุมผลิตในช่วงเวลากลางคืนเพื่อความปลอดภัย
5.เตรียมแผนวินาศกรรม จัดทำแผนระงับเหตุฉุกเฉินทางทะเล เพื่อความปลอดภัยสูงสุดของผู้ปฏิบัติงาน
นายวีรพัฒน์ กล่าวเพิ่มเติมว่า "แหล่งปิโตรเลียมคือหัวใจสำคัญของความมั่นคงพลังงาน เราจึงจัดตั้งกลุ่มประสานงานเฝ้าระวังรายวัน และขอความร่วมมือ ปตท. ในการแจ้งเหตุ รวมถึงประสานกรมเจ้าท่าให้เรือทุกลำในอ่าวไทยเปิดสัญญาณเรดาร์และระบบ AIS เพื่อแสดงตัวตน"
"กระทรวงพลังงานขอยืนยันว่า ปัจจุบันยังไม่มีเหตุการณ์ใดส่งผลกระทบต่อการผลิต ทั้งแท่นขุดเจาะ โรงไฟฟ้า และโครงสร้างพื้นฐานยังคงมั่นคง โดยเราได้รับการสนับสนุนการลาดตระเวนจากกองทัพ เพื่อรักษาความปลอดภัยด้านพลังงานของประเทศอย่างเต็มที่"


