posttoday

เริ่มแล้ว !! งาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43”

23 มีนาคม 2566

“ชัชชาติ” ชูนโยบายด้านที่อยู่อาศัย เพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของ ในแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้น กลุ่ม First Jobber และกลุ่มคนวัยทำงาน ด้านผู้จัดงาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43” คาดมียอดขายหลังจบงานแตะ 10,000 ล้านบาท

นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร เปิดเผยภายในงาน“งานมหกรรมบ้านและคอนโดฯ ครั้งที่ 43 ” ซึ่งจัดโดย 3 สมาคมอสังหาริมทรัพย์ ได้แก่ สมาคมอสังหาริมทรัพย์ไทย สมาคมธุรกิจบ้านจัดสรร และสมาคมอาคารชุดไทย ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ว่า ที่อยู่อาศัยเป็นปัจจัยสี่ของทุกคน เป็นจุดเริ่มต้นของสังคมครอบครัว พื้นฐานหลักที่สำคัญของสังคมไทย หากครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ชีวิตของสมาชิกครอบครัวก็จะมั่นคง คุณภาพชีวิตก็จะดีด้วย แต่การจะทำให้ทุกครอบครัวมีที่อยู่อาศัย ต้องมีความร่วมมือกันจากทุกฝ่าย ทั้งภาครัฐ ภาคเอกชน และประชาชน 

เริ่มแล้ว !! งาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43”

ซึ่ง กรุงเทพมหานคร ได้มีการกำหนดนโยบายด้านที่อยู่อาศัยและนโยบายอื่นที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ ที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการเป็นเจ้าของ หรือมีที่อยู่อาศัยให้กับคนกรุงเทพในแต่ละกลุ่ม ไม่ว่าจะเป็นผู้มีรายได้น้อย กลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้น กลุ่ม First Jobber และกลุ่มคนวัยทำงาน โดย นโยบายแรก ซึ่งถือว่าสำคัญที่สุดและสอดคล้องกับความวัตถุประสงค์ของการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโดอย่างยิ่ง นั่นก็คือ กรุงเทพมหานครต้องการเพิ่มโอกาสการมีที่อยู่อาศัยที่มั่นคง และหลากหลายรูปแบบให้กับคนกรุงเทพฯ ผ่านแผนยุทธศาสตร์ที่อยู่อาศัย 

ทั้งนี้ได้ทำการศึกษาถึงความต้องการของคนแต่ละกลุ่ม ว่าต้องการที่อยู่อาศัยรูปแบบไหน และจะประสานขอความร่วมมือจากหน่วยงานกลางที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาที่อยู่อาศัย เช่น สถาบันพัฒนาองค์กรชุมชน การเคหะแห่งชาติ ในการพัฒนาที่อยู่อาศัย และจะทำการติดตามผลให้เป็นไปตามแผนยุทธศาสตร์ที่กำหนดไว้ โดยในส่วนกรุงเทพมหานครเอง ก็จะดำเนินการกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพฯ ตามข้อบัญญัติ กรุงเทพมหานคร เรื่องกองทุนพัฒนาที่อยู่อาศัยกรุงเทพมหานคร พ.ศ. 2541 เพื่อเพิ่มโอกาสพัฒนาที่อยู่อาศัยที่มั่นคงให้กับคนกรุงเทพฯ อีกด้วย

ในขณะเดียวกัน ก็จะให้การสนับสนุนการพัฒนาที่อยู่อาศัยชั่วคราว สำหรับนักเรียนนักศึกษาจบใหม่ หรือกลุ่มคนที่เพิ่งเริ่มต้น และก้าวเข้ามาสู่การเป็น First Jobber เพื่อให้เช่าในราคาต่ำ เป็นระยะเวลา 5 ปี เพื่อให้สามารถตั้งตัวและเก็บเงินก้อนแรกได้ โดยจะใช้พื้นที่สำนักงานกรุงเทพมหานคร ที่กระจายตัวอยู่ในเขตกรุงเทพฯ ชั้นใน หลังจากที่ย้ายพนักงานส่วนใหญ่มาทำงานร่วมกันที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร 2 พร้อมทั้งปรับปรุงอาคารสงเคราะห์ข้าราชการ และลูกจ้างประจำกรุงเทพฯ ให้มีความหนาแน่นมากขึ้น พร้อมกับสิ่งอำนวยความสะดวกและพื้นที่ส่วนกลางคุณภาพ

เริ่มแล้ว !! งาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43”

ขณะเดียวกัน กรุงเทพมหานคร ยังจะจัดทำฐานข้อมูลที่ดินในพื้นที่กรุงเทพฯ ชั้นใน ร่วมกับผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์เอกชน หรือหน่วยงานภาครัฐที่เกี่ยวข้อง เพื่อให้นำอาคารเก่าหรือร้างที่ไม่ได้ใช้ประโยชน์ ไปพัฒนาเป็นที่อยู่อาศัยเพื่อคนวัยเริ่มทำงานได้เช่า โดยที่กรุงเทพมหานครจะออกมาตรการส่งเสริมด้านภาษี

มาตรการส่งเสริมการพัฒนาด้วยการเพิ่มอัตราส่วนพื้นที่อาคารรวมต่อพื้นที่ดิน เพื่อสร้างแรงจูงใจในการพัฒนาที่อยู่อาศัย รวมทั้งจะช่วยประชาสัมพันธ์ ทำการรวบรวมยูนิตที่อยู่อาศัยชั่วคราวในทำเลต่างๆ และช่วยเหลือในการค้นหาและประสานงานการจัดหาที่อยู่อาศัยชั่วคราวให้กับกลุ่มเป้าหมาย 

ส่วนนโยบายสนับสนุนการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ด้านอื่นๆ ก็ประกอบด้วยนโยบายสร้างเมืองใหม่ในพื้นที่ชานเมือง  เพื่อเพิ่มแหล่งงานในย่านที่อยู่อาศัยชานเมือง และเร่งตัดถนนสายย่อยเชื่อมการเดินทางลดการเดินทางเข้ากรุงเทพฯ ชั้นใน พร้อมทั้งเร่งตัดถนนย่อยตามผังเมือง เพิ่มความคล่องตัวของการจราจร และโอกาสในการมีรถเมล์สายรอง

นอกจากนี้ ยังมีนโยบายเพิ่มรถเมล์สายหลักและสายรองราคาถูกตลอดสาย นโยบายสร้างจุดเชื่อมต่อการเดินทาง เพื่อการเปลี่ยนถ่ายการเดินทางที่สะดวกสบายขึ้น นโยบายเพิ่มสถานีชาร์จ และสลับแบตเตอรี เพื่อรองรับผู้ใช้รถไฟฟ้าที่มีจำนวนเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ 

นายพีระพงศ์ จรูญเอก นายกสมาคมอาคารชุดไทย กล่าวว่า อยากให้รัฐบาลชุดใหม่ ปรับลดหลักเกณฑ์เกี่ยวกับการพำนักของชาวต่างชาติที่จะเข้ามาอยู่อาศัยในประเทศไทย จากเดิมที่มีการเสนอในวงเงิน 40 ล้านบาท ให้สิทธิ์การอยู่ถึง 10 ปี นั้น เป็นการกำหนดคุณสมบัติที่สูงเกินไปควรจะปรับมาให้อยู่ในระดับกลางๆ อยู่ที่ 3-5 ล้านบาท จะช่วยประเทศในเรื่องการขายให้มีเพิ่มมากยิ่งขึ้น และให้สิทธิ์การอยู่อาศัย 3-5 ปี เพราะกลุ่มดังกล่าวจะมียอดจับจ่ายใช้สอยที่สูง โดยเฉลี่ยต่อคนอยู่ที่ประมาณ 1 ล้านต่อคนต่อปี เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 50,000-100,000 บาท 

นอกจากนี้มีข้อเสนอในการทบทวนมาตรการผ่อนปรน LTV น่าจะขยายไปจนถึงปลายปี 2567 เนื่องจากองว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจยังมีอยู่ แต่เป็นการฟื้นตัวแบบเปราะบาง ขณะที่ผู้ซื้อเงินในกระเป๋ายังมีน้อยอยู่ ทำให้ความสามารถในการกู้มีอยู่น้อย และการหันมาส่งเสริมเรื่องการมีบ้านหลังแรก โดยอาจมีเงื่อนไข บ้านหลังแรกแบ่งแยกตามประเภท

เช่น คอนโดฯ ไม่เกิน 2 ล้านบาท ทาวน์เฮ้าส์ ไม่เกิน 3-4 ล้าน ให้มีโอกาสได้สิทธิ์โครงการบ้านหลังแรกและกำหนดเงื่อนไขห้ามรีไฟแนนซ์ โดยอัตราส่วนการลดหย่อนประมาณ 10% ของราคาบ้าน ทั้งนี้บ้านหลังแรกจะช่วยกำลังซื้อเข้าระบบได้ 30-40% จะทำให้ความต้องการที่อยู่อาศัยมีมูลค่าไปสูระดับ 6-7 แสนล้านได้ 

เช่น บ้าน 4 ล้านบาท ลดหย่อน 4 แสนบาท ซึ่งอาจจะเป็นการลดหย่อนในทางภาษี ในกลุ่มรายได้ครัวเรือนไม่เกิน 60,000 บาทต่อเดือน รวมถึงการส่งเสริมรายได้ของผู้มีบุตร เช่น การให้เงินสนับสนุนดูแลบุตรก่อนเข้าวัยเรียน 3-4 พันบาท ทำให้สามารถเกิดการแข่งขันในแง่ของประชากร เป็นการสเกลให้กับประเทศ เนื่องจากอัตราการเกิดของคนไทยเริ่มมีลดน้อยลง อย่างไรก็ตามด้วยปัจจุบันราคาที่เพิ่มสูงขึ้น 

“อยากให้รัฐบาลชุดใหม่เร่งขับเคลื่อนโครงการบ้าน บีโอไอ ตามที่ได้มีการเรียกร้อง จากปัจจุบันอยู่ที่ 1.2 ล้านบาท เป็น 1.5 ล้านบาท ซึ่งจะช่วยให้การพัฒนาที่ดินตามแนวรถไฟฟ้าสายรองให้มีศักยภาพมากยิ่งขึ้น อย่างไรก็ตามในเรื่องของบ้าน บีโอไอ ต้องรอรัฐบาลชุดใหม่และต้องรอการคัดสรรกรรมการผู้จัดการ ธอส. คนใหม่ และ บีโอไอ รวมกันในการขับเคลื่อนบ้านบีโอไอให้สำเร็จ” 

เริ่มแล้ว !! งาน “มหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43”

นพ.วิเชียร แพทยานันท์ ประธานคณะกรรมการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 กล่าวว่า “งานมหกรรมบ้านและคอนโด จะมีบูธจากผู้ประกอบการมากกว่า 100 บริษัท รวมโครงการอสังหาฯ มากกว่า 1,000 โครงการ โดยที่สามสมาคมคาดว่าจะมีสัญญาจะซื้อจะขายเกิดขึ้นภายในงานครั้งนี้ ราว 1,500 สัญญา คิดเป็นมูลค่ารวมกว่า 6,000 ล้านบาท

และยังมีแรงกระตุ้นต่อเนื่องให้เกิดการซื้อขายตามมาอีก 3 เดือน เป็นมูลค่ารวมประมาณ 9,000 ล้านบาท หรือ 1.5 เท่า เมื่อเทียบกับยอดภายในงานและหลังงาน จะทำให้ยอดขายในงานมหกรรมบ้านและคอนโดครั้งนี้ รวมกว่า 10,000 ล้านบาท

สำหรับการจัดงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 จะมีขึ้นระหว่าง 23 – 26 มีนาคม 2566 ที่ฮอลล์ 5 ชั้น LG ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ โดยในส่วนของโปรโมชั่นสำหรับผู้จองซื้อที่อยู่อาศัยภายในงานมหกรรมบ้านและคอนโด ครั้งที่ 43 จะได้สิทธิ์ลุ้นรับโทรทัศน์ Panasonic รุ่น TH-65 LX650T เครื่องละ 23,990 บาท และรุ่น TH-55 LX650T เครื่องละ 17,490 บาท รวมมูลค่าของรางวัลเกือบ 3 แสนบาท

ข่าวล่าสุด

เปิดภาพคุมตัว "น.ส.ลัก" สอบเข้ม ปมบังคับลูกสาววัย 12 ค้ากามญี่ปุ่น