posttoday

บีทีเอสชี้แจง การทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย

17 มกราคม 2566

เมื่อวันที่ 17 มกราคม 2566 เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น G อาคารบีทีเอส สำนักงานใหญ่ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) จัดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ “การทำสัญญาจ้างเดินรถ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว”

บีทีเอสชี้แจงข้อเท็จจริง กรณีการทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย

     เมื่อวันที่  17 มกราคม 2566  เวลา 15.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น G อาคารบีทีเอส สำนักงานใหญ่ นายสุรพงษ์ เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือรถไฟฟ้าบีทีเอส  พ.ต.อ.สุชาติ วงศ์อนันต์ชัย ที่ปรึกษาประธานกรรมการ และนายสยาม สีวราภรณ์สกุล ผู้อำนวยการใหญ่สายงานกฎหมาย บริษัท บีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) จัดแถลงข่าวชี้แจงข้อเท็จจริงเกี่ยวกับ “การทำสัญญาจ้างเดินรถ โครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว” 

     ตามที่ บริษัท กรุงเทพธนาคม จำกัด หรือ เคที ได้เผยแพร่ต่อสาธารณชนถึงข้อมูล และประเด็นของคำให้การที่กรุงเทพธนาคม จะยื่นต่อศาลปกครอง เกี่ยวกับคดีที่ 2 ที่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) ฟ้องให้ กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม ชำระค่าจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายสำหรับเดือนมิถุนายน 2564 ถึงเดือนตุลาคม 2565 เป็นจำนวนกว่า 11,000 ล้านบาท  ซึ่งกรุงเทพธนาคมได้กล่าวอ้างว่า สัญญาจ้างเดินรถที่กรุงเทพธนาคม ทำกับรถไฟฟ้าบีทีเอส  “เป็นสัญญาที่ไม่ชอบ” พร้อมทั้งกล่าวอ้างว่า การใช้สิทธิฟ้องคดีของ BTSC “เป็นการใช้สิทธิโดยไม่สุจริต เพราะบีทีเอสทราบดีอยู่แล้วว่าบริษัทฯ ไม่สามารถดำเนินโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ได้ด้วยตนเอง แต่บีทีเอสยังสมัครใจเข้าทำสัญญากับบริษัทฯ (กล่าวคือ กรุงเทพธนาคม) ซึ่งไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้าทำสัญญาได้ แล้วจึงกลับมาฟ้องบริษัท กรุงเทพธนาคมเป็นคดีนี้”  นั้น

     นายสุรพงษ์  เลาหะอัญญา กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ระบบขนส่งมวลชนกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า บริษัทฯ ขอเรียนชี้แจงว่าข้อมูลที่กรุงเทพธนาคม เผยแพร่ต่อสาธารณชน เป็นข้อมูลที่ทำให้บริษัทฯ ได้รับความเสียหาย จากการที่ทำให้ประชาชนเข้าใจคลาดเคลื่อนเกี่ยวกับความชอบด้วยกฎหมาย ของสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ตลอดจนทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่ไม่ดีของบริษัทฯ ต่อสาธารณชน ทำให้ประชาชนเข้าใจว่าบริษัทฯ ไม่สุจริตตั้งแต่ขั้นตอนการเข้าทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย โดยรับทราบอยู่แล้วว่ากรุงเทพธนาคมไม่มีอำนาจตามกฎหมายที่จะเข้าทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายได้ และยังไม่สุจริตมาฟ้องกรุงเทพธนาคมเป็นคดีอีก 

     

     เพื่อเป็นการปกป้องชื่อเสียง  บริษัทฯ ต้องอธิบายให้ประชาชนรับทราบถึงความถูกต้องในการดำเนินการของบริษัทฯ เกี่ยวกับการรับจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ว่า บริษัทฯ ไม่มีสิทธิหรือความเกี่ยวข้องใด ๆ ในกระบวนการอนุมัติและการปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบและ หรือข้อบัญญัติของกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม และเชื่อมั่นมาโดยตลอด ว่ากรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม  (ซึ่งโดยปกติจะมีคณะกรรมการกฤษฎีกา และสำนักงานอัยการเป็นผู้ให้คำปรึกษาทางด้านกฎหมาย) ได้ปฏิบัติตามกฎหมาย ระเบียบ และหรือข้อบัญญัติที่เกี่ยวข้องอย่างครบถ้วน และถูกต้องแล้ว ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้เข้าไปเกี่ยวข้องกับการเข้าทำสัญญาจ้างเดินรถไฟฟ้าทั้งของโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 เฉพาะในขั้นตอนการยื่นข้อเสนอเพื่อรับคัดเลือกเป็นผู้รับจ้าง และการเจรจาสัญญาว่าจ้างเท่านั้น ซึ่งตลอดระยะเวลาการดำเนินการในขั้นตอนดังกล่าว บริษัทฯ ได้ปฏิบัติถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง และกฎเกณฑ์การคัดเลือกผู้รับจ้างอย่างถูกต้องครบถ้วน ดังนั้น การเข้าทำสัญญาจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยาย ของบริษัทฯ จึงเป็นไปโดยสุจริต และถูกต้องตามกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว ซึ่งมีผลทำให้สัญญามีความชอบด้วยกฎหมาย และผูกพันคู่สัญญาทั้งสองฝ่ายตั้งแต่ปี 2555  และคู่สัญญาได้ถือปฏิบัติตามสัญญาดังกล่าวมาโดยตลอด 

     นายสุรพงษ์ กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ขอเรียนเพิ่มเติมอีกว่า ตลอดระยะเวลาเกือบ 4 ปีที่กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม ค้างชำระค่าจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายต่อบริษัทฯ นั้น บริษัทฯ ได้พยายามอย่างดีที่สุดที่จะทำให้ประชาชนไม่ได้รับผลกระทบจากปัญหาการค้างชำระค่าจ้างดังกล่าว โดยบริษัทฯ ต้องอาศัยเงินทุนและการเงินกู้ยืมของบริษัทฯ มาดำเนินการ และชำระค่าใช้จ่ายในการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้แก่ประชาชน และ ซึ่งเมื่อมีการเปลี่ยนแปลงผู้บริหารของกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม ตั้งแต่ช่วงกลางปีที่แล้ว บริษัทฯ ก็หวังว่าจะได้รับความช่วยเหลือจากภาครัฐในการชำระเงินค่าจ้างเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้ถูกต้อง เพื่อให้บริษัทฯ สามารถให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายแก่ประชาชนได้อย่างต่อเนื่อง แต่กลับกลายเป็นว่าแม้ศาลปกครองกลางได้พิพากษาให้กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคมชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้แก่บริษัทฯ ตามคำพิพากษาศาลปกครองกลางคดีหมายเลขแดงที่ 1926/2565 บริษัทฯ ก็ยังไม่ได้รับชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายครบถ้วน และยังคงปล่อยให้บริษัทฯ ซึ่งเป็นเอกชนเป็นผู้แบกรับภาระการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายทั้งหมดให้แก่ประชาชน

     นายสุรพงษ์ กล่าวต่ออีกว่า ทั้งนี้ เมื่อพิจารณาถึงข้อมูล และประเด็นทั้งหมดที่กรุงเทพธนาคมจะให้การต่อศาลปกครองของตามที่เผยแพร่ต่อสาธารณชนแล้ว จะเห็นได้ว่ากรุงเทพธนาคมได้ชี้แจงว่าได้มีการตรวจสอบเชิงลึกแล้ว และมีความเห็นว่าสัญญาจ้างเดินรถส่วนต่อขยายที่ 1 และที่ 2 ไม่ชอบด้วยกฎหมายและบริษัทฯ ใช้สิทธิไม่สุจริตในการฟ้องคดี 

     บริษัทฯ จึงขอตั้งข้อสังเกตต่อความเห็นของกรุงเทพธนาคมดังกล่าวว่า หากกรุงเทพธนาคมได้ตรวจสอบ และเชื่อโดยสุจริตตามความเห็นดังกล่าว เหตุใดกรุงเทพธนาคมยังคงยอมรับ และปฏิบัติตามสัญญาที่เกี่ยวข้องกับการเดินรถโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้ ทั้งในส่วนของสัญญาระหว่างกรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคม และสัญญาระหว่างกรุงเทพธนาคม และบริษัทฯ โดยเฉพาะในส่วนของสัญญาระหว่างกรุงเทพธนาคมและบริษัทฯ ซึ่งขณะนี้บริษัทฯ ยังคงต้องให้บริการเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายตามสัญญาจ้างเดินรถต่อไป แต่กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคมกลับยังไม่ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายและเลือกแต่จะกล่าวอ้างตามความเห็นดังกล่าว 

     ดังนั้นการอ้างความเห็นว่ายังไม่ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถให้แก่บริษัทฯ เพราะเห็นว่าสัญญาจ้างเดินรถ ไม่ชอบด้วยกฎหมาย ความเห็นดังกล่าวก็ไม่สอดคล้องกับหลักกฎหมายที่ศาลปกครองสูงสุดในคดีหมายเลขแดง ที่ 356/2565 ได้เคยวางหลักไว้ว่า ตราบใดที่ศาลยังไม่มีคำพิพากษาถึงที่สุดให้สัญญาเป็นโมฆะ ก็ไม่อาจรับฟังได้ว่าสัญญาเป็นโมฆะ และคู่สัญญาฝ่ายรัฐต้องชำระหนี้ตามสัญญาให้กับคู่สัญญาฝ่ายเอกชน เพื่อเป็นการตอบแทนที่คู่สัญญาฝ่ายเอกชนได้ปฏิบัติถูกต้องตามสัญญาแล้ว ดังนั้น การที่กรุงเทพมหานครและกรุงเทพธนาคมยังคงไม่ชำระหนี้ค่าจ้างเดินรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายนี้โดยกล่าวอ้างตามความเห็นข้างต้น จะยิ่งสร้างความเสียหายมากขึ้นให้แก่กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคมจากดอกเบี้ยที่เพิ่มขึ้นในแต่ละวัน 

     จากที่กล่าวมาทั้งหมด บริษัทฯ หวังเป็นอย่างยิ่งที่กรุงเทพมหานคร และกรุงเทพธนาคมจะให้ความอนุเคราะห์ในการแก้ไขปัญหาโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้กับประชาชนอย่างจริงใจ โดยเร็ว  และไม่ปล่อยให้เอกชนเป็นผู้รับภาระการเดินรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายให้แก่ประชาชน โดยลำพังอีกต่อไป ในขณะเดียวกัน บริษัทฯ ขอเรียนผู้โดยสารทุกท่านว่า บริษัทฯ จะยังคงใช้ความพยายามอย่างดีที่สุดในการให้บริการเดินรถไฟฟ้าโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายต่อไป บริษัทฯ จึงขอเรียนชี้แจงข้อเท็จจริง และสถานการณ์ปัจจุบันเพื่อให้ทุกท่านเข้าใจ และรับทราบข้อมูลนี้