Next to know - เมื่อยาพิษสุราเรื้องรัง สามารถใช้รักษาจอประสาทตาเสื่อมได้
จอประสาทตาเสื่อมถือเป็นหนึ่งในอาการที่สร้างผลกระทบแก่ผู้ป่วยเป็นจำนวนมาก ผู้ป่วยบางกลุ่มไม่ต้องรออายุมากก็เกิดอาการเหล่านี้ขึ้นได้เอง ก่อให้เกิดผลกระทบแก่การใช้ชีวิต แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไป เมื่อมีการค้นพบว่ายาพิษสุราเรื้อรังสามารถใช้รักษาโรคนี้ได้
การแพทย์รวมถึงเวชศาสตร์ถูกพัฒนาให้ก้าวหน้าอยู่ทุกวัน เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของคนเรา ท่ามกลางการพัฒนาที่เกิดขึ้นย่อมปะปนไปด้วยความสำเร็จและล้มเหลวยากจะคาดเดาผลลัพธ์ได้แน่นอน เป็นเหตุให้นักวิจัยมากมายทุ่มเททำการทดลอง ขวนขวายพิสูจน์ว่าสมมติฐานตัวเอง ซึ่งบางครั้งมันไม่ได้ตรงตามที่คิดเสมอไป
แต่บางครั้งความผิดพลาดคลาดเคลื่อนจากที่ตั้งใจกลับเกิดประโยชน์ขึ้นอย่างคาดไม่ถึง หลายครั้งทฤษฎีหรือสมมติฐานที่ตั้งไว้คลาดเคลื่อนนำไปสู่การค้นพบครั้งใหญ่ แม้ผิดจากความตั้งใจแรกเริ่มแต่สิ่งที่ค้นพบอาจกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่กว่าจนพลิกโฉมโลกทั้งใบแทน
และนี่อาจเป็นหนึ่งในนั้นเมื่อการค้นพบล่าสุดบอกว่า ยารักษาพิษสุราเรื้อรังสามารถทุเลาโรคจอประสาทตาเสื่อมจากพันธุกรรมได้
ปัญหาสายตาที่มีมาแต่กำเกิด Retinitis Pigmentosa
โรค Retinitis Pigmentosa (RP) นั้นคือโรคจอประสาทตาเสื่อมที่ไม่ได้มีอาการอักเสบหรือบาดแผลภายนอกแต่เกิดขึ้นเองจากพันธุกรรม โดยผู้ป่วยจะเริ่มมีอาการเสื่อมของจอประสาทตาเริ่มจากส่วนริมจอประสาทตา ทำให้เกิดสภาวะตามัวในตอนกลางคืน และจะเริ่มทำให้จอประสาทตาเสื่อมถอยลงเรื่อยๆ นำไปสู่อาการตาบอดในที่สุด
อาการนี้มีส่วนสำคัญคือกรดเรติโนอิกซึ่งจะเกิดขึ้นเมื่อจอประสาทตาเริ่มมีอาการเสื่อม เป็นสารเคมีที่เกิดขึ้นเมื่อเซลล์ประสาทตาเสื่อมสลายและตายลง ทำให้จอประสาทตาไม่สามารถรับภาพประมวลผลข้อมูลแสงได้ถนัด นำไปสู่อาการมองเห็นภาพไม่ชัดหรือจับโฟกัสไม่ได้ เป็นอีกสาเหตุทำให้เกิดอาการจอประสาทตาเสื่อมตามมา
ด้วยความที่นี่เป็นโรคทางพันธุกรรมเกี่ยวข้องกับยีนส์โดยตรงการรักษาจึงทำได้ไม่ง่ายนัก แนวทางในการรักษาจึงจำเป็นต้องใช้การบำบัดด้วยยีนส์แต่ก็ให้ผลไม่มาก จนถึงการใช้สเต็มเซลล์แต่ทั้งหมดล้วนอยู่ในขั้นทดลอง ยังไม่มีการยืนยันว่าการวิจัยเหล่านั้นจะสามารถช่วยผู้ป่วยกลุ่มนี้ได้แค่ไหน
ย่อมไม่ต้องพูดถึงเรื่องค่าใช้จ่าย เราต่างทราบดีว่ายิ่งขั้นตอนการรักษาเพิ่มความซับซ้อนค่าใช้จ่ายยิ่งมาก มีโอกาสสูงที่แม้วิธีการรักษาถูกสร้างขึ้นมาสำเร็จ ก็อาจมีผู้ป่วยมากมายเข้าไม่ถึงจากปัญหาด้านการเงิน ดังนั้นหนทางการรักษาโรค RP ให้แก่ผู้ป่วยในปัจจุบันจึงอาจเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ยาก
ซึ่งทั้งหมดกำลังจะเปลี่ยนไปภายหลังการค้นพบครั้งใหม่ของนักวิจัย ที่หากประสบความสำเร็จอาจทำให้การรักษาโรคจอประสาทตาเสื่อมพลิกโฉมไปอีกขั้นทีเดียว
จากยารักษาโรคพิษสุราเรื้อรัง สู่การฟื้นฟูจอประสาทตา
การค้นพบครั้งนี้เกิดขึ้นจากน้ำมือของนักวิจัยแห่ง มหาลัยแคลิฟอร์เนีย พวกเขาพบว่ายาที่ใช้ในการรักษาโรคพิษสุราเรื้อรังอย่าง Disulfiram สามารถใช้ในการฟื้นฟูการมองเห็นจากโรค Retinitis Pigmentosa(RP) และยังอาจสามารถใช้ในการฟื้นฟูการเสื่อมสภาพของจอประสาทตาจากโรคชนิดอื่นได้ด้วย
เรื่องนี้เกิดขึ้นจากความบังเอิญภายในห้องทดลอง เมื่อมีหนูที่ได้รับการจ่ายยา Disulfiram ที่เป็นโรค RP แต่กำเนิด นักวิยพบว่าจอประสาทตาของหนูเริ่มฟื้นฟูกลับมา สามารถเริ่มกลับมาตรวจจับและตอบสนองต่อสิ่งเร้าผ่านการมองเห็นได้อีกครั้ง นับเป็นผลลัพธ์ค่อนข้างน่าทึ่งที่ได้มาจากการวิจัย
สาเหตุของเรื่องนี้มาจากยา Disulfiram ตัวยาจะออกฤทธิ์ยับยั้งเอนไซน์ภายในร่างกายที่ใช้ย่อยสลายแอลกอฮอล์ ทำให้เกิดการคั่งของแอลกอฮอล์ในเลือด นำไปสู่อาการความดันต่ำ หัวใจเต้นเร็ว วิงเวียน ใจสั่น และเป็นลม ได้รับความนิยมมากในหมู่ผู้ติดสุราเรื้อรังเพื่อใช้ในการเลิกเหล้า
แต่ผลลัพธ์ที่คาดไม่ถึงคือนอกจากลดเอนไซน์ย่อยสลายแอลกอฮอล์ มันยังไปยับยั้งเอนไซน์ในการสร้างกรดเรติโนอิกอีกด้วย ภายในห้องทดลองหนูที่ได้รับยามีปริมาณกรดเรติโนอิกลดลง จนสามารถทำให้หนูที่เกือบตาบอดกลับมาตรวจจับภาพ และตอบสนองสิ่งเร้าจากการมองเห็นได้มากขึ้น
แน่นอนที่ผ่านมาเรารู้มาตลอดว่ากรดเรติโนอิกมีส่วนทำให้เกิดการเสื่อมของจอประสาทตาทั้งหลาย แต่การวิจัยส่วนนี้ยังไม่แพร่หลายในมนุษย์เพราะมีความเสี่ยงมากเกิน ข้อมูลเกี่ยวกับจอประสาทตาของเราไม่เพียงพอ จึงไม่สามารถนำข้อมูลมาใช้ประโยชน์ได้เต็มที่
แต่ทุกอย่างกำลังจะเปลี่ยนไปจากการค้นพบครั้งนี้ ทั้งสำหรับผู้ป่วยหรือวงการแพทย์เองก็ตาม
สู่การรักษารูปแบบใหม่ที่อาจเปลี่ยนแปลงการรักษาจอประสาทตาโดยสิ้นเชิง
จากการทดลองกับหนูอาการโรค RP ดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด หนูที่ได้รับยาสามารถตรวจจับภาพได้ดีขึ้นมาก ถือเป็นพัฒนาการในการรักษาจอประสาทตาเสื่อม แม้ยังอยู่ในห้องทดลองแต่เริ่มมีการขยายขอบเขตไปใช้ในกลุ่มคนไข้จอประสาทตาเสื่อมกลุ่มเล็กๆ คาดว่าจะได้ผลลัพธ์เพิ่มเติมออกมาในไม่ช้า
ความพิเศษในการค้นพบครั้งนี้คือ กรดเรติโนอิกไม่ได้มีแค่ในผู้ป่วยโรค RP อย่างเดียว อาการจอประสาทตาเสื่อมชนิดอื่นก็สามารถพบได้ทั่วไป นำไปสู่ข้อสันนิฐานใหม่ว่ายาชนิดนี้อาจได้ผลกับอาการจอประสาทตาเสื่อมอื่นๆ นั่นอาจหมายถึงหนทางใหม่ในการรักษาจอประสาทตาเสื่อมเพิ่มเติมในอนาคต
มากกว่านั้นคือยาชนิดดังกล่าวถือเป็นยาที่มีความปลอดภัย ผ่านการรับรองขอองค์กรอาหารและยารวมถึงองค์กรเภสัชศาสตร์หลายประเทศรวมถึงไทยอยู่ก่อน แม้จุดประสงค์การใช้งานเปลี่ยนไปแต่ทำให้การขออนุมัติเป็นไปได้ง่ายขึ้น เนื่องจากผ่านการรับรองความปลอดภัยมาแล้ว
ปัญหาของ Disulfiram คือผลข้างเคียงของยาไม่เป็นมิตรต่อผู้ป่วยในกลุ่มเสี่ยง เช่น โรคหัวใจ รวมถึงอาจทำให้เกิดอาการอ่อนเพลีย, ง่วงซึม, ปวดศีรษะ, ปวดกล้ามเนื้อ จึงอาจเป็นยาที่ไม่เหมาะสำหรับทุกคน รวมถึงไม่สามารถดื่มเหล้าตามทันทีหลังรับยาได้ แต่ปัจจุบันกำลังอยู่ในขั้นตอนปรับปรุงในการลดข้างเคียงดังกล่าวลง ซึ่งช่วยเพิ่มประสิทธิภาพให้กับยาด้วย
ข้อเสียอีกอย่างคือการรักษาโดยให้ยาแบบนี้ไม่สามารถช่วยได้ถาวร คนไข้อาจจำเป็นต้องรับยาต่อเนื่องเพื่อลดปริมาณกรดเรติโนอิกไปตลอดเพื่อบรรเทาอาการ แต่อย่างน้อยก็เป็นทางเลือกใหม่สำหรับผู้ป่วยจอประสาทตาเสื่อมในการกลับไปใช้ชีวิตตามปกติอีกครั้ง
แน่นอนทั้งหมดที่ว่าล้วนยังอยู่ในขั้นการทดลอง แม้นักวิจัยจะทราบว่ายาดังกล่าวมีผลในการลดการเสื่อมของจอประสาทตา แต่จำเป็นต้องผ่านการปรับปรุงอีกหลายขั้นตอน รวมถึงต้องระวังผลข้างเคียงของ Disulfiram เอง ที่อาจทำให้เกิดอาการปวดศีรษะ, คลื่นไส้ และปวดกล้ามเนื้อ ไม่เหมาะสำหรับผู้ป่วยโรคหัวใจก็ตาม
อย่างน้อยนี่ก็เป็นแสงแห่งความหวังที่อาจจะช่วยให้คนมากมายกลับมามองเห็นได้อีกครั้งในอนาคต
ที่มา
https://interestingengineering.com/antabuse-drug-alcoholism-retinal-degeneration
https://www.rama.mahidol.ac.th/ramamental/sites/default/files/public/pdf/Alcohol%20prevention.PDF


