‘เนชั่น กรุ๊ป’ เตรียมรับมือเลือกตั้ง 69 ใต้แนวคิดจุดเปลี่ยนประเทศไทย
ฉาย บุนนาค ควงผู้บริหารเนชั่นกรุ๊ป และองค์กรสมาชิก แถลงข่าวโครงการ Nation Election 2569 “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” เตรียมรับมือเลือกตั้ง ปี 69 หวังจุดประกายเลือกตั้งโปร่งใส ตรวจสอบได้
KEY
POINTS
- เนชั่น กรุ๊ป ผนึกกำลังพันธมิตรเปิดตัวยุทธศาสตร์ "Nation Election 2569 จุดเปลี่ยนประเทศไทย" เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการเลือกตั้งครั้งสำคัญในปี 2569
- มีเป้าหมายหลักเพื่อรณรงค์ให้เกิด "Clean Election" หรือการเมืองที่โปร่งใส สุจริต รับผิดชอบ และสามารถตรวจสอบได้
- เตรียมจัดกิจกรรมหลากหลายรูปแบบ เช่น เวทีสัญจรทั่วประเทศ และรายการพิเศษ เพื่อให้ข้อมูลข่าวสารและเป็นเวทีให้พรรคการเมืองพบปะประชาชน
“เนชั่น กรุ๊ป” แถลงข่าว Nation Election 2569 “จุดเปลี่ยนประเทศไทย” โดยเป็นการผนึกกำลังภาคีพันธมิตร กางยุทธศาสตร์รับศึกเลือกตั้งครั้งสำคัญ เพื่อสร้างจุดเปลี่ยนประเทศไทย ปักหมุด Clean Election "การเมืองโปร่งใส รับผิดชอบ ตรวจสอบได้" นำโดยคณะผู้บริหาร “เนชั่น กรุ๊ป” ฉาย บุนนาค ประธานกรรมการบริหาร และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร เนชั่น กรุ๊ป พร้อมด้วยนายสมชาย มีเสน รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป นายบากบั่น บุญเลิศ รองประธานกรรมการบริหาร เนชั่น กรุ๊ป นายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร บรรณาธิการอำนวยการ เนชั่น กรุ๊ป
ฉาย บุนนาค กล่าวว่า ปี 2569 เป็นปีแห่งการเลือกตั้ง เริ่มตั้งแต่การเลือกตั้งใหญ่ คาดว่าในเดือน ก.พ. 2569 การเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. และตามมาด้วยการเลือกตั้งนายกฯเมืองพัทยา และ อบต.ต่าง ๆ การเลือกตั้งถือเป็นหัวใจ และสัญลักษณ์สำคัญของระบอบประชาธิปไตย เป็นกระบวนการให้ประชาชนไปใช้สิทธิของตนเอง กำหนดทิศทางประเทศ
ฉาย กล่าวว่า เครือเนชั่น กรุ๊ป อยู่เคียงข้างสังคมไทยมา 55 ปี ทำหน้าที่ อยู่เคียงข้างพี่น้องประชาชนทุกเหตุการณ์สำคัญของบ้านเมือง การเลือกตั้งเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่สำคัญมาก ยิ่งสถานการณ์ปัจจุบันที่มีปัญหามากมายในประเทศ ทั้งปัญหาเศรษฐกิจที่ติดหล่มอยู่นาน ทั้งเรื่องการพัฒนา เรื่องของตัวเลข GDP ปัญหาความขัดแย้งที่ชายแดน ยังไม่รวมสงครามการค้าต่าง ๆ ปัญหาทั้งหมด เริ่มจากพรรคการเมือง ปัญหาทางการเมืองที่อ่อนแอ เพราะ 2 ปีที่ผ่านมา เปลี่ยนนายกฯไป 3 คน จนเหมือนกับนายกฯเป็นวัสดุสิ้นเปลือง
“เราอยากรณรงค์ร่วมกันให้การเมืองรอบนี้ เป็นการเลือกตั้งที่สุจริต โปร่งใส สะอาด ตามคอนเซปต์ที่พวกเราวางไว้คือ “Clean Election” เพราะการเลือกตั้งครั้งนี้อาจเป็นจุดเปลี่ยนประเทศไทย เราหวังว่าจะเป็นจุดเปลี่ยนในทางที่ดีขึ้น”
ฉาย กล่าวทิ้งท้ายว่า ร่วมกันรณรงค์ ขอให้โปร่งใสที่สุด อย่างน้อยออกมาร่วมกันลงคะแนน แสดงเจตจำนงเข้าคูหา ในเดือน ก.พ. เราอาจเป็นแค่ 1 เสียง 1 สิทธิ แต่คิดว่าก็เพียงพอที่จะร่วมกันแสดงสิทธิและเสรีภาพในการเลือกตั้งอนาคตของพวกเรา สร้างการเมืองโปร่งใสไปด้วยกัน
ขณะที่นายสมชาย มีเสน กล่าวว่า หน้าที่สื่อไม่ว่าที่เมืองไทย หรือต่างประเทศ เวลาเลือกตั้งเราทำ 3 เรื่อง
1.นำข้อเท็จจริง รายงานเหตุการณ์ โดยสื่อต้องไม่มี Bias แม้ว่าจะชอบพรรคไหน ไม่ชอบพรรคไหน แต่เวลาออกในสื่อ ต้องถูกต้อง
2.สื่อต้องตรวจสอบการเลือกตั้ง เราอยากทำ Clean Election การเลือกตั้งบริสุทธิ์ ยุติธรรม ตนฟันธงว่าไม่มี ไม่ว่ามันจะโปร่งใสหรือไม่ แต่เราในฐานะสื่อจะไม่ย่อท้อในการทำเรื่องตรวจสอบ เปิดเผยความจริง
3. สื่อต้องวิเคราะห์ว่าใครจะมาเป็นคนจัดตั้งรัฐบาล นำพาประเทศต่อไป ทำอะไรผิดจากสัญญาประชาคม และเราต้องส่งเสริมให้ประชาชนออกไปใช้สิทธิให้เยอะ ๆ ประชาชนมีสิทธิเลือกตั้งราว 50 ล้านคน ทุก ๆ ครั้งมาราว 42 ล้านเสียง ถ้าคนมาเพิ่มอีก 4-5 ล้านคน จะทำให้การคำนวณซื้อเสียงผิดพลาด หน้าที่เราคือการทำเรื่องเหล่านี้
ส่วนนายวีระศักดิ์ พงศ์อักษร กล่าวว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ไม่ใช่การเลือกตั้งแบบปกติ แต่เป็นการกำหนดชะตากรรมของประเทศ เพราะเห็นด้วยอย่างยิ่งว่าการเลือกตั้งครั้งนี้จะมีการโกงอย่างมโหฬาร ทั้งใช้เงิน ใช้กลไกรัฐ ใช้องค์กรอิสระ เป็นภารกิจหลักขององค์กรต่อต้านคอร์รัปชัน และภาคีเอกชนต่าง ๆ ครั้งนี้ตนว่า ถ้าต้องการทำประชามติ 60 วันพร้อมกับวันเลือกตั้ง กำหนดวันจันทร์-อังคาร ก็ได้ เพราะกำหนด 8 ก.พ.ไม่ทัน ต้องเลื่อนไปอีก 2 วันให้ครบ 60 วัน ดังนั้นการเลือกตั้งวันธรรมดา โอกาสคนใช้สิทธิจะน้อยลง จาก 40-50 ล้านคน อาจเหลือ 35 ล้านคน พอคนน้อย กำหนดตัวแปรคะแนนได้หมด
“การเลือกตั้งครั้งนี้ เป็นที่มาของจุดเปลี่ยน หลายคนบอกว่าตั้งแคมเปญจุดเปลี่ยน จะเปลี่ยนจริงหรือไม่ แม้จะเป็น 0.01% ทุกคนต้องมีความหวัง เพราะคนเราถ้าไม่มีความหวัง ไม่มีความฝัน ฆ่าตัวตายหมดแล้ว ถึงแม้จะเป็น 0.01% เราหวังว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ จะกำหนดชะตากรรมประเทศ เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญ”
นายวีระศักดิ์ กล่าวด้วยว่า ปัจจัยข้างใน สะท้อนว่าการเลือกตั้งครั้งนี้ คือการช่วงชิงของขั้วอำนาจ 2-3 ขั้วที่รุนแรงมาก ๆ แพ้กันไม่ได้ แพ้ครั้งนี้คือถูกไล่จนกระดานเลย เราเห็นว่าคนพ่ายแพ้ก่อนหน้านี้ติดคุก คือ Elite หรือชนชั้นนำในประเทศเล่นกันหนักมากครั้งนี้ เมื่อก่อนชนชั้นนำเวลาเขาทะเลาะกันหนัก ๆ เขาอาจประนีประนอม แล้วมาจูบปากกัน ส่วนคนเสียหายที่สุดคือประชาชน
นายบากบั่น บุญเลิศ กล่าวว่า เจตนารมณ์สำคัญที่สุดของ เนชั่น กรุ๊ป มีสื่ออยู่ร่วม 10 สื่อในการทำหน้าที่ เรามองเห็นอยู่เรื่องหนึ่ง ระบอบประชาธิปไตยผ่านการเลือกตั้ง น่าจะเป็นระบอบที่เลวร้ายน้อยที่สุด และเมื่อถึงห้วงเวลาของประชาชนที่เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตยออกไปใช้สิทธิ เพื่อให้ตัวแทนออกไปทำหน้าที่ เราเห็นภาพเรื่องหนึ่งว่าการเลือกตั้งแต่ละคราว นำพาประเทศไปด้วยความหวัง แต่เมื่อพ้นการเลือกตั้ง ความหวังเหล่านั้นจะไม่อยู่ในมือของประชาชนผู้เป็นเจ้าของอำนาจอธิปไตย แต่เป็นอำนาจของตัวแทน
สื่อในนามเนชั่นทั้งเครือ เราตกลงกันว่าเราจะเป็นผู้จุดไฟ นำไปสู่การเปลี่ยนแปลงของประเทศ ภายใต้คอนเซปต์นี้ เราจะรณรงค์ร่วมกัน ให้ข้อมูลข่าวสาร ให้องค์ความรู้ ให้แนวคิด ว่าด้วยเรื่องของการเลือกตั้งที่สะอาด หวังว่าบรรดานักเลือกตั้ง ประชาชนไปเลือกตั้ง บรรดาพรรคการเมือง จะมองเห็นบริบทเหล่านี้ ต้องการเห็นการเมืองโปร่งใส ต้องการเห็นผู้ที่ดำรงตำแหน่ง อาสาทำงานการเมือง มีความรับผิดชอบ ต้องการเห็นกลไกของรัฐบาล ต้องการเห็นกลไกของพรรคการเมือง เปิดทางให้สังคม ตรวจสอบได้ ความคาดหวังเหล่านี้ จะเป็นความคาดหวังในอากาศ ถ้าเราไม่ร่วมมือทำ
“ถ้าทุก ๆ องค์กรมารวมพลังกัน ทำให้การเมืองที่ประชาชนเห็นมาร่วม 90 กว่าปี ให้เป็นการเมืองที่กินได้ ไม่ใช่การเมืองอยู่ในอำนาจตัวแทน แล้วไปถกเถียงแย่งชิงอำนาจกัน แล้วอ้างประชาชนเป็นตัวประกัน เจตนารมณ์และความคาดหวังของกลุ่มเนชั่น จะไม่เป็นมักผลถ้าพันธมิตรทุกท่าน และประชาชนทุกท่าน ที่ติดตามข้อมูลข่าวสารผ่านเครือเนชั่น ไม่มารวมพลังกับพวกเรา เพื่อสังคมที่ดีกว่า”
เนชั่นจะไม่เพียงรณรงค์อย่างเดียว เราจะมีเวทีสัญจรเพื่อนำพาพรรคการเมือง นำพาผู้ที่อาสาสมัคร จะมาลงเป็นผู้แทน ไปพบปะประชาชน เรามีภาคเหนือ กลาง อีสาน ใต้ ตะวันออก และมีเวทีใหญ่เวทีสุดท้ายที่ กทม. เราคิดว่าการนำพรรคการเมืองไปเจอผู้ที่โหวต จะทำให้เขามองเห็นภาพ แม้ซักเสี้ยว แต่ทำให้ภาพเหล่านั้นกระจ่างในตัวเขา เมื่อเขาเข้าคูหาไปมอบอำนาจให้ตัวแทนทำหน้าที่
นายบากบั่น กล่าวด้วยว่า รูปแบบรายการเราจะปรับเพื่อตอบรับกับการเลือกตั้ง ไม่เพียงเปิดทางให้ผู้เลือกตั้งมาแสดงวิสัยทัศน์ เราต้องการเห็นสังคม องค์กรต่าง ๆ มาร่วมกันปลุก ร่วมกันขับเคลื่อนแนวคิดผ่านสื่อของเรา ซึ่งเนชั่นทีวีเป็นกลไกหลัก สื่อต่าง ๆ ขับเคลื่อนด้วยกัน เรายังเปิดเวทีที่นี่ เราคิดว่าควรมีสภากาแฟ เป็น Nation Election จุดเปลี่ยนประเทศไทย Special ทุกวันศุกร์ เราจะมาคุยกันที่นี่ เปิดทางให้ประชาชนได้เข้าถึงข้อมูลข่าวสาร และให้ประชาชนได้ตัดสินใจ


