"ธรรมนัส" โต้ถูกโยงโควตาหวย ชี้ “5 เสือกองสลากฯ”ถูกล้มยุค คสช.
รองนายกฯ ธรรมนัส ยันไม่เกี่ยวโควตาสลากฯ เผย “5 เสือกองสลากฯ” ถูกล้มตั้งแต่ยุค คสช. ด้านอนุทินสั่งสอบเข้ม อผศ. หลังฝ่ายค้านจี้ตรวจเส้นทางหวยทหารผ่านศึก
KEY
POINTS
- ธรรมนัส ปฏิเสธพัวพันโควตาสลากฯ ย้ำ “5 เสือกองสลากฯ” ถูกล้มตั้งแต่ปี 2557
- อนุทิน-ณัฐพล สั่งตรวจสอบ องค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก หลังถูกกล่าวหาว่าโควตาหวยรั่ว
- สส.พรรคประชาชน แฉโควตาหวยทหารผ่านศึกกว่า 1 ล้านใบ กลายเป็นเหมืองทองของกลุ่มทุนเทา
“อวสาน 5 เสือกองสลากฯ” ธรรมนัสโต้โยงขบวนการหวย
ที่ทำเนียบรัฐบาล ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ปฏิเสธเสียงวิจารณ์กรณีถูกโยงกับขบวนการจัดสรร“โควตาสลากกินแบ่งรัฐบาล” โดยยืนยันชัดว่า “5 เสือกองสลากฯ” ซึ่งเคยมีอิทธิพลในอดีต“ถูกทำลายหมดแล้วตั้งแต่ยุค คสช. เมื่อปี 2557”
ร.อ.ธรรมนัสย้ำว่าปัจจุบันไม่มีระบบ “เสือนั่งร้าน” เหมือนอดีตอีกต่อไป หลังคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) เข้าควบคุมกลไกทั้งหมด จึงไม่รู้เรื่องการจัดสรรโควตาในปัจจุบัน พร้อมปฏิเสธข่าวลือว่าเกี่ยวพันกับเครือข่ายใด
นายกฯอนุทินยันต้องจัดการตามกฎหมาย
ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ระบุว่า ทุกเรื่องที่เกี่ยวข้องกับสลากฯ เป็น “เรื่องเซนซิทีฟ” ทั้งสิ้น แต่ต้องอยู่ภายใต้กฎหมาย พร้อมเน้นว่า “ทำผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่ว่าใครก็ตาม” โดยมอบหมายให้นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกฯ และรมว.คลัง ชี้แจงรายละเอียดในภายหลัง
กลาโหมตั้งรมช.ดูปม อผศ.
ส่วนพล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ยอมรับว่ายังไม่ทราบรายละเอียดกรณี โควตาหวยขององค์การสงเคราะห์ทหารผ่านศึก (อผศ.) ที่ถูกตั้งข้อสงสัยว่าถูกโอนไปอยู่ในมือกลุ่มทุน พร้อมมอบหมายให้พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม เข้าไปตรวจสอบโดยตรง พร้อมยืนยันว่า “ไม่มีใครอยู่เหนือกติกาได้”
ฝ่ายค้านจี้เปิดโปง “เหมืองทองโควตาทหารผ่านศึก”
ขณะที่นายธนเดช เพ็งสุข ส.ส.กทม. พรรคประชาชน โพสต์เฟซบุ๊กเปิดข้อมูลว่า โควตาหวยในสังกัดอผศ.มีมากกว่า “1,000,000 ใบต่อหนึ่งงวด” แต่กลับตกอยู่ในมือของกลุ่มทุนเทา ไม่ถึงมือทหารผ่านศึกตัวจริง
นายธนเดช ระบุว่า “สำนักงานจัดจำหน่ายสลากกินแบ่งและบุหรี่” ภายใต้ อผศ. ได้กลายเป็น“ยี่ปั๊วยักษ์ใหญ่”ที่ทุกคนในวงการรู้ดีว่าใครคือผู้ถือสิทธิตัวจริง พร้อมตั้งคำถามว่า “โควตานี้หลุดไปอยู่ในมือใคร” และ “มีอำนาจหรือเครือข่ายทางการเมืองอยู่เบื้องหลังหรือไม่”


