ศาลสั่งจำคุก "ลูกเกด ชลธิชา" สส.ปชน. 4 ปี คดี ม.112 ไม่รอลงอาญา
ศาลอาญาพิพากษาสั่งจำคุก "ลูกเกด" ชลธิชา แจ้งเร็ว สส.ปทุมธานี พรรคประชาชน เป็นเวลา 4 ปี คดี ม.112 ไม่รอลงอาญา จากกรณีโพสต์เฟซบุ๊ก #ราษฎรสาส์น
วันที่ 8 กันยายน ที่ศาลอาญา ถนนรัชดาภิเษก ศาลได้มีคำพิพากษาในคดีหมายเลขดำ อ.595/65 ซึ่งพนักงานอัยการฝ่ายคดีอาญา 4 เป็นโจทก์ยื่นฟ้อง น.ส.ชลธิชา แจ้งเร็ว หรือ ลูกเกด สส.จังหวัดปทุมธานี สังกัดพรรคประชาชน (ปชน.)
ในฐานะจำเลย จากความผิดฐาน ดูหมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ฯ
คดีดังกล่าวมีมูลเหตุมาจากการที่ น.ส.ชลธิชา ได้โพสต์ข้อความลงในบัญชีเฟซบุ๊กส่วนตัวเมื่อวันที่ 8 พฤศจิกายน 2563 ซึ่งเกี่ยวข้องกับหัวข้อ #ราษฎรสาส์น โดยเนื้อหาในโพสต์เป็นการแสดงความคิดเห็นต่อสถาบันฯ ในประเด็นต่างๆ อาทิ
- การประทับในต่างประเทศ
- การโอนอัตรากำลังพลและงบประมาณไปเป็นส่วนราชการในพระองค์
- การใช้จ่ายงบประมาณของสถาบันฯ
- การเลื่อนยศตำแหน่งข้าราชการและพลเรือน
ซึ่งอัยการโจทก์ฟ้องว่าข้อความดังกล่าวเข้าข่ายการดูหมิ่นและเหยียดหยามสถาบันฯ โดย น.ส.ชลธิชาได้ให้การปฏิเสธตลอดข้อกล่าวหาและต่อสู้คดีเรื่อยมา พร้อมทั้งได้รับการประกันตัวในระหว่างการพิจารณาคดี
"ลูกเกด" ยันความบริสุทธิ์ใจ-พร้อมสู้ต่อ
ก่อนเข้ารับฟังคำพิพากษา น.ส.ชลธิชาได้ให้สัมภาษณ์ว่าไม่รู้สึกกังวล เนื่องจากได้ต่อสู้คดีอย่างเต็มที่ทั้งในด้านข้อเท็จจริงและข้อกฎหมาย พร้อมแสดงความคาดหวังว่าจะได้รับสิทธิ์ในการประกันตัวเพื่อต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์และฎีกาต่อไป ซึ่งถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐาน
น.ส.ชลธิชา กล่าวว่า ทุกคำปราศรัยตั้งแต่คดีความที่ศาลธัญญบุรีศาลชั้นต้นพิพากษาจำคุกสองปี ทุกคำปราศรัยก็จะมีกฎหมายรองรับไม่ว่าจะเป็นเรื่องการออกกฎหมายในช่วงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมองว่ามีปัญหาในเรื่องของการใช้พระราชอำนาจกับสถาบันพระมหากษัตริย์หรือว่าการใช้จ่ายงบประมาณซึ่งก็มีคำปราศรัยของเพื่อนส.ส.
ซึ่งตอนนั้นเป็นอดีตพรรคก้าวไกลอย่าง น.ส.เบญจา แสงจันทร์ ก็ปราศรัยไว้ค่อนข้างดีทำให้สังคมค่อนข้างเห็นภาพชัดเจนเกี่ยวกับ การจัดสรรงบประมาณของการของสถาบันพระมหากษัตริย์ในช่วงเวลาดังกล่าว
ดังนั้นแล้วทุกคำปราศรัยทุกถ้อยคำที่ปราศรัยไปในช่วงวันนั้นก็เป็นคำปราศรัยที่มาจากความสนิทใจและและความบริสุทธิ์ใจที่มีความปรารถนาดีต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ที่อยากจะเห็นสถาบันพระมหากษัตริย์ยืนยืนยงและมั่นคงในประเทศประเทศไทย
เมื่อถามว่ากรณีที่ช่วงนี้เป็นการประชุมสภาผู้แทนราษฎรทำไมไม่ใช้เอกสิทธิ์ส.ส.คุ้มครองแต่เลือกที่จะมาฟังคำพิพากษา น.ส.ชลธิชา กล่าวว่าเอกสิทธิ์ดังกล่าวไม่สามารถใช้กับขั้นตอนการอ่านคำพิพากษาได้
คำพิพากษาศาลชั้นต้น: จำคุก 2 ปี 8 เดือน ไม่รอลงอาญา
ศาลได้พิเคราะห์พยานหลักฐานจากทั้งสองฝ่ายแล้วเห็นว่าจำเลยกระทำความผิดจริงตามฟ้อง ซึ่งเป็นการกระทำผิดกรรมเดียวแต่ผิดต่อกฎหมายหลายบท จึงให้ลงโทษในบทหนักที่สุดคือ ประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112
ศาลพิพากษาให้ จำคุกจำเลยเป็นเวลา 4 ปี อย่างไรก็ตาม คำเบิกความของจำเลยถือว่าเป็นประโยชน์ต่อการพิจารณาอยู่บ้าง จึงมีเหตุให้ลดโทษ 1 ใน 3 คงเหลือโทษจำคุก 2 ปี 8 เดือน โดยไม่รอลงอาญา
ภายหลังมีคำพิพากษา ทนายความของ น.ส.ชลธิชา กำลังอยู่ในระหว่างการเตรียมยื่นคำร้องพร้อมหลักทรัพย์ เพื่อขอปล่อยตัวชั่วคราวในระหว่างการต่อสู้คดีในชั้นอุทธรณ์ต่อไป


