เปิดปูมหลังนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ไขปมสังเวชนียสถานคืออะไร
จากพ่อค้าขายน้ำมะพร้าวปั่นที่สยามสแควร์ สู่เก้าอี้ผู้แทนฯเขต8นนทบุรี นนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ ขอโทษใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมอภิปรายตัดงบพาสงฆ์สักการะสังเวชนียสถาน
KEY
POINTS
- ปมงบสังเวชนียสถาน: นายนนท์วิจารณ์โครงการใช้งบ 5 ล้านบาทพาสงฆ์ 100 รูปไปสักการะอินเดีย–เนปาล มองว่าไม่คุ้มค่าและไม่ต่อยอดการพัฒนาพุทธศาสนา
- ขอโทษถ้อยคำไม่เหมาะสม: ยอมรับการใช้คำว่า “กราบอะไรก็ไม่รู้” เป็นความประมาท ขาดความเคารพ พร้อมน้อมรับคำวิจารณ์
- เส้นทางการเมือง: จากพ่อค้าขายน้ำมะพร้าวปั่น สู่การเป็น ส.ส. นนทบุรี เขต 8 พรรคประชาชน จุดเปลี่ยนเกิดจากประสบการณ์ตรงในเหตุการณ์สลายการชุมนุม
นายนนท์ ไพศาลลิ้มเจริญกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จังหวัดนนทบุรี เขต 8 พรรคประชาชน ได้โพสต์เฟซบุ๊กขอโทษต่อสาธารณชน หลังจากใช้ถ้อยคำไม่เหมาะสมระหว่างการอภิปรายร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปี โดยมีประเด็นเกี่ยวกับโครงการพาสงฆ์เดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานในอินเดียและเนปาล
นายนนท์ชี้แจงว่า จุดประสงค์ในการอภิปรายมุ่งตั้งคำถามถึงความคุ้มค่าและประโยชน์ของการใช้งบประมาณแผ่นดิน ไม่ได้มีเจตนาลบหลู่ความเชื่อหรือทำร้ายศรัทธาของพุทธศาสนิกชน แต่ยอมรับว่าคำพูดที่ว่า “กราบอะไรก็ไม่รู้” เป็นความประมาทและขาดความเคารพ พร้อมน้อมรับคำวิจารณ์และยืนยันว่าจะใช้ความรอบคอบมากขึ้นในอนาคต
การอภิปรายดังกล่าวเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคมที่ผ่านมา โดยนายนนท์ได้เสนอให้ตัดงบประมาณ 5 ล้านบาทที่จัดสรรสำหรับโครงการสร้างขวัญและกำลังใจบุคลากรเผยแผ่พระพุทธศาสนา ซึ่งจะพาพระสงฆ์จำนวน 100 รูป เดินทางไปสักการะสังเวชนียสถานในต่างประเทศ คิดเป็นค่าใช้จ่ายราว 50,000 บาทต่อรูป นายนนท์ตั้งข้อสังเกตว่าโครงการนี้ไม่ก่อให้เกิดการต่อยอดหรือนำกลับมาใช้พัฒนาพระพุทธศาสนาในประเทศไทย จึงมีลักษณะคล้ายทัศนศึกษามากกว่าโครงการเชิงพัฒนา
ประวัติและเส้นทางการเมือง
นายนนท์เป็น ส.ส. เขต 8 นนทบุรี ครอบคลุมพื้นที่บางบัวทองและไทรน้อย เส้นทางชีวิตของเขาเริ่มจากการเป็นพ่อค้าขายน้ำมะพร้าวปั่นที่สยามสแควร์ ก่อนจะหันเหเข้าสู่การเมืองหลังเหตุการณ์สลายการชุมนุมของกลุ่มราษฎร เขาเคยให้สัมภาษณ์ว่าช่วงเวลานั้นเป็น “จุดเปลี่ยนชีวิต” จากผู้ติดตามข่าวการเมืองสู่การมีส่วนร่วมอย่างจริงจัง และได้รับโอกาสลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคก้าวไกลในปี 2566 ก่อนย้ายมาสังกัดพรรคประชาชน
สังเวชนียสถานคืออะไร
สังเวชนียสถานหมายถึงสถานที่สำคัญทางพระพุทธศาสนา 4 แห่ง ที่เกี่ยวข้องกับพระพุทธเจ้าตั้งแต่ประสูติจนถึงปรินิพพาน ได้แก่
- ลุมพินีวัน (เนปาล) – สถานที่ประสูติของเจ้าชายสิทธัตถะ
- พุทธคยา (อินเดีย) – สถานที่ตรัสรู้ใต้ต้นพระศรีมหาโพธิ์
- สารนาถ (อินเดีย) – สถานที่แสดงปฐมเทศนา
- กุสินารา (อินเดีย) – สถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน
สถานที่ทั้ง 4 ถือเป็นศูนย์รวมศรัทธาของพุทธศาสนิกชนทั่วโลก เป็นแหล่งสักการะระลึกถึงพระพุทธเจ้า และเป็นแรงบันดาลใจให้ผู้คนตั้งมั่นในการปฏิบัติธรรมและการทำความดี
หลังการอภิปรายและออกมาขอโทษ ได้ส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ ส.ส.นนท์ และกระแสศรัทธาพุทธศาสนา
ภาพลักษณ์ทางการเมืองของนายนนท์
เสียคะแนนทางสังคมและการเมือง : แม้จะรีบออกมาขอโทษ แต่คำพูดที่ถูกตีความว่าดูหมิ่นศรัทธา ย่อมกระทบต่อความน่าเชื่อถือของ ส.ส.นนท์ โดยเฉพาะในพื้นที่ที่มีชุมชนพุทธเข้มแข็ง และอาจถูกคู่แข่งใช้โจมตีทางการเมืองได้
ถูกมองว่าไม่เข้าใจบริบทศาสนา : ถ้อยคำ “กราบอะไรก็ไม่รู้” สร้างภาพลบว่านายนนท์ไม่เข้าใจคุณค่าของสังเวชนียสถาน อันเป็นรากฐานศรัทธาของชาวพุทธ และสะท้อนถึงความขาดความละเอียดอ่อนด้านวัฒนธรรม
บททดสอบการเมืองรุ่นใหม่ : กรณีนี้เป็นตัวอย่างชัดเจนว่า การเมืองสายตรวจสอบหากขาดความรอบคอบในการใช้ถ้อยคำ อาจย้อนกลับมาบั่นทอนทุนทางสังคมและอนาคตทางการเมืองของตัวเอง
กระแสศรัทธาพุทธศาสนาในสังคม
กระตุ้นการปกป้องศาสนา : ถ้อยคำที่ถูกวิจารณ์ก่อให้ชาวพุทธบางส่วนรู้สึกถูกกระทบจิตใจ นำไปสู่กระแสการปกป้องสังเวชนียสถานซึ่งถูกมองเป็นศูนย์รวมความศรัทธา
จุดถกเถียงงบประมาณศาสนา : แม้คำพูดถูกติติง แต่ก็ทำให้สังคมเปิดประเด็นถกเถียงถึงความคุ้มค่าและความเหมาะสมของการใช้งบประมาณด้านศาสนา โดยเฉพาะโครงการเดินทางต่างประเทศ
สะท้อนความเปราะบางของประเด็นศาสนา : กรณีนี้ย้ำให้เห็นว่าศาสนาและความเชื่อยังเป็นประเด็นอ่อนไหวในสังคมไทย การสื่อสารที่ไม่รอบคอบสามารถสร้างแรงสะเทือนทางศรัทธาและบรรยากาศในสังคมวงกว้าง


