ถอดบทเรียนศาลปกครองแถลงคดี"บิ๊กโจ๊ก"เรื่องที่ปล่อยเนิ่นช้าไม่ได้
ถอดบทเรียนสำนักงานศาลปกครองแถลงคดีบิ๊กโจ๊กยื่นฟ้องผบ.ตร.-นายกฯ-ก.พ.ค.ตร.ขอให้เพิกถอนคำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อนไม่ชอบด้วยกม.อยู่ในขั้นตอนพิจารณายังไม่มีคำพิพากษาหรือคำสั่ง..แต่เป็นเรื่องที่ปล่อยเนิ่นช้าไม่ได้
สื่อมวลชน รายงานไม่ตรงกัน คดีพล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ หักพาล อดีตรองผบ.ตร.ยื่นฟ้องผบ.ตร. คณะกรรมการพิทักษ์ระบบคุณธรรมข้าราชการตำรวจ (ก.พ.ค.ตร.) และนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ถูกฟ้องคดีที่ 1-3เมื่อ 27ส.ค.2567 เพื่อให้เพิกถอนคำสั่งที่ให้ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ออกจากราชการโดยเห็นว่าเป็นคำสั่งทางการปกครองไม่ชอบด้วยกฎหมาย
กระทั่ง เมื่อวันที่ 20 พ.ย.2567 สำนักงานศาลปกครองได้ออกแถลงการณ์เป็นลายลักษณ์อักษร สรุปใจความว่า คดีดังกล่าวอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งใดๆและหากมีคำพิพากษาหรือคำสั่งใดๆ สำนักงานศาลปกครองจะได้แจ้งให้สื่อมวลชนได้รับทราบต่อไป
ความสับสนของข่าวชิ้นนี้ เกิดขึ้นมาตั้งแต่เมื่อ 13พ.ย.2567 ว่า ที่ประชุมใหญ่ตุลาการศาลปกครองสูงสุด มีมติด้วยเสียงข้างมากให้ยกคำร้องขอคุ้มครองชั่วคราวในคดีหมายเลขดำที่ ฟ.117/2567 ทว่า ตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่เข้าร่วมการประชุม ส่วนใหญ่ต่างปฏิเสธที่จะเปิดเผยผลให้เหตุผลว่า เป็นความลับไม่สามารถเปิดเผยต่อสาธารณะได้ ต้องรอให้องค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวน ดำเนินการออกเป็นคำสั่ง หรือคำพิพากษาต่อคู่กรณีที่เกี่ยวข้อง
แต่ประเด็นที่ศาลปกครองต้องออกมาแถลงข่าวเรื่องนี้ ก็เพราะกรณีที่มีสื่อมวลชนบางสำนักนำเสนอชื่อและรูปภาพของตุลาการศาลปกครองสูงสุด จำนวน 5 คน โดยระบุว่า เป็นองค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดที่พิจารณาพิพากษาคดีของ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ ประกอบกับองค์คณะตุลาการศาลปกครองสูงสุดเจ้าของสำนวนยังไม่ได้นัดนั่งพิจารณาคดีครั้งแรก และสั่งนัดอ่านคำพิพากษาคดีนี้
ตลอดวันที่13พ.ย.67 เรื่อยมาจนกระทั่งถึง 20พ.ย.67 เป็นเวลา7วัน หรือ1สัปดาห์ มีรายงานข่าวออกมาทั้ง 2 ทาง ทางหนึ่งมีกระแสข่าวว่า ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งคุ้มครองฯ และบางรายงานข่าวก็ระบุว่า ศาลปกครองสูงสุด มีมติยกคำร้องของ พล.ต.อ.สุรเชชษฐ์ สาธารณชนจึงเกิดความสับสนว่าผลการพิจารณาคดีดังกล่าวเป็นอย่างไร
เพราะเป็นเรื่องที่ประชาชนมีสิทธิควรรู้ เนื่องจากเป็นเรื่องที่อยู่ในความสนใจของประชาชน
เมื่อเรื่องที่อยู่ในกระแสที่สับสน ศาลปกครองจึงจำเป็นต้องออกมาชี้แจงต่อสาธารณชนเพื่อความกระจ่าง ขณะเดียวกัน สำนักงานศาลปกครองได้มอบหมายให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการตรวจสอบสื่อมวลชน และสื่อสังคมออนไลน์ต่าง ๆ ที่มีการนำเสนอข่าวคดีดังกล่าวเป็นการหมิ่นและละเมิดอำนาจศาล เพื่อดำเนินคดีตามกฎหมายต่อไปด้วย
นายปรเมศวร์ อินทรชุมนุม อัยการอาวุโส สำนักสอบสวน สำนักงานอัยการสูงสุด อรรถาธิบายความว่า กรณี "บิ๊กโจ๊ก"
ยื่นคำร้องต่อศาลปกครองสูงสุด ชในฐานะที่เป็น"ข้าราชการชั้นผู้ใหญ่"ต้องผ่านที่"ประชุมใหญ่"ศาลปกครองสูงสุด
ส่วนมติเอกฉันท์ 5-0 ขององค์คณะชุดเล็กที่ออกมาไม่ได้หมายความว่า “คำสั่งให้ออกจากราชการไว้ก่อน ชอบหรือไม่ชอบด้วยกฎหมาย แต่เห็นว่า "ควรให้การคุ้มครองชั่วคราวไว้ก่อน" ระหว่าง"รอคำวินิจฉัยของศาลปกครองสูงสุด"
ดังนั้น เมื่อสำนักงานศาลปกครอง ออกแถลงการณ์ว่า คดีอยู่ระหว่างการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด และศาลปกครองสูงสุดยังไม่ได้มีคำพิพากษาหรือคำสั่งใดๆ เท่ากับระหว่างนี้ “บิ๊กโจ๊ก” ยังไม่ได้กลับคืนสำนักงานตำรวจแห่งชาติ จนกว่าศาลปกครองสูงสุดจะวินิจฉัย
สำทับกับคำให้สัมภาษณ์ของ พล.อ.สุรเชชษฐ์ ที่เปิดเผยผ่านโพสต์ทูเดย์ ด้วยน้ำเสียงและท่าทีผ่อนคลาย ยืนยันว่าได้ยื่นฟ้องคดีนี้ตามขั้นตอนของกฎหมาย ส่วนตัวในฐานะเป็นโจทก์ยื่นฟ้องก็ต้องรอผลการพิจารณาของศาลปกครองสูงสุด
"ได้รับทราบข่าวที่ศาลปกครองเผยแพร่เอกสารชี้แจง กรณีที่มีสื่อมวลชนนำเสนอผลการพิจารณาคดีของศาลปกครองสูงสุด ยื่นฟ้องขอเพิกถอนคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ที่ให้ผู้ฟ้องคดีออกจากราชการไว้ก่อนแล้ว"
"ก็เป็นไปตามที่ศาลปกครองได้ออกเอกสารชี้แจง หมายความว่า ต้องรอให้ศาลปกครองมีคำพิพากษาออกมาอย่างเป็นทางการ ก็ยังรู้สึกกับข่าวที่ออกมาก่อนหน้านี้ แต่ไม่รู้สึกหนักใจ เพราะได้ยื่นฟ้องต่อสู้คดีไปตามขั้นตอนและกระบวนการ และไม่ทราบว่าศาลปกครองนัดฟังคำพิพากษาเมื่อใด"
ผลการพิจารณาและพิพากษาคดีนี้ในศาลปกครองสูงสุดจึงยังเป็นที่น่าสนใจของสังคมด้วยประการฉะนี้


