อนุทิน โพสต์เฟสบุ๊กยังปฏิบัติการณ์ทางทหารต่อ โต้ระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุ
อนุทิน โพสต์เฟสบุ๊ก ไทยยังปฏิบัติการณ์ทางทหารต่อจนกว่าจะหมดภัยคุกคามต่อแผ่นดินและประชาชน โต้คำกล่าวทรัมป์ ยันกับระเบิดไม่ใช่อุบัติเหตุ
อนุทินโพสต์เดือด “ไม่ใช่อุบัติเหตุข้างทางแน่นอน ประเทศไทย จะยังคงดําเนินการทางทหารต่อไปจนกว่าเราจะไม่มีอันตรายและคุกคามต่อแผ่นดินและผู้คนของเราอีกต่อไป อยากทําให้มันชัดเจน การกระทําของเราเมื่อเช้านี้พูดไปแล้ว”
ก่อนหน้านี้ ทรัมป์โพสต์ใน Truth Social ระบุว่า
"ผมได้พูดคุยกันด้วยดีในเช้าวันนี้กับนายกรัฐมนตรีของไทย อนุทิน ชาญวีรกูล และนายกรัฐมนตรีกัมพูชา ฮุน มาเนต เกี่ยวกับการกลับมาปะทุขึ้นอีกครั้งอย่างน่าเศร้าของสงครามที่ดำเนินมาอย่างยาวนานของพวกเขา ทั้งสองฝ่ายได้ตกลงที่จะ 'ยุติการยิง' ทั้งหมด โดยให้มีผลตั้งแต่ช่วงค่ำของวันนี้ (ศุกร์ 12 ธ.ค.) และกลับไปสู่ ข้อตกลงสันติภาพ ดั้งเดิมที่ได้จัดทำร่วมกับผมและพวกเขา โดยได้รับความช่วยเหลือจากนายกรัฐมนตรีมาเลเซียผู้ยิ่งใหญ่ อันวาร์ อิบราฮิม
เหตุระเบิดข้างทาง (roadside bomb) ที่ทำให้ทหารไทยเสียชีวิตและบาดเจ็บจำนวนมากในตอนแรกนั้นเป็นอุบัติเหตุ แต่ประเทศไทยก็ได้ตอบโต้กลับอย่างรุนแรงมาก ทั้งสองประเทศพร้อมสำหรับ 'สันติภาพ' และการทำการค้าต่อเนื่องกับสหรัฐอเมริกา
นับเป็นเกียรติของผมที่ได้ทำงานร่วมกับอนุทินและฮุน ในการแก้ไขสถานการณ์ที่อาจพัฒนาไปเป็นสงครามครั้งใหญ่ระหว่างสองประเทศที่ยอดเยี่ยมและเจริฐรุ่งเรืองทั้งคู่ ผมขอขอบคุณนายกรัฐมนตรีมาเลเซีย อันวาร์ อิบราฮิมด้วย สำหรับความช่วยเหลือในเรื่องที่มีความสำคัญมากเช่นนี้"
ขณะที่ นายกรัฐมนตรี ฮุน มาเนต ของกัมพูชา โพสต์ในเฟซบุ๊ก ระบุว่า
"ผมได้หารือทางโทรศัพท์กับ ฯพณฯ อันวาร์ อิบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 11 ธันวาคม และเมื่อคืนที่ผ่านมาวันที่ 12 ธันวาคม 2025 กับ ฯพณฯ โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐ เพื่อหารือถึงแนวทางนำไปสู่ การหยุดยิงระหว่างกัมพูชา-ไทย และทำให้ทั้งสองฝ่ายกลับไปดำเนินการตามปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์
ผมขอขอบคุณผู้นำทั้งสองท่านสำหรับความพยายามอย่างต่อเนื่อง เพื่อบรรลุสันติภาพที่ยั่งยืนระหว่างกัมพูชาและไทย กัมพูชายึดมั่นมาโดยตลอดในจุดยืนของการแสวงหาการแก้ไขข้อพิพาทด้วยสันติวิธี ตามเจตนารมณ์ของปฏิญญาร่วมกัวลาลัมเปอร์มาโดยตลอด
จากเหตุการณ์การยิงปะทะกันในช่วงบ่ายของวันที่ 7 ธันวาคม 2025 ซึ่งนำไปสู่การกลับมาสู้รบกันอีกครั้งระหว่างสองประเทศ ผมได้เสนอแนะว่า กองทัพสหรัฐและมาเลเซีย หรือหน่วยงานเฉพาะทาง สามารถใช้ขีดความสามารถในการรวบรวมข้อมูลข่าวกรองของตน เช่น ภาพถ่ายดาวเทียมที่ถ่ายในช่วงเวลานั้นและหลังจากนั้นเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อตรวจสอบว่าฝ่ายใดเป็นผู้เริ่มยิงก่อน วิธีนี้อาจเป็นวิธีที่ง่ายที่สุดและโปร่งใสที่สุดในการตรวจสอบข้อเท็จจริง กัมพูชาพร้อมให้ความร่วมมือหากมีความจำเป็น"
ทั้งนี้ ในช่วงเช้าวันนี้ (13 ธันวาคม 2568) มีรายงานว่า เครื่องบินรบ F-16 ของกองทัพอากาศไทย (RTAF) ได้ปฏิบัติการโจมตีทางอากาศในพื้นที่ชายแดนจังหวัดตราด โดยมีเป้าหมายคือการทำลายสะพานในดินแดนกัมพูชา
ส่วนแนวรบสระแก้วรวมทั้งศรีสะเกษยังคงดุเดือด ทหารไทยกระหนํ่าปืนใหญ่-เครื่องยิงลูกระเบิดโจมตีใส่ตำแหน่งทางทหารกัมพูชาอย่างต่อเนื่อง


