นายกฯอนุทิน ประกาศปราบปรามสแกมเมอร์ไม่เว้นนักการเมือง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย ประกาศดังก้องกลางงานประชุมใหญ่ระดับภูมิภาค “The 43rd ASEANAPOL Conference” ที่โรงแรมแกรนด์ ไฮแอท เอราวัณ เมื่อเช้าวันที่ 4 พฤศจิกายน 2568

นายกฯอนุทิน ใช้เวทีนี้ย้ำชัด รัฐบาลไทยเอาจริงกับการปราบอาชญากรรมออนไลน์และสแกมเมอร์ ที่สร้างความเสียหายให้ทั้งชีวิตและทรัพย์สินของประชาชน

“พวกผมกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ไม่ได้ติดหนี้บุญคุณใคร นอกจากประชาชนและประเทศชาติ”
คือถ้อยคำที่กลายเป็น สัญญาณทางการเมือง ว่าการปราบปรามครั้งนี้จะไม่มีใครได้รับการยกเว้น แม้จะเป็นบุคคลมีชื่อเสียงหรือนักการเมือง

ปราบสแกมเมอร์ข้ามชาติ – วาระแห่งชาติ

นายอนุทินกล่าวว่า การประชุมหัวหน้าตำรวจอาเซียนครั้งนี้ สอดคล้องกับนโยบายรัฐบาลที่ยก “อาชญากรรมออนไลน์” และ “ค้ามนุษย์” เป็นวาระแห่งชาติ พร้อมระบุว่า การร่วมมือในระดับภูมิภาคเป็นสิ่งจำเป็น เพราะอาชญากรรมไซเบอร์ไม่มีพรมแดน หากไม่ประสานกัน ความเสียหายจะลุกลามทั้งอาเซียน

นายกฯอนุทิน ตัวอย่างการปราบปรามพื้นที่ “เคเคพาร์ค” (KK Park) รอยต่อชายแดนไทย–เมียนมา ที่ถูกใช้เป็นฐานปฏิบัติการของเครือข่ายสแกมเมอร์และค้ามนุษย์ ว่ารัฐบาลไทยได้ติดตามใกล้ชิดและเพิ่มมาตรการเข้มงวดทั้งด้านความมั่นคงและเศรษฐกิจชายแดน

“ไม่ว่าพื้นที่ใดที่ข่าวกรองประเมินว่าเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศ ทุกหน่วยงานต้องเข้าไปดำเนินการอย่างเต็มที่”

นายกฯอนุทิน กล่าวย้ำ พร้อมเผยว่าได้ยึดทรัพย์และดำเนินคดีหลายรายแล้วอย่างต่อเนื่อง

“ไม่ละเว้นใคร” จับตานักการเมืองเอี่ยวเครือข่าย

เมื่อผู้สื่อข่าวถามถึงกระแสข่าวที่มี นักการเมืองหรือบุคคลสำคัญอยู่เบื้องหลังอาชญากรรมออนไลน์ นายอนุทินตอบตรงไปตรงมาว่า

“เรื่องนี้ได้หารือกับ ผบ.ตร., เลขาธิการ ป.ป.ง. และรมว.ยุติธรรม แล้ว ทุกฝ่ายทำงานแบบ ‘ปิดชื่อ ดูพฤติกรรม’ ใครทำผิดก็ไม่ละเว้น”

คำพูดนี้สะท้อนท่าที “ไม่ประนีประนอมกับผลประโยชน์กลุ่มใด”โดยนายอนุทินยืนยันว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องทุกคนทำงานด้วยความซื่อสัตย์ เข้มแข็ง และไม่เห็นแก่พวกพ้อง

“เรื่องพวกนี้ไม่มีการปล่อยปละละเลย ไม่มีการเห็นแก่เพื่อน หรือผลประโยชน์ใด ๆ มันอยู่เหนือความสัมพันธ์ทั้งปวง เพราะนี่คือเรื่องของประเทศชาติและความปลอดภัยของประชาชน”

บุญคุณเดียวที่ต้องชำระ คือบุญคุณประชาชน

ในช่วงท้าย นายอนุทินกล่าวด้วยน้ำเสียงหนักแน่นว่า

“พวกผมกินเงินเดือนจากภาษีประชาชน ดังนั้นคนที่เราต้องตอบแทนคือประชาชน ไม่ใช่ใครคนใดคนหนึ่ง ขอให้เลิกกังวลว่ารัฐบาลจะไปเกรงใจใคร”

ถ้อยคำนี้ได้รับเสียงปรบมือจากเจ้าหน้าที่และผู้แทนประเทศสมาชิกอาเซียนในห้องประชุม เป็นสัญญาณถึงทิศทางใหม่ของรัฐบาลอนุทิน ที่ต้องการแสดงจุดยืน “รัฐบาลเพื่อประชาชน ไม่ใช่รัฐบาลของผู้มีอิทธิพล”

พร้อมกันนี้ นายกฯ ยังย้ำว่า ไทยและกัมพูชาจะร่วมมือกันอย่างจริงจังภายใต้ปฏิญญาอาเซียน โดยมี “การปราบสแกมเมอร์ข้ามชาติ” เป็นหนึ่งใน 4 ข้อหลักที่ทั้งสองประเทศตกลงกันไว้

การประกาศของนายอนุทินในครั้งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงถ้อยแถลงในงานประชุม แต่คือ “การวางจุดยืนของรัฐบาลใหม่” ที่ประกาศสงครามกับอาชญากรรมออนไลน์อย่างเปิดหน้า และส่งสัญญาณเตือนไปถึงผู้มีอำนาจทุกระดับว่า 
“ไม่มีใครอยู่เหนือกฎหมาย เมื่อเงินเดือนของเรามาจากภาษีประชาชน”