posttoday

ศึกซ่อมกาญจนบุรี เขต 4: วัดพลัง “ภูมิใจไทย” ปะทะ “เพื่อไทย”

17 ตุลาคม 2568

สนามเลือกตั้งซ่อมกาญจนบุรี เขต 4 กลายเป็นสมรภูมิการเมืองระดับชาติ วัดอิทธิพล “การเมืองติดพื้นที่” ของภูมิใจไทย กับ “กระแสพรรค” เพื่อไทย ที่เดิมพันสูงกว่าที่นั่งเดียว

KEY

POINTS

  • การเลือกตั้งซ่อม สส. กาญจนบุรี เขต 4 เป็นการวัดพลังครั้งสำคัญระหว่างพรรคภูมิใจไทยและพรรคเพื่อไทย
  • ภูมิใจไทยใช้กลยุทธ์ "การเมืองติดพื้นที่" โดยส่งทายาทนักการเมืองลงแข่ง ขณะที่เพื่อไทยใช้ "กระแสพรรคส่วนกลาง" และแกนนำระดับชาติเป็นจุดขาย
  • ผลการเลือกตั้งจะชี้วัดทิศทางการเมืองระดับชาติ ว่าระหว่างอิทธิพลท้องถิ่นกับแบรนด์พรรคระดับประเทศ แนวทางใดจะได้รับการยอมรับจากประชาชนมากกว่ากัน

เปิดเกมศึกซ่อม – กาญจนบุรี จุดวัดพลังการเมือง

การเลือกตั้งซ่อม สส. กาญจนบุรี เขต 4 ที่จะมีขึ้นวันที่ 19 ตุลาคม 2568 กำลังกลายเป็น “สนามสอบกลางเทอม” ของสองพรรคใหญ่ พรรคภูมิใจไทย และพรรคเพื่อไทย การชิงชัยครั้งนี้ไม่ได้เป็นเพียงการหาผู้แทนหนึ่งที่นั่งในสภา แต่เป็นบททดสอบกลยุทธ์และพลังเครือข่ายของแต่ละพรรค ว่าระหว่าง “บารมีบ้านใหญ่” กับ “กระแสส่วนกลาง” ใครจะจับใจประชาชนได้มากกว่ากัน

ฝ่ายภูมิใจไทยส่ง “น.ส.วิสุดา วิเชียรศิลป์” บุตรสาวของนายศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์ อดีต สส.คนดังของพื้นที่ ลงสนามในนาม “ทายาททางการเมือง” ที่สานต่อสายสัมพันธ์กับชาวบ้าน ขณะที่พรรคเพื่อไทยส่ง “พล.อ.ชินวัฒน์ แม้นเดช” นายทหารระดับสูงผู้มากประสบการณ์ มีภาพลักษณ์มือสะอาดและได้รับแรงหนุนจากแกนนำส่วนกลางอย่างเต็มที่

สมรภูมิเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้จึงสะท้อนความแตกต่างอย่างชัดเจนระหว่าง “การเมืองที่ยืนอยู่กับประชาชน” กับ “การเมืองที่ขับเคลื่อนด้วยแบรนด์พรรค” ประชาชนในพื้นที่กลายเป็นผู้ชี้ขาดว่า พลังแบบใดจะตอบโจทย์ในยุคที่การเมืองไทยกำลังเปลี่ยนผ่านสู่ความคาดหวังใหม่

กลยุทธ์หาเสียง – เกม “พื้นที่” ปะทะ “กระแสพรรค”

ภูมิใจไทยเลือกเดินเกม “ติดพื้นที่” อย่างเข้มข้น โดยใช้ผลงานของนายศักดิ์ดาในฐานะอดีตผู้แทนเป็นเครื่องยืนยันศักยภาพ การลงพื้นที่พบชาวบ้านอย่างต่อเนื่อง การแก้ปัญหาน้ำ ถนน และพืชผลเกษตร ถูกยกเป็นหลักฐานรูปธรรมของ “การทำงานจริง” พร้อมสโลแกนไม่เป็นทางการว่า “อยู่กับประชาชนทุกวัน ไม่ใช่แค่ตอนเลือกตั้ง” นายศักดิ์ดาแสดงความมั่นใจว่า “ชาวบ้านไม่เลือกคนแปลกหน้า”

ในอีกฝั่ง พรรคเพื่อไทยเดินเกม “พลังส่วนกลาง” ใช้แบรนด์พรรคและเครือข่ายแกนนำระดับชาติเป็นแรงขับเคลื่อน พล.อ.ชินวัฒน์ ลงพื้นที่พร้อมภาพคู่กับ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร และนายภูมิธรรม เวชยชัย เพื่อส่งสัญญาณว่าผู้สมัครคนนี้คือ “ตัวแทนของรัฐบาล” ที่จะนำงบประมาณและนโยบายระดับชาติลงสู่พื้นที่ได้จริง เป็นการต่อสู้ระหว่าง “อิทธิพลท้องถิ่น” กับ “อิทธิพลส่วนกลาง” อย่างเต็มรูปแบบ

ศึกซ่อมกาญจนบุรีจึงเป็นเวทีทดลองของสองแนวคิดการเมือง — ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าความผูกพันระหว่างคนกับพื้นที่คือหัวใจของชัยชนะ ขณะที่อีกฝ่ายเชื่อในพลังของแบรนด์พรรคและนโยบายระดับประเทศ ผลคะแนนที่จะออกมาจะบ่งชี้ว่าคนไทยวันนี้เชื่อใน “ผลงานที่จับต้องได้” หรือ “ภาพฝันจากส่วนกลาง” มากกว่ากัน

ปัจจัย “ศักดิ์ดา” – ตัวแปรที่สั่นสะเทือนเพื่อไทย

ในศึกซ่อมครั้งนี้ ชื่อ “ศักดิ์ดา วิเชียรศิลป์” ไม่ได้เป็นเพียงชื่อของบิดาผู้สมัครฝ่ายภูมิใจไทยเท่านั้น แต่ยังเป็น “ตัวแปรแรงสั่นสะเทือน” ที่ส่งผลโดยตรงต่อพรรคเพื่อไทย อดีต สส. ผู้นี้เคยเป็นหนึ่งในกำลังหลักของเพื่อไทยในพื้นที่ แต่การย้ายขั้วมาอยู่กับภูมิใจไทย พร้อมเปิดศึกโจมตีพรรคเดิมอย่างตรงไปตรงมา ทำให้สนามเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้กลายเป็นเวทีแห่งการชำระแค้นทางการเมือง

ศักดิ์ดาใช้เวทีหาเสียงโจมตีเพื่อไทยในสามประเด็นหลัก — หนึ่งคือปรากฏการณ์ “เลือดไหลออก” ของ สส. ที่ทยอยย้ายพรรค สองคือการบริหารที่ “พูดมากกว่าทำ” โดยเฉพาะนโยบายเกษตร และสามคือคำมั่นของภูมิใจไทยว่าจะดันราคาข้าวและอ้อยให้แตะระดับสูงสุดในรอบหลายปีเพื่อคืนศักดิ์ศรีเกษตรกร ประเด็นเหล่านี้ตอกย้ำภาพ “ภูมิใจไทย” ว่าเป็นพรรคที่จับต้องได้มากกว่าในสายตาชาวบ้าน

ความดุเดือดที่เกิดขึ้นทำให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ต้องเข้ามามีบทบาทอย่างเข้มงวด ทั้งการจัดกิจกรรมรณรงค์ “Big Day” เพื่อปลูกจิตสำนึกไม่ซื้อสิทธิขายเสียง และการประกาศช่วง “เวลาความเงียบ” ห้ามหาเสียงตั้งแต่เย็นวันที่ 18 ตุลาคมจนถึงปิดหีบในวันที่ 19 ตุลาคม ทุกสายตาจึงจับจ้องว่ากกต.จะสามารถรักษาความโปร่งใสได้เพียงใดในสนามที่เต็มไปด้วยเดิมพันทางการเมืองระดับชาติ

สัญญาณการเมือง – ศึกซ่อมที่สะเทือนถึงส่วนกลาง

ผลของศึกซ่อมกาญจนบุรี เขต 4 จะกลายเป็นสัญญาณสำคัญต่อการเมืองไทยในปีหน้า หากภูมิใจไทยคว้าชัยได้ จะยืนยันพลังของ “การเมืองติดพื้นที่” ที่เอาชนะกระแสส่วนกลางได้จริง และสร้างโมเดลใหม่ให้พรรคใช้ขยายฐานในภาคอื่น โดยเฉพาะในเขตชนบทและภาคกลางตอนบน ซึ่งเคยเป็นพื้นที่ของพรรคเพื่อไทยมาก่อน

แต่หากเพื่อไทยกลับมาคว้าชัยในพื้นที่ที่เคยสูญเสีย ก็จะเป็นการยืนยันว่าแบรนด์พรรคยังแข็งแรงพอที่จะยึดฐานเสียงไว้ได้แม้เผชิญแรงเสียดทานจากอดีตสมาชิก การชนะครั้งนี้จะส่งผลโดยตรงต่อการรักษาวินัยภายในพรรค และอาจช่วยหยุดยั้งกระแส “ย้ายขั้ว” ที่กำลังเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่อง

ไม่ว่าใครจะเป็นผู้ชนะ ศึกกาญจนบุรี เขต 4 ได้ส่งสัญญาณแล้วว่า “การเมืองยุคใหม่” จะเป็นการปะทะกันของสองยุทธศาสตร์—ระหว่างพรรคที่สร้างฐานจากชาวบ้าน กับพรรคที่ขับเคลื่อนด้วยนโยบายระดับประเทศ ผลคะแนนในวันเลือกตั้งจะไม่เพียงชี้อนาคตของพื้นที่หนึ่ง แต่ยังสะท้อนสมการอำนาจใหม่ของการเมืองไทยทั้งระบบ

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เชลซี พบ เอฟเวอร์ตัน พรีเมียร์ลีก วันนี้ 13 ธ.ค.68