posttoday

"รั้วชายแดนไทย-กัมพูชา" เมื่อ สมช.อนุมัติให้เดินหน้าโครงการ

03 ตุลาคม 2568

การสร้างรั้วตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชา กำลังจะเกิดขึ้น หลังหลายส่วนเรียกร้อง จากปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติและความมั่นคงที่ทวีความรุนแรงขึ้น

โครงการก่อสร้างรั้วชายแดนไทย-กัมพูชาได้รับการอนุมัติหลักการแล้วในการประชุมสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เมื่อวันที่ 2 กันยายนที่ผ่านมาโดยมอบหมายให้ กองบัญชาการกองทัพไทย เป็นหน่วยงานหลักในการรับผิดชอบโครงการ มีอำนาจหน้าที่ในการกำหนดพิกัดที่จะดำเนินการก่อสร้าง รวมถึงรายละเอียดทางเทคนิคและรูปแบบของรั้วที่จะนำมาใช้ให้สอดคล้องกับสภาพภูมิประเทศและความจำเป็นทางยุทธศาสตร์ในแต่ละพื้นที่

 

ก่อนหน้าที่ กองทัพไทยได้วางแผนการก่อสร้างรั้วถาวรในระยะแรกแล้ว โดยเลือกพื้นที่จังหวัดสระแก้วเป็นลำดับแรก มีระยะทางรวม: 23.6 กิโลเมตร เนื่องจากเป็นพื้นที่ที่ไม่มีปัญหาเรื่องแนวเขตแดนที่ซับซ้อน โดยมี คลองลึกและคลองพรมโหด เป็นเส้นแบ่งเขตแดนตามธรรมชาติที่ทั้งสองฝ่ายยอมรับร่วมกัน ทำให้สามารถเริ่มดำเนินการก่อสร้างได้ทันทีโดยไม่ติดขัดปัญหาข้อพิพาทเรื่องดินแดน

 

รูปแบบของรั้วจะมีความหลากหลายและปรับเปลี่ยนไปตามสภาพภูมิประเทศและความจำเป็นในการเฝ้าระวัง โดยมีแนวคิดหลักคือการสร้าง "รั้วอิเล็กทรอนิกส์" (Electronic Fence) ซึ่งมีหัวใจสำคัญอยู่ที่การใช้ระบบกล้องวงจรปิด (CCTV) ที่ทันสมัยติดตั้งในพื้นที่ล่อแหลม เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการตรวจการณ์และเฝ้าระวังภัยคุกคามตลอด 24 ชั่วโมง

• พื้นที่ที่ตกลงเขตแดนได้แล้ว: จะพิจารณาสร้างรั้วถาวร ควบคู่ไปกับระบบอิเล็กทรอนิกส์

• พื้นที่ที่ยังไม่มีข้อยุติ: จะใช้มาตรการชั่วคราว เช่น การสร้าง รั้วลวดหนามหีบเพลงสามชั้น และการตัดถนนเลียบแนวชายแดน เพื่อให้ง่ายต่อการส่งกำลังบำรุงและการลาดตระเวน

 

ซึ่งกองทัพไทยได้ดำเนินการ ติดตั้งเสากล้องวงจรปิดต้นแรก ไปแล้วเมื่อวันที่ 18 กันยายน 2567 บริเวณหลักเขตชายแดนที่ 50 ด้านหลังด่านคลองลึก อ.อรัญประเทศ 

"รั้วชายแดนไทย-กัมพูชา" เมื่อ สมช.อนุมัติให้เดินหน้าโครงการ

"รั้วชายแดนไทย-กัมพูชา" เมื่อ สมช.อนุมัติให้เดินหน้าโครงการ

 

รัฐบาลได้ยืนยันว่าประเด็นด้านงบประมาณไม่ใช่ข้อติดขัดในการดำเนินโครงการนี้ อย่างไรก็ตาม ปรากฏการณ์ "กองทุนหทัยทิพย์" ที่ระดมทุนได้กว่า 100 ล้านบาท สะท้อนการสนับสนุนจากภาคประชาชน บ่งชี้ว่า ความมั่นคงชายแดนได้กลายเป็นประเด็นสาธารณะ ประชาชนพร้อมเข้ามามีส่วนร่วมโดยตรง ไม่ค่อยเกิดขึ้นในโครงการโครงสร้างพื้นฐานด้านความมั่นคงอื่นๆ

 

นายกรัฐมนตรีและผู้นำเหล่าทัพได้แสดงท่าทีสนับสนุนโครงการนี้ โดยให้เหตุผลในด้านการยกระดับความมั่นคงของชาติ การป้องกันอาชญากรรมข้ามชาติ และการตอบสนองเสียงเรียกร้องของประชาชนในพื้นที่ชายแดน พร้อมยืนยันว่าการดำเนินการทั้งหมดจะอยู่ในพื้นที่ที่ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต้องกันแล้ว และจะ ไม่มีการสูญเสียดินแดน จากการก่อสร้างรั้วในครั้งนี้อย่างแน่นอน

 

ด้านพรรคประชาชน ในฐานะพรรคฝ่ายค้านหลัก โดยนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ ให้สัมภาษณ์ก่อนหน้านี้ว่าพรรค ไม่ได้คัดค้านการจัดซื้อยุทโธปกรณ์ที่จำเป็น เพื่อการป้องกันประเทศ แต่สำหรับโครงการรั้วชายแดนนั้น จำเป็นต้องพิจารณาความเหมาะสมเป็นรายกรณีไปตามบริบทของแต่ละพื้นที่ 

 

ขณะที่ นายภูมิธรรม เวชยชัย ได้เคยแสดงความเห็นว่า การก่อสร้างรั้วจำเป็นต้องรอผลการเจรจา และต้องดำเนินการผ่านกลไกของ คณะกรรมการชายแดนทั่วไป (GBC) ก่อน ซึ่งเป็นช่องทางหารืออย่างเป็นทางการระหว่างสองประเทศก่อน

"รั้วชายแดนไทย-กัมพูชา" เมื่อ สมช.อนุมัติให้เดินหน้าโครงการ

"รั้วชายแดนไทย-กัมพูชา" เมื่อ สมช.อนุมัติให้เดินหน้าโครงการ

อย่างไรก็ตาม ประชาชนในพื้นที่ชายแดน โดยเฉพาะในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบโดยตรง ได้แสดงออกถึงการสนับสนุนโครงการนี้ โดยมองว่ารั้วเป็นเครื่องมือที่เป็นรูปธรรมและเป็นทางออกโดยตรงต่อปัญหาความไม่ปลอดภัยที่ต้องเผชิญในชีวิตประจำวัน ประชาชนจำนวนมากพร้อมที่จะร่วมสนับสนุนด้านงบประมาณ เพื่อผลักดันให้โครงการเกิดขึ้นจริงโดยเร็วที่สุด

 

ทั้งนี้ แนวคิดเรื่องการสร้างรั้วป้องกันชายแดนไม่ใช่เรื่องใหม่สำหรับประเทศไทย เพราะที่ผ่านมารั้วชายแดนไทย-มาเลเซียก็ได้มีการก่อสร้างและใช้งานมาแล้ว

 

ซึ่งแนวชายแดนทางบกไทย-มาเลเซีย มีความยาวรวมประมาณ 647 กิโลเมตร ปัจจุบันมีการก่อสร้างรั้วไปแล้วรวมระยะทาง 110.992 กิโลเมตร ซึ่งกระจายตัวอยู่ในพื้นที่จังหวัดสตูล สงขลา ยะลา และนราธิวาส ซึ่งมีรูปแบบที่แตกต่างกัน 2 ประเภท

 

1. รั้วที่ก่อสร้างร่วมกัน: เป็นกำแพงคอนกรีตเสริมลวดหนาม สูง 3 เมตร มีระยะทางสั้นๆ เพียง 5.3 กิโลเมตร บริเวณ ต.ปาดังเบซาร์ อ.สะเดา จ.สงขลา ซึ่งเป็นผลมาจากความตกลงร่วมกันระหว่างสองรัฐบาล

 

2. รั้วที่มาเลเซียสร้างฝ่ายเดียว: มีความยาวรวมกว่า 105 กิโลเมตร ประกอบด้วยรั้วหลากหลายรูปแบบ ทั้งรั้วคอนกรีต รั้วลวดหนาม และรั้วตาข่าย ซึ่งรัฐบาลมาเลเซียเป็นผู้ดำเนินการก่อสร้างในฝั่งของตนเองทั้งหมด

 

โครงการรั้วชายแดนไทย-กัมพูชากำลังเดินหน้าโดยมีแรงสนับสนุนจากประชาชนและแรงผลักดันจากภัยคุกคามความมั่นคงและอาชญากรรมข้ามพรมแดนที่รุนแรงมากขึ้นทุกขณะ แม้รั้วทางกายภาพและอิเล็กทรอนิกส์จะเป็นเครื่องมือสำคัญในการรับมือกับภัยคุกคามเฉพาะหน้า แต่ความสำเร็จในระยะยาวของยุทธศาสตร์ความมั่นคงชายแดนไทย-กัมพูชาจะไม่ได้วัดกันที่ความสูงของกำแพงหรือความคมชัดของกล้องวงจรปิด หากแต่ขึ้นอยู่กับความสามารถของรัฐในการบริหารจัดการสมดุลระหว่างความมั่นคงทางทหารกับพลวัตทางเศรษฐกิจและสังคมข้ามพรมแดนของประเทศที่ไม่อาจแยกจากกันได้

"รั้วชายแดนไทย-กัมพูชา" เมื่อ สมช.อนุมัติให้เดินหน้าโครงการ

 

ข่าวล่าสุด

LH Bank ออกผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพผู้ป่วยนอก “LHB OPD SAVER”