กกต. ยกคำร้องคดี สว. อำนาจเจริญ ชี้ "ไม่พบเส้นเงินจ้างสมัคร"
กกต. วินิจฉัยยกคำร้องคดีเลือก สว. อำเภอเมืองอำนาจเจริญ ทั้ง 206 ราย หลังไต่สวนไม่พบหลักฐาน-เส้นเงินเชื่อมโยงการจ้างลงสมัคร หรือจัดตั้งกลุ่มลงคะแนน
KEY
POINTS
- กกต. มีมติยกคำร้องคดีทุจริตการเลือกตั้ง สว. ในอำเภอเมืองอำนาจเจริญ
- การตัดสินใจมีขึ้นเนื่องจากขาดพยานหลักฐานที่น่าเชื่อถือ และผู้ร้องไม่ให้ถ้อยคำเพิ่มเติม
- ผลการตรวจสอบเส้นทางการเงินของผู้สมัครทั้ง 206 คน ไม่พบความผิดปกติหรือการจ้างวานให้ลงสมัคร
- ผู้สมัครทุกคนยืนยันว่าลงสมัครด้วยความประสงค์ของตนเอง มีคุณสมบัติครบถ้วน และไม่ได้รับผลประโยชน์จูงใจ
ปิดฉากข้อกล่าวหาคดี สว. อำเภอเมืองอำนาจเจริญ
เมื่อวันที่ 16 กรกฎาคมที่ผ่านมา เว็บไซต์สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้เผยแพร่คำวินิจฉัยสำคัญในคดีร้องเรียนการเลือกตั้ง สว. ระดับอำเภอของอำเภอเมืองอำนาจเจริญ จังหวัดอำนาจเจริญ โดยคดีนี้ ผู้ร้องได้กล่าวหาผู้สมัคร สว. ทั้ง 20 กลุ่มอาชีพ รวม 206 คนว่า รู้ทั้งรู้ว่าตนเองไม่มีคุณสมบัติครบถ้วนด้านความรู้ ความเชี่ยวชาญ และประสบการณ์ตามที่กฎหมายกำหนด (ไม่น้อยกว่า 10 ปี) แต่ยังคงลงสมัคร
นอกจากนี้ ยังถูกกล่าวหาว่ามีพฤติการณ์จัดทำ จัดให้ เสนอให้ ทรัพย์สิน หรือผลประโยชน์อื่นใดเพื่อจูงใจให้ผู้อื่นสมัคร ถอนการสมัคร หรือเพื่อจูงใจให้ผู้สมัครลงคะแนนหรือไม่ลงคะแนนให้แก่ผู้ใด รวมถึงเรียกรับเงินหรือผลประโยชน์สำหรับการเลือกหรือไม่เลือกผู้สมัคร ซึ่งเข้าข่ายฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 13 (3) ถึง (20), มาตรา 74, มาตรา 77 (1) และมาตรา 81
กกต. ชี้ไร้หลักฐานรองรับ – ผู้ร้องไม่ให้ถ้อยคำ
อย่างไรก็ตาม จากการไต่สวนของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวน กกต. พบว่า ผู้ร้องไม่ประสงค์จะให้ถ้อยคำเพิ่มเติมประกอบคำร้อง แม้จะถูกเชิญให้มาให้ถ้อยคำถึง 2 ครั้งก็ตาม ส่งผลให้ข้อเท็จจริงตามคำร้องขาดพยานหลักฐานสนับสนุนอย่างมีน้ำหนัก
ในทางกลับกัน ผู้สมัครที่ถูกร้องทั้ง 206 ราย ได้ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ตนเองลงสมัครด้วยความประสงค์ส่วนตัว มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้ามตามกฎหมาย และมีความรู้ความเชี่ยวชาญในด้านที่สมัครไม่น้อยกว่า 10 ปีจริง โดยมีบุคคลลงลายมือชื่อรับรองความรู้ความเชี่ยวชาญให้
แม้พยานไต่สวนประกอบบางรายจะยอมรับว่าไม่ทราบแน่ชัดว่าผู้สมัครบางคนประกอบอาชีพในกลุ่มที่สมัครมานานเท่าใด หรือมีคุณสมบัติตรงตาม กกต. กำหนดหรือไม่ แต่ส่วนใหญ่ยืนยันว่ารู้จักผู้สมัครว่าประกอบอาชีพทำนาหรือเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ จึงได้ลงลายมือชื่อรับรองให้
ตรวจสอบธุรกรรมการเงินไม่พบพิรุธ
ประเด็นสำคัญคือ จากการตรวจสอบธุรกรรมทางการเงินของผู้สมัคร ไม่พบข้อมูลที่น่าสงสัยหรือน่าเชื่อว่าเกี่ยวข้องกับการกระทำผิดกฎหมายเลือก สว. แต่อย่างใด
สำหรับข้อกล่าวหาเรื่องการจัดตั้งกลุ่มมาสมัครเพื่อตกลงลงคะแนนให้แก่ผู้สมัครในกลุ่มเดียวกันนั้น ผู้ถูกร้องทั้ง 206 รายยืนยันว่า ลงสมัครตามความประสงค์ของตนเอง ไม่เคยชักชวนใครมาสมัคร ไม่เคยได้รับค่าตอบแทนหรือประโยชน์อื่นใด ไม่มีการจ้างให้มาสมัครหรือให้ลงคะแนนให้ใคร และออกค่าใช้จ่ายในการสมัครเองทั้งหมด
นอกจากนี้ พยานประกอบการไต่สวน ซึ่งเป็นกรรมการชุมชนและผู้รับรองคุณสมบัติผู้สมัคร ก็ให้ถ้อยคำสอดคล้องกันว่า ไม่ทราบเรื่องการให้เงินหรือผลประโยชน์เพื่อจูงใจให้สมัครรับเลือก สว. เช่นกัน
ด้วยเหตุนี้ เมื่อไม่ปรากฏพยานหลักฐานอื่นใดที่ยืนยันได้ว่ามีการฝ่าฝืนกฎหมายตามข้อกล่าวหา กกต. จึงมีคำวินิจฉัยว่า ข้อเท็จจริงรับฟังไม่ได้ว่าผู้ถูกร้องทั้ง 206 คน ได้กระทำการฝ่าฝืน พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 ตามที่ถูกกล่าวหา จึงเป็นอันยกคำร้องในคดีนี้


