93 ปีประชาธิปไตยไทย : จากวันเปลี่ยนแปลงสู่ทางที่ยังไม่สิ้นสุด
นับจาก 24 มิ.ย. 2475 วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง พาย้อนรอยประวัติศาสตร์ ไทยเปลี่ยนจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์ เป็นประชาธิปไตย เราเดินทางแล้ว 93 ปี และเหมือนจะยังไม่สิ้นสุด
ย้อนรอย 93 ปี หลัง 24 มิถุนายน 2475 ประเทศไทยเปลี่ยนผ่านจากสมบูรณาญาสิทธิราชย์สู่ประชาธิปไตย แม้โครงสร้างพื้นฐานจะพัฒนา แต่การเมืองยังคงผันผวน เหตุใดจึงเกิดรัฐประหารบ่อยครั้ง?
93 ปี ประชาธิปไตยไทย: จาก 24 มิถุนายน 2475 สู่ปัจจุบันที่ยังคงเปลี่ยนผ่าน
วันที่ 24 มิถุนายน ของทุกปี เป็นวันที่ถูกจารึกไว้ในประวัติศาสตร์ชาติไทยในฐานะ "วันเปลี่ยนแปลงการปกครอง" จากระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์มาสู่ระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข เหตุการณ์สำคัญเมื่อปี พ.ศ. 2475 โดย "คณะราษฎร" ได้วางรากฐานการเมืองการปกครองแบบใหม่ให้กับสยามประเทศ และหากนับจากวันนั้นจนถึงวันที่ 24 มิถุนายน พ.ศ. 2568 ประเทศไทยได้ก้าวเดินบนเส้นทางประชาธิปไตยมาแล้วรวม 93 ปี
การเดินทางของการเมืองไทย: ความพยายามที่ไม่หยุดนิ่ง
หลังการเปลี่ยนแปลงการปกครองในปี พ.ศ. 2475 การเมืองไทยได้เข้าสู่ยุคใหม่ที่มีความท้าทายอย่างมาก คณะราษฎร ซึ่งเป็นผู้ริเริ่มการปฏิวัติ มีบทบาทนำในการบริหารประเทศในช่วง 15 ปีแรก พวกเขาได้พยายามสร้างระบบรัฐสภาและวางรากฐานของรัฐธรรมนูญ แต่เส้นทางประชาธิปไตยก็ไม่ได้ราบรื่นอย่างที่คิด เห็นได้ชัดจากการรัฐประหารครั้งแรกในเดือนเมษายน พ.ศ. 2476 ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของวงจรรัฐประหารที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่าในประวัติศาสตร์ไทย
ตลอดระยะเวลากว่าเก้าทศวรรษที่ผ่านมา แม้การเมืองไทยจะเผชิญกับความวุ่นวายและการเปลี่ยนผ่านหลายครั้ง แต่ฐานของความเป็นประชาธิปไตยก็ค่อยๆ ขยายตัวมากขึ้น แม้จะมีการปราบปรามการเคลื่อนไหวของประชาชนหรือการยุบพรรคการเมืองอยู่บ่อยครั้งก็ตาม สิ่งเหล่านี้สะท้อนถึงความพยายามของประชาชนและภาคส่วนต่างๆ ในการผลักดันให้ประชาธิปไตยหยั่งรากลึกในสังคมไทย
ภาพประเทศไทยในอดีตและปัจจุบัน: การพัฒนาที่ไม่หยุดยั้ง
เมื่อย้อนกลับไปในปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทย (ขณะนั้นคือสยาม) ยังคงอยู่ภายใต้ระบอบสมบูรณาญาสิทธิราชย์ อำนาจทั้งหมดอยู่ที่พระมหากษัตริย์ ประชาชนยังไม่มีส่วนร่วมในการบริหารประเทศ และแม้จะมีระบบเศรษฐกิจแบบตลาดเสรี แต่ประเทศก็เผชิญกับภาวะอ่อนแอทั้งด้านเศรษฐกิจและการเมือง
แต่ในปัจจุบัน ประเทศไทยได้มีการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานอย่างก้าวกระโดด สิ่งเหล่านี้เป็นเครื่องบ่งชี้ถึงความก้าวหน้าของประเทศในหลายมิติ ไม่ว่าจะเป็น
- ระบบคมนาคมขนส่ง : มีการขยายและพัฒนาสนามบิน ท่าเรือ และโครงข่ายถนนอย่างต่อเนื่อง เพื่อรองรับการเดินทางและการขนส่งสินค้า
- พลังงาน : โครงข่ายพลังงานได้รับการพัฒนาให้ทันสมัยและครอบคลุม เพื่อตอบสนองความต้องการของประชาชนและภาคอุตสาหกรรม
- ระบบประปา : มีการขยายโครงข่ายระบบประปาสู่พื้นที่ต่างๆ โดยเฉพาะในชนบทและพื้นที่เศรษฐกิจ เพื่อให้ประชาชนเข้าถึงน้ำสะอาดได้อย่างทั่วถึง
- โครงสร้างพื้นฐานดิจิทัล : รัฐบาลและภาคเอกชนได้ลงทุนในการพัฒนาโครงข่ายและระบบดิจิทัล เพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจและสังคมในยุคดิจิทัล
รัฐธรรมนูญและการเมืองที่ยังคงสั่นคลอน
นับตั้งแต่ปี พ.ศ. 2475 ประเทศไทยได้มีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญและธรรมนูญการปกครองแผ่นดินมาแล้วหลายฉบับ ซึ่งการเปลี่ยนแปลงรัฐธรรมนูญแต่ละครั้งมักจะเกิดขึ้นหลังจากการรัฐประหาร สะท้อนให้เห็นถึงความไม่มั่นคงและความผันผวนทางการเมืองของไทยตลอดหลายทศวรรษ
ทำไมการเมืองไทยจึงยังไม่นิ่ง? สาเหตุของการรัฐประหาร
การเกิดรัฐประหารบ่อยครั้งในประเทศไทยมีสาเหตุที่ซับซ้อนและเชื่อมโยงกันหลายประการ ได้แก่
- ความขัดแย้งของชนชั้นนำ: การช่วงชิงอำนาจระหว่างกลุ่มอำนาจเก่า กลุ่มการเมือง และกลุ่มทุนต่างๆ ที่ต้องการเข้ามามีบทบาทในการบริหารประเทศ
- ปัญหาประสิทธิภาพและการทุจริตของรัฐบาลพลเรือน: หลายครั้งกองทัพอ้างเหตุผลเรื่องการทุจริตคอร์รัปชัน การใช้อำนาจในทางที่ผิด หรือการบริหารประเทศที่ไม่มีประสิทธิภาพ เป็นสาเหตุในการเข้ายึดอำนาจ
- ความไม่พอใจในหมู่กองทัพ: โดยเฉพาะเมื่อมีนโยบายหรือการกระทำที่ส่งผลกระทบต่อสถาบันทหาร หรือเมื่อเกิดความรู้สึกว่าสถาบันชาติถูกคุกคาม
- ความไม่สงบเรียบร้อยภายในประเทศ: การชุมนุมประท้วงทางการเมืองที่รุนแรง การสร้างความแตกแยกในสังคม หรือการใช้สื่อเป็นเครื่องมือในการปลุกปั่นความขัดแย้ง ก็เป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่มักถูกอ้างถึง
- การบ่อนทำลายกลไกตรวจสอบทางการเมือง: เมื่อรัฐบาลหรือผู้มีอำนาจพยายามแทรกแซงกลไกการตรวจสอบ ถือเป็นสัญญาณอันตรายที่นำไปสู่ความขัดแย้งที่รุนแรงได้
การเดินทางของประชาธิปไตยไทยตลอด 93 ปีที่ผ่านมา เป็นเรื่องราวที่เต็มไปด้วยความท้าทาย บทเรียน และความหวัง แม้จะยังไม่มั่นคงเต็มที่ แต่ก็สะท้อนให้เห็นถึงการต่อสู้ดิ้นรนของคนไทยในการแสวงหาการปกครองที่เป็นของประชาชนอย่างแท้จริง


