จับตาปรับ ครม.แพทองธาร2 เกมจัดสรรอำนาจก่อนศึกเลือกตั้งใหญ่

การปรับคณะรัฐมนตรีรอบใหม่กำลังใกล้เข้ามา ท่ามกลางแรงกดดันจากพรรคร่วมรัฐบาล และเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของแต่ละพรรคที่หวังใช้ ครม. ชุดใหม่เป็นจุดเริ่มต้นสู่ชัยชนะในการเลือกตั้งครั้งหน้า

การปรับ ครม. ที่ชะลอตัวและเบื้องหลังความล่าช้า

แม้มีการคาดการณ์ว่าจะเกิดการปรับคณะรัฐมนตรีก่อนกลางเดือนมิถุนายน 2568 แต่ความเคลื่อนไหวยังล่าช้ากว่ากำหนด โดยสาเหตุหลักเกิดจากการต่อรองภายในรัฐบาลผสม ซึ่งทุกพรรคต้องการมีบทบาทกำหนดอนาคตทางการเมือง โดยเฉพาะ “พรรครวมไทยสร้างชาติ” (รทสช.) ที่ยังไม่มีความชัดเจนทั้งในเชิงยุทธศาสตร์และตัวบุคคล จนกลายเป็นเงื่อนไขสำคัญที่ถ่วงกระบวนการทั้งหมดไว้

ยุทธศาสตร์เพื่อไทย: เร่งเกม–ยึด "มหาดไทย"

พรรคเพื่อไทย แสดงจุดยืนชัดเจนในการผลักดันให้มีการปรับ ครม. โดยเร็ว โดยมีเป้าหมายหลักคือ กระทรวงมหาดไทย ซึ่งเป็นกลไกสำคัญในการควบคุมกลไกราชการท้องถิ่น ขณะเดียวกันยังตั้งเป้าเพิ่มจำนวน ส.ส. ในการเลือกตั้งครั้งหน้าให้ได้ถึง 200 ที่นั่ง เพื่อเสริมอำนาจต่อรองและความมั่นคงของรัฐบาล

 

การปรับ ครม. ครั้งนี้ ไม่ใช่แค่ “คนใน”

กระแสข่าวชี้ว่าการเปลี่ยนแปลงใน ครม. ครั้งนี้ อาจมี “คนนอก” ที่ไม่ได้เป็น ส.ส. หรือสมาชิกพรรค เข้ามารับตำแหน่งรัฐมนตรี ผ่านพรรคใหม่อย่าง “โอกาสใหม่” ซึ่งถูกมองว่าเป็นเวทีทางเลือกของ ส.ส. กลุ่มแตกตัวจาก รทสช.

ผลกระทบต่อพรรคร่วม

ภูมิใจไทย: อาจเสียตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และถูกผลักดันไปอยู่ในกระทรวงรอง เช่น การท่องเที่ยวฯ แม้จะไม่พอใจ แต่แนวโน้มคือจะรักษาเก้าอี้ใน ครม. ไว้

รวมไทยสร้างชาติ: มีโอกาสถูก “ลดบทบาท” จนไม่เหลือโควตาใน ครม. โดย ส.ส. บางรายอาจย้ายค่ายไปสังกัดพรรคใหม่

ประชาธิปัตย์: กระแสระบุว่า รัฐมนตรีสายแพทย์จากพรรค อาจถูกย้ายไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีช่วยมหาดไทย

ว่าที่รัฐมนตรี: ใครจะไป ใครจะมา

กระทรวงมหาดไทย: “ประเสริฐ จันทรวงทอง” (เพื่อไทย) ตัวเต็ง

กระทรวงดีอี: “จักรพงษ์ แสงมณี” ได้รับแรงสนับสนุนจากอดีตนายกรัฐมนตรีหลายคน

ศึกษาธิการ / พาณิชย์: “อนุทิน ชาญวีรกูล” อยู่ระหว่างการพิจารณา

พลังงาน: “สุพัฒนพงษ์ พันธ์มีเชาว์” และ “จตุพร บุรุษพัฒน์” มีชื่อถูกเสนอ โดยรายหลังอาจเป็นผู้นำพรรคใหม่

อุตสาหกรรม: “อรรถกร ศิริลัทธยากร” เป็นผู้มีศักยภาพ

พาณิชย์: พรรคเพื่อไทยยังไม่เคาะชื่อสุดท้าย

เส้นตายหรือแค่เส้นขีด?

กำหนดเดิมคาดว่าจะปรับ ครม. ก่อนวันที่ 13 มิถุนายน 2568 แต่หากข้อพิพาทกับ รทสช. ไม่จบ อาจต้องเลื่อนอีก โดยทั้งกระบวนการนี้ถูกมองว่าเป็นการจัดกระบวนทัพครั้งสำคัญ เพื่อเตรียมรับศึกเลือกตั้งใหญ่ที่กำลังจะมาถึง.

ที่มา เนื้อหาประกอบข่าว เนชั่นสุดสัปดาห์