“แพทองธาร” จับมือเวียดนาม มุ่งรับมือความเปลี่ยนแปลงของโลก

นายกรัฐมนตรีแพทองธาร ชินวัตร นำคณะรัฐมนตรีไทยเยือนเวียดนามอย่างเป็นทางการครั้งแรก พร้อมประสบความสำเร็จในการประชุมร่วมนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีอย่างไม่เป็นทางการไทย-เวียดนาม (Joint Cabinet Retreat - JCR) ครั้งที่ 4 ณ ทำเนียบรัฐบาลเวียดนาม กรุงฮานอย

 

การประชุมครั้งสำคัญนี้มีขึ้นท่ามกลางความท้าทายของภูมิรัฐศาสตร์โลกที่กำลังเปลี่ยนแปลง โดยนายฝ่าม มิงห์ จิ๋งห์ นายกรัฐมนตรีเวียดนาม กล่าวชื่นชมว่าการเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่เหมาะสม เนื่องจาก "ระเบียบโลกรูปแบบเดิมกำลังจางหายไป ขณะที่ระเบียบโลกใหม่ก็ยังไม่ชัดเจน" ทำให้สองประเทศต้องร่วมมือกันอย่างรอบด้าน

 

ข้อตกลงจากการประชุม

 

การประชุม JCR ซึ่งเป็นกลไกพิเศษเฉพาะระหว่างไทยกับเวียดนามที่ริเริ่มโดยอดีตนายกรัฐมนตรีทักษิณ ชินวัตร และสานต่อโดยอดีตนายกรัฐมนตรียิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้บรรลุข้อตกลงสำคัญหลายประการใน 3 เสาหลัก:

1. ความร่วมมือด้านการเมืองและความมั่นคง

 

จัดทำ "แผนปฏิบัติการภายใต้หุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน" ภายในปีนี้

จัดตั้งกลไกการปรึกษาหารือระดับสูงระหว่างผู้บัญชาการทหารสูงสุดของทั้งสองประเทศ

เร่งรัดความร่วมมือต่อต้านอาชญากรรมข้ามชาติ โดยเฉพาะแก๊งคอลเซ็นเตอร์ ยาเสพติด และการทำประมงผิดกฎหมาย

 

2. ความร่วมมือด้านเศรษฐกิจ

 

ผลักดันให้บรรลุเป้าหมายการค้าทวิภาคี 25,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ โดยเร็ว

เร่งรัดการเจรจาเปิดตลาดสินค้าเกษตรและปศุสัตว์ระหว่างกัน

สนับสนุนการขนส่งผลไม้ไทยข้ามพรมแดนเวียดนามเพื่อส่งออกไปยังจีน

ขยายระบบการชำระเงินผ่าน QR Code เพื่ออำนวยความสะดวกทางการค้าและการท่องเที่ยว

เพิ่มการลงทุนของไทยในเวียดนามในสาขาที่มีศักยภาพ เช่น การเกษตร โลจิสติกส์ และค้าปลีก

 

3. ความร่วมมือด้านสังคมและประชาชน

 

ผลักดันแนวคิด "6 ประเทศ 1 เป้าหมายการท่องเที่ยว" เพื่อเชื่อมโยงการท่องเที่ยวในภูมิภาค

ส่งเสริมการท่องเที่ยวทางรถยนต์ จักรยานยนต์ และเรือสำราญระหว่างสองประเทศ

เพิ่มเที่ยวบินตรงระหว่างเวียดนามกับจังหวัดในภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย

พัฒนาทรัพยากรมนุษย์ในสาขาเทคโนโลยีสมัยใหม่ เช่น STEM, AI และเซมิคอนดักเตอร์

 

นายกรัฐมนตรีแพทองธารแสดงความชื่นชมต่อการพัฒนาอย่างรุดหน้าของเวียดนาม และกล่าวว่ารัฐบาลไทยให้ความสำคัญกับการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ พร้อมแสดงความสนใจในโมเดลการพัฒนา "คน" ของเวียดนาม

 

ในช่วงท้ายของการประชุม นายกรัฐมนตรีแพทองธารได้มอบหมายให้หน่วยงานของทั้งสองประเทศนำผลการประชุมไปดำเนินการอย่างเร่งด่วน เพื่อ "เปิดศักราชใหม่ของความเป็นหุ้นส่วนยุทธศาสตร์รอบด้าน" และ "ร่วมกันเสริมสร้างเสถียรภาพ ความเจริญรุ่งเรือง และความมั่นคงในภูมิภาค"