ธุรกิจดำน้ำ จำเลยทำลายปะการัง
...ณรรธราวุธ เมืองสุข
ปัญหาปะการังฝั่งอันดามันฟอกขาวกว่า 90% จนกรมอุทยานแห่งชาติได้ประกาศปิดจุดดำน้ำชมปะการังตามหมู่เกาะต่างๆ ใน จ.พังงา ภูเก็ต และกระบี่ ซึ่งในส่วนของ จ.กระบี่ ได้ประกาศปิดจุดดำน้ำบริเวณหมู่เกาะพีพี ธุรกิจดำน้ำดูเหมือนจะเป็นจำเลยที่ถูกตั้งคำถามว่า อาจเป็นสาเหตุการทำลายปะการัง
ชาวบ้านบนหมู่เกาะพีพี เปิดเผยว่า ปัญหาผลกระทบกับแนวปะการังของเกาะพีพีนั้นมีมานานแล้ว ซึ่งเกิดจากบริษัทประกอบการธุรกิจดำน้ำขาดความรับผิดชอบ โดยเฉพาะผู้ประกอบการนำเที่ยวดำน้ำตื้น นำนักท่องเที่ยวจำนวนมากขึ้นเรือไปดำน้ำแล้วจอดทิ้งสมอลงบนแนวปะการัง และไม่เข้มงวดเรื่องกฎระเบียบกับนักท่องเที่ยว ซึ่งไปเหยียบย่ำแนวปะการังจนแตกหักและทิ้งขยะในบริเวณนั้นด้วย
“
ในแต่ละปีชาวเกาะพีพีและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องต้องนำเรือออกไปเก็บขยะกลับขึ้นมาทำลายได้เป็นจำนวนมาก ผลกระทบจากภาวะโลกร้อนหรือกระแสน้ำอุ่นในทะเลเป็นเพียงตัวกระตุ้นให้เกิดการฟอกขาวเร็วขึ้น แต่สาเหตุจริงๆ มาจากความไร้จิตสำนึกของผู้ประกอบการและนักท่องเที่ยวมากกว่า” ความรู้สึกของชาวบ้านที่สะท้อนออกมาเขาบอกว่า โดยส่วนใหญ่ธุรกิจนำเที่ยวดำน้ำชมปะการังที่เข้ามาในเกาะพีพีจะเดินทางมาจาก จ.ภูเก็ต เนื่องจากแถบภูเก็ตแนวปะการังไม่สวยงามเท่ากับเกาะพีพีและมีจำนวนน้อย แม้ว่าเกาะพีพีจะมีทุ่นกว่า 50 ทุ่น ไว้ให้ผูกเรือ แต่ปัจจุบันเหลือทุ่นอยู่น้อยมาก เพราะเรือหลายลำได้นำทุ่นกลับไปด้วย จึงขอเรียกร้องให้กลุ่มผู้ประกอบการธุรกิจการท่องเที่ยวแสดงความรับผิดชอบมากกว่านี้
สุชาติ จันทรวงศ์ ครูสอนดำน้ำหมู่เกาะสิมิลัน จ.พังงา ซึ่งสอนการดำน้ำแบบสคูบาหรือดำน้ำลึก ซึ่งเน้นเรื่องการชมความงดงามและอนุรักษ์ทรัพยากรใต้ทะเล แต่ปัญหาที่เกิดขึ้นโดยมากมาจากการดำน้ำที่ผิวน้ำ หรือ Skill Drive ซึ่งนำนักท่องเที่ยวเข้ามาเป็นจำนวนมากแล้วขาดความเข้มงวดเรื่องกฎระเบียบ
“
ทำให้นักท่องเที่ยวเข้าไปเหยียบทำลายแนวปะการัง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากเกาหลี ญี่ปุ่น และไต้หวัน จะขึ้นชื่อเรื่องความซุกซน ไม่ค่อยมีจิตสำนึกเรื่องการอนุรักษ์ธรรมชาติ ผู้ประกอบการธุรกิจนำเที่ยวต่างๆ ควรเข้มงวดกวดขันมากกว่าเดิม เพื่อระมัดระวังผลกระทบกับธรรมชาติประพฤทธิ์ ข้อเพชร นายกสมาคมผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดพังงา กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจท่องเที่ยวส่วนใหญ่มีความรับผิดชอบต่อทรัพยากรธรรมชาติ เพราะธุรกิจต้องอิงกับธรรมชาติอยู่แล้ว ตอนนี้ยังมีบางส่วนของแหล่งดำน้ำตื้นที่นักท่องเที่ยวยังสามารถเข้าไปชมความงามได้ และการที่กรมอุทยานฯ ได้ประกาศปิดจุดดำน้ำต่างๆ ก็เป็นโอกาสที่ดีที่จะได้เปิดแหล่งท่องเที่ยวใหม่ๆ ของ จ.พังงา เช่น เกาะตาชัย เป็นต้น
“
กรมอุทยานแห่งชาติน่าจะมีข้อบังคับสำหรับเรือสปีดโบตนำนักท่องเที่ยวไปดำน้ำให้ใช้เครื่องยนต์สี่จังหวะ เพราะกระทบกับสิ่งแวดล้อมน้อยกว่า และหากขอความร่วมมือผู้ประกอบการท่องเที่ยว หรือให้นักดำน้ำเข้าไปซ่อมแซมก็ยินดี เพื่อให้ปะการังได้ฟื้นตัวเร็วขึ้น”อิทธิฤทธิ์ กิ่งเล็ก นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวจังหวัดกระบี่ กล่าวว่า ผู้ประกอบการธุรกิจดำน้ำส่วนใหญ่มีจิตสำนึก ซึ่งการทิ้งขยะของนักท่องเที่ยวหรือการทำลายแนวปะการังมีเพียงส่วนน้อยเท่านั้น ซึ่งเป็นความพลั้งเผลอมากกว่าจงใจ


