เปิดมุมมอง คำนูณ ในวันนับถอยหลังสว. กับ นวัตกรรมใหม่ เลือกเฟ้นว่าที่200สว.
250สว.ทำงานร่วมกันมา5ปี กำลังจะหมดวาระอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า คำนูณ สิทธิสมาน สว. เปิดใจถึงเสียงวิจารณ์ต่างๆ ไปจนถึงมุมมอง การสรรหา200สว.ชุดใหม่ มีการคัดเลือกกันเองจาก 20 กลุ่ม ตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ อันถือเป็นนวัตกรรมใหม่ทางการเมือง ที่กำลังจะเกิดขึ้น
250 สมาชิกวุฒิสภา(สว.) ตามบทเฉพาะกาลรัฐธรรมนูญ2560 ในชุดสรรหา กำลังจะหมดวาระลงในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้า ปฏิเสธไม่ได้ ห้วงเวลาที่ผ่านมา สว.เจอเสียงวิจารณ์หนักหนาจากภาคการเมืองฝ่ายตรงข้าม สังคมบางส่วน โดยเฉพาะ ปมประเด็นการทำหน้าที่ และการมีส่วนร่วมในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี ที่มีส่วนร่วมในการโหวตถึง 2 ครั้ง ในสมัยการเลือกนายกฯเมื่อปี2562 และ 2566
'คำนูณ สิทธิสมาน' หนึ่งในสว.ที่ได้ร่วมทำหน้าที่ร่วมกับเพื่อนสว.คนอื่นๆทั้ง 250 คน เจอมรสุมต่างๆประเด ประดังเข้ามา ได้มาสะท้อนมุมมองต่างๆกับ 'โพสต์ทูเดย์' ถึงห้วงเวลาการทำงาน การมอบอำนาจ บทบาทพิเศษให้สว.ชุดนี้ ตลอดจน กระบวนการสรรหาสว.ชุดใหม่ ที่จะเริ่มนับหนึ่งทันที หลังจาก สว.ชุดเดิมพ้นวาระไปในวันที่ 11พ.ค.67 ที่มีการคัดเลือกกันเองจาก 20 กลุ่ม ผ่านการคัดสรรตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ จนเหลือ 200 สว. จะเป็นอย่างไรกันบ้าง ตามสายตา คำนูณ
มุมมองการทำหน้าที่สว.ในช่วงที่ผ่านมา
สว.ชุดแรก ได้เข้ามาปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญพ.ศ.2560 มีลักษณะพิเศษแตกต่างจากทุกยุค เพื่อให้เป็นไปตามบทเฉพาะกาลของรัฐธรรมนูญ2560 มีหน้าที่ มีอำนาจ ร่วมโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร(สส.) ซึ่งไม่เคยมีมาก่อน ซึ่งสว.ชุดใหม่ที่จะเข้ามา จะไม่มีอำนาจตรงนี้
อำนาจโหวตเลือกนายกฯ เป็นเหมือนดาบ 2 คม 1.ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ อยากให้ ระยะเริ่มแรก บังคับใช้ช่วงรอยต่ออำนาจเบ็ดเสร็จ กับ อำนาจที่มาจากการเลือกตั้ง เป็นระยะเปลี่ยนผ่าน ต้องการให้แผนปฏิรูปประเทศ เป็นไปอย่างต่อเนื่อง เลยเขียนหน้าที่ อำนาจให้สว.ชุดนี้
ดาบอีกคมคือ สว.ชุดแรกตามรัฐธรรมนูญ เลยถูกมองแง่ลบ โดนโจมตีตั้งแต่ยังไม่ทันได้ทำงานว่า เป็นเครื่องมือในการสืบทอดอำนาจคสช.หรือไม่ จากเสียงโจมตี เราก็ต้องยอมรับความจริง จากที่ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ เขียนไว้แบบนี้ มีผลกระทบทั้งผู้เห็นด้วย ไม่เห็นด้วย
ไม่ใช่แค่อำนาจในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเท่านั้น ที่สว.ชุดนี้มี ยังมีอำนาจที่เพิ่มเข้ามา อำนาจติดตามเร่งรัดเสนอแนะต่อการปฏิรูปประเทศ และอำนาจร่วมพิจารณาร่างพระราชบัญญัติที่เกี่ยวกับการปฏิรูปประเทศ ที่รัฐธรรมนูญกำหนดให้พิจารณาร่วมกันในที่ประชุมร่วมรัฐสภา เป็นอำนาจพิเศษ 3 ประการ ซึ่งสว.ชุดต่อไป ไม่มีอำนาจตรงนี้ แม้แผนการปฏิรูปประเทศ จะสิ้นสุดลงไปแล้วตั้งแต่ปลายปี 2565 ตามมติของคณะกรรมการยุทธศาสตร์ชาติ และมติครม.ในรัฐบาลประยุทธ์ จันทร์โอชา ดังนั้น สว.ชุดนี้ ถือเป็นสว.ชุดประวัติศาสตร์ที่ได้ใช้
ข้อเสนอแนะต่อการปฏิรูปประเทศ รัฐบาลได้นำไปปรับใช้มากน้อยเพียงใด
การปฏิรูปประเทศ กำหนดไว้ในรัฐธรรมนูญ2560 สว.ดำเนินการขับเคลื่อนอย่างเต็มที่ หลายเรื่องประสบความสำเร็จ หลายเรื่องยังไม่ประสบความสำเร็จ เช่น ร่างพระราชบัญญัติการศึกษาแห่งชาติ ยังไม่ผ่าน ถูกตีตกไป มองว่าเป็นเรื่องใหญ่ เรื่องการศึกษาแห่งชาติ เป็นพรบ. ที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ และได้เขียนไว้คู่กันกับ เรื่องตำรวจ ที่ทำไป จนได้มีกฎหมายตำรวจใหม่ ออกมาแล้ว
ยังมีเรื่องเกี่ยวกับเศรษฐกิจ มีพระราชบัญญัติว่าด้วยวินัยการเงิน การคลัง พ.ศ.2561 เมื่อมีกฎหมายดังกล่าวออกมา เป็นการสร้างกฎเกณฑ์ต่างๆ เกี่ยวกับการเงิน การคลังให้รัดกุม มีกฎเกณฑ์ชัดเจนมากขึ้น แตกต่างจากอดีต ตอนนี้ได้ส่งผลแล้ว เป็นต้นว่า การออกกฎหมายพิเศษกู้เงิน พรบ.มาตรา53 กำหนดกฎเกณฑ์ เอาไว้อย่างชัดเจน มีความเข้มข้น ถือเป็นบรรทัดฐาน
กระบวนการสรรหาสว.ชุดใหม่ จะกำลังจะเกิดขึ้นในอนาคต มีการแบ่งกลุ่มการเลือกจาก 20 กลุ่ม แต่ละสาขาอาชีพ ผ่านการคัดเลือกตั้งแต่ระดับอำเภอ จังหวัด มาถึงประเทศ กังวลว่าจะมีการ บล็อกโหวต
ถือเป็นนวัตกรรมใหม่ ไม่เคยใช้มาก่อน หากจะไปตีตนไปก่อน ดีหรือไม่ดี สำหรับผมได้รับฟังความเห็นทั้ง 2 ด้าน แต่ตามความเห็นส่วนตัว หากจะมีการบล็อกโหวต ไม่น่าจะทำได้ง่าย ไม่เพียงเฉพาะให้เลือกกันเองเท่านั้น ยังมีการเลือกข้ามกลุ่ม เมื่อไปดูกฎหมายการได้มาซึ่งสว. จะเห็นว่า ไม่ง่ายเลย ขั้นต้นเลือกกันเองในระดับอำเภอ จังหวัด ประเทศ อาจจะพอรู้จักกันบ้าง แต่พอได้ตัวแทนมาจำนวนหนึ่งแล้ว ต้องแบ่งเป็น 4 สาย มีการเลือกกันข้ามกลุ่ม ไม่มีทางรู้เลยว่า ใครจะไปอยู่สายไหน อย่างไรบ้าง และในระเบียบกกต.กำหนดไว้ชัด การสื่อสารถึงกันทำได้ยาก แต่ละระดับจะต้องเลือกกันให้เสร็จใน1 วัน
แต่ละคนไม่รู้ล่วงหน้ามาก่อน เราอาจเป็นตัวแทนฝ่ายเรา แต่ขณะเดียวกันก็ไม่รู้ว่าจะไปอยู่สายไหน มีตัวแทนจากสายไหน มาอยู่ร่วมกับเราบ้าง ถ้าจะล็อกได้ คงต้องส่งผู้สมัครจำนวนมหาศาล เรื่องนี้จึงยังสรุปไม่ได้ วิธีแบบนี้จะเป็นผลดีหรือผลเสีย ถือเป็นนวัตกรรมการเลือกตั้งที่ไม่เคยเกิดมาก่อน
รัฐธรรมนูญ2560 สร้างนวัตกรรมตั้งแต่การเลือกตั้งสส. ที่เป็นระบบบัตรใบเดียว ก่อนที่จะมีการแก้ไขกลับไป ส่วนการได้มาซึ่งสว. คงต้องเป็นไปภายใต้รัฐธรรมนูญ2560 ว่าด้วยการได้มาซึ่งสว. ที่จะมีการเลือกกันตั้งแต่เดือนพ.ค.2567 ส่วนจะดีหรือจะเสีย คงต้องติดตามไป ตอนนี้ก็มีกระแสจะแก้ไขรัฐธรรมนูญขนานใหญ่ ก็มีกระบวนการเรื่องนี้อยู่ แต่จะมีการแก้ไขในเรื่องนี้หรือไม่อย่างไร
สว.ยังปฏิบัติหน้าที่ถึงวันครบวาระ 11พ.ค.67
สว.ชุดนี้ยังอยู่ปฏิบัติหน้าที่ถึง 11พ.ค.67 จนกว่าจะมีสว.ชุดใหม่เข้ามา จนกว่าจะมีการปฏิญาณตน รัฐธรรมนูญได้กำหนดไว้ ไม่ให้เลือกสว.ชุดใหม่ก่อนที่สว.ชุดเดิมจะหมดวาระ คาดว่ากระบวนการเลือกน่าจะไม่เกิน2เดือน น่าจะไม่เกินเดือนกรกฎาคม2567
กระบวนการจะดีเลย์ได้อีก
ส่วนกระบวนการจะกินเวลาไปยาวนานหรือไม่ เมื่อเลือกไปแล้วหรือไม่ จะมีการร้องเรียนกันหรือไม่ อาจส่งผลให้การประกาศจากกกต.ล่าช้าหรือไม่ ยังไม่ทราบเหมือนกัน
ความคาดหวังที่จะให้มีสว.ที่มีความหลากหลายจาก 20 กลุ่มสาขาอาชีพ
คงได้สว.ที่มีความหลากหลาย แตกต่างจากสว.ชุดปัจจุบัน แต่ขออนุญาติแอบเป็นห่วง สว. หน้าที่สำคัญคือ การกลั่นกรองกฎหมายจากฝ่ายนิติบัญญัติ ที่มาจากสภาล่าง การแบ่งกลุ่มมาจาก 20 สาขาอาชีพ กฎหมาย ก็เป็นหนึ่งในกลุ่มในนั้น หมายความว่า จะมีตัวแทนแต่ละสาขาอาชีพ 10 คน แต่ละกลุ่มเข้าไปเท่านั้นเอง โดยร่างพระราชบัญญัติ ที่จะมาถึงสว.มีมากขึ้น ภาระการกลั่นกรองกฎหมายอาจใช้เวลาพอสมควร
ว่าที่200สว.มาใหม่ทั้งหมด ไม่มีชุดเก่าปะปน มาจาก 20 กลุ่มสาขาอาชีพ ข้อดี คือ มีความหลากหลาย แต่อีกข้อที่น่าพิจารณาคือ การกลั่นกรองกฎหมายเท่าที่มีประสบการณ์ จะน้อยไปหรือไม่ แต่มองแล้ว คงไม่มีปัญหา เพราะเรียนรู้ได้รวมทั้งสำนักเลขาวุฒิสภา ทำหน้าที่เป็นผู้ช่วย
สิ่งที่อยากจะฝากถึงสว.ชุดใหม่
ถือคติ ไม่ควรไปห่วงใยในอนาคตมากเกินไป เพราะว่าเวลาโอกาสของเราของสว.ช่วงที่ผ่านมา ทำหน้าที่เต็มที่ ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้ เราก็ต้องมั่นใจว่า คนที่จะเข้ามาด้วยวิธีที่แตกต่างจากเรา คงทำหน้าที่ดีที่สุดเช่นกัน อาจจะมีปัญหาตอนเริ่มต้น ขลุกขลักบ้าง เป็นธรรมดา วันแรกหรือคนที่มาเป็นสว.ที่ไม่เคยเป็นมาก่อน อาจจะงงๆบ้าง เมื่อเวลาผ่านไป เชื่อว่า ทุกคนเมื่อได้รับเกียรติให้เข้ามาทำหน้าที่ในสภาอันทรงเกียรติ ได้ทำหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ คงใช้เวลาไม่นานในการปรับตัว เพื่อที่จะปฏิบัติหน้าที่จนครบวาระไปอีก 5 ปีข้างหน้า
กระบวนการได้มาซึ่งสว.ชุดใหม่ 200 คน ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ คงจะได้เรียนรู้จากการเลือกที่เกิดขึ้น อาจมีทั้งข้อดี หรือข้อที่ควรปรับปรุงอย่างไรหรือไม่ รัฐธรรมนูญสามารถปรับปรุงแก้ไขได้ ประกอบกับช่วงเวลาที่มีการเรียกร้องให้แก้ไขรัฐธรรมนูญครั้งใหญ่หรือเขียนใหม่ทั้งฉบับ คงนำเอาบทเรียนจากการเลือกวสว.ชุดแรกไปประกอบการพิจารณาต่อไป ที่ผ่านมาการได้มาซึ่งสว. มีหลายรูปแบบ แต่งตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แต่งตั้งครึ่งหนึ่ง เลือกตั้งครึ่งหนึ่ง หรือ สรรหาเข้ามา หลายอย่างคงจะได้ประมวลเป็นการแสวงหาหนทางที่ดีที่สุด เพื่อให้ได้ตัวแทนของประชาชนที่สมบูรณ์ที่สุดต่อไป


