posttoday

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!

23 ธันวาคม 2568

Exclusive โพสต์ทูเดย์หามาให้ เจาะรายละเอียดมาตรฐานจาก อย. ปลดล็อกการขึ้นทะเบียน ATMP เน้นการประเมินความเสี่ยง 3 ระดับ จากอะไร ยาแบบไหนเข้าข่ายเสี่ยงต่ำ-กลาง-สูง

KEY

POINTS

  • อย. กำหนดแนวทางกำกับดูแลยา ATMP (ผลิตภัณฑ์ยาขั้นสูง) ใหม่ โดยแบ่งตามระดับความเสี่ยง 3 ระดับ คือ ต่ำ กลาง และสูง เพื่อให้เหมาะสมกับนวัตกรรมการรักษา
  • เกณฑ์การแบ่งความเสี่ยงพิจารณาจาก 3 ปัจจัยหลัก ได้แก่ แหล่งที่มาของเซลล์ (จากตนเองหรือผู้อื่น) ระดับการดัดแปลงเซลล์ และการตัดต่อดัดแปลงพันธุกรรม
  • แต่ละระดับความเสี่ยงจะมีข้อกำหนดในการควบคุมต่างกัน ตั้งแต่จัดเป็นหัตถการทางการแพทย์ (เสี่ยงต่ำ) ไปจนถึงต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาเต็มรูปแบบ (เสี่ยงสูง)

‘ATMP’ หรือ Advanced Therapy Medicinal Products คือ ผลิตภัณฑ์ยาเพื่อการบำบัดรักษาขั้นสูง พูดง่ายๆ คือ ‘ยาใหม่’ ที่มีทั้งวิธีการผลิตแตกต่างจากยาเดิมโดยสิ้นเชิง และได้รับการยอมรับจากทั่วโลกว่า จะเป็นนวัตกรรมทางการแพทย์ที่เข้ามาเปลี่ยนแปลงกระบวนการรักษาโรค

 

ล่าสุด ภายในงาน "Thailand ATMP Roadmap 2025” ซึ่งจัดขึ้นโดยกระทรวงสาธารณสุข ระหว่างวันที่ 22-23 ธันวาคม 2568

 

ทางสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา หรือ อย. หน่วยงานกำกับที่มีบทบาทสำคัญ เรียกง่ายๆ ว่า ‘ยา’ ตัวไหนจะได้ขึ้นทะเบียนและใช้ได้ ปลอดภัยจริง ต้องผ่านกระบวนการรับรองจากทางอ.ย. ได้ออกมาให้ข้อมูลสำคัญเกี่ยวกับยา ATMP

 

เภสัชกร มรกต ประภัสศิริพันธุ์ เภสัชกรชำนาญการ (กองยา)  ได้ให้นิยามว่า ATMP ของไทยอ้างอิงจากหน่วยงานของสหภาพยุโรป แบ่งผลิตภัณฑ์ออกเป็น 4 กลุ่มหลัก ได้แก่ เซลล์บำบัด ยีนบำบัด วิศวกรรมเนื้อเยื่อ และผลิตภัณฑ์ผสมหรืออื่นๆ

 

แม้ว่า ATMP จะเป็นยา แต่ถือว่าเป็นยาชนิดใหม่ ที่เปลี่ยนวิธีคิดของระบบสาธารณสุข กล่าวคือ

 

รักษาที่สาเหตุ เปลี่ยนจากการรักษาตามอาการของโรคเรื้อรังหรือโรคหายากมาเป็นการรักษาให้หายขาดได้ด้วยการรับการรักษาเพียงครั้งเดียว

 

และเป็น ‘อุตสาหกรรมยุทธศาสตร์ระดับโลก’ นั่นคือ ประเทศที่สามารถกำกับดูแล ATMP ได้รวดเร็วและปลอดภัย จะได้เปรียบทั้งในเชิงสุขภาพและเศรษฐกิจระดับโลก

 

 

“ ATMP ส่วนมากมาจากเซลล์ที่มีชีวิต ขณะที่ยาแผนปัจจุบันอย่างเช่น ยาเม็ด ยาน้ำที่เรารู้จักเป็นสารเคมี .. ATMP ส่วนมากจะเป็นการผลิตสำหรับคนไข้เฉพาะราย จึงมีความแตกต่างในเรื่องของความเสถียรของยา และความเสี่ยงที่ไม่คงที่”

 

 

เมื่อเป็นเช่นนี้ กฎเกณฑ์การควบคุมจึงต้องเปลี่ยน ดยใช้การกำกับตามความเสี่ยงผลิตภัณฑ์เป็นเกณฑ์ ซึ่งจะแบ่งออกเป็น ความเสี่ยงต่ำ กลาง และเสี่ยงสูง

 

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!

 

ภายหลังเภสัชกรมรกต ได้ให้ข้อมูลกับ โพสต์ทูเดย์ เพิ่มเติม ถึงเกณฑ์ในการแบ่งความเสี่ยงผลิตภัณฑ์ดังกล่าว ซึ่งจะมีผลโดยตรงต่อการควบคุมการผลิต และการขึ้นทะเบียน  ดังนี้

 

เกณฑ์การแบ่งความเสี่ยง

 

เป็นการเอา JP Safety Act (Class 1–3) ของประเทศญี่ปุ่นมาปรับเข้ากับเกณฑ์ที่ประเทศไทยจัดทำขึ้นใหม่ โดยดู 3 เรื่องหลัก ได้แก่

  • แหล่งเซลล์  Autologous / Allogeneic
  • ระดับการดัดแปลง  Minimal vs More-than-minimal (GTP vs GMP)
  • การดัดแปลงจีโนม  Gene-edited vs Not gene-edited

 

จึงแบ่ง ATMP ได้เป็นความเสี่ยง 3 ระดับ ได้แก่

 

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!

 

Low Risk – Class 3 (ความเสี่ยงต่ำ)

 

ได้แก่  Minimal Manipulated Products (Autologous) หรือ ผลิตภัณฑ์ทางการแพทย์ที่ได้จาก เซลล์หรือเนื้อเยื่อของผู้ป่วยเอง (autologous) และผ่านการ ปรับแต่งหรือจัดการให้น้อยที่สุด (minimal manipulation) ก่อนนำกลับมาใช้รักษาในคนเดิม

 

เกณฑ์หลัก คือ

  • ใช้ เซลล์จากตัวผู้ป่วยเอง (autologous)
  • ผ่านกระบวนการ minimal manipulation เช่น ล้าง, ตัด, แยก, เก็บรักษา โดยไม่เปลี่ยนคุณสมบัติทางชีวภาพ/หน้าที่หลักของเซลล์ 
  • Homologous use ใช้เพื่อทำหน้าที่เหมือนเดิม เช่น เซลล์ผิวหนังรักษาผิวหนัง
  • หรือ Non-homologous use แต่ยังเป็นการใช้ในผู้ป่วยรายนั้นๆ ภายใต้บริบทหัตถการทางการแพทย์ (medical practice ใน รพ.)

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์ ที่ใช้ได้ ได้แก่

  • การปลูกถ่ายผิวหนังอัตโนมัติที่เตรียมเพียงล้าง/ตัดแต่ง
  • การปลูกถ่ายไขกระดูก/สเต็มเซลล์เม็ดเลือดอัตโนมัติที่แค่คัดแยกเบื้องต้น
  • การใช้ adipose-derived cells (เซลล์ที่ได้มาจากเนื้อเยื่อไขมัน) ที่เตรียมโดยวิธีที่ไม่เปลี่ยนคุณสมบัติทางชีวภาพ/หน้าที่หลักของเซลล์ (minimal manipulation) เพื่อซ่อมแซมเนื้อเยื่อในผู้ป่วยรายเดียว (ขึ้นกับวิธีใช้ว่าจะถือเป็น Homologous use หรือ/ non-homologous use )

 

 

กรอบกฎหมายที่อ้างอิง ได้แก่

  • ญี่ปุ่น  ASRM Class 3 เทคโนโลยีทางเวชศาสตร์ฟื้นฟู (Regenerative medicine )ความเสี่ยงต่ำ ใช้ เซลล์ที่มาจากร่างการของผู้ป่วยเองที่ความเสี่ยงไม่สูง และ/หรือดัดแปลงเล็กน้อย ซึ่งต้องให้คณะกรรมการที่ได้รับการรับรองประเมินแผน และไม่ต้องขึ้นทะเบียน เพราะถือว่าเป็นผลิตภัณฑ์เวชศาสตร์ฟื้นฟู (regenerative medical product)
  • สหรัฐฯ  FDA ถ้า ผลิตภัณฑ์จากเซลล์หรือเนื้อเยื่อมนุษย์ (HCT/P)  เป็น minimal manipulation (ถูกจัดการโดยไม่เปลี่ยนคุณสมบัติ)  และ Homologous use (ใช้ทำหน้าที่เดิม) และเข้าเงื่อนไข 21 CFR 1271.10(a)  จะควบคุมภายใต้ Section 361 คือ ไม่ต้องขึ้นทะเบียนเป็นยาหรือชีววัตถุขั้นสูง
  • ยุโรป   EU/EMA  ผลิตภัณฑ์ที่ไม่เข้าเกณฑ์ ATMP ไม่ได้มีการดัดแปลงมาก ( substantial manipulation) และใช้ตรงตามหน้าที่เดิม อาจอยู่ภายใต้กฎหมายเซลล์/เนื้อเยื่อทั่วไป ไม่ต้องขออนุญาตการวางขายเต็มรูปแบบ   

 

ประเทศไทย มีแนวคิดที่เสนอ คือ

  • ไม่ถือว่ากลุ่มนี้เป็น “ยา” แต่เป็น หัตถการ/บริการทางการแพทย์ ภายใต้ พ.ร.บ.สถานพยาบาล  มาตรฐานบริการเซลล์ทางการแพทย์ของ สบส. และ GTP/GCTP ของ อย.

 

 

Medium Risk – Class 2 (ความเสี่ยงปานกลาง)

 

Autologous use (Not gene-edited cells) คือ ใช้เซลล์ของผู้ป่วยเองโดยไม่มีการตัดต่อหรือดัดแปลงยีน

 

เกณฑ์หลัก

  • ใช้เซลล์จากผู้ป่วยเอง (autologous)
  • ผ่านกระบวนการ more-than-minimal manipulation เช่น ขยายจำนวน, เปลี่ยน phenotype ด้วย growth factor, co-culture ฯลฯ
  • ไม่ดัดแปลงจีโนม (ไม่ gene-edited)
  • อาจมีการใช้ในลักษณะ non-homologous คือ ไม่ตรงกับหน้าที่เดิมของเซลล์ เช่น MSCs จากไขกระดูกใช้รักษาข้อเข่าเสื่อม

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์

  • MSC culture/expansion จากไขกระดูกหรือไขมันของผู้ป่วยเองเพื่อนำกลับไปใช้รักษาข้อเข่าเสื่อม/โรคอื่น
  • Dendritic cell vaccine จาก monocyte ของผู้ป่วยเองที่นำมาคัดแยก/เพาะเลี้ยง/โหลดแอนติเจน
  • NK cell expansion/activation จากเลือดผู้ป่วยเองเพื่อรักษามะเร็ง (ไม่มีการตัดต่อยีน)

 

กรอบกฎหมาย

  • ญี่ปุ่น  ASRM Class 2 เทคโนโลยีเสี่ยงปานกลาง เช่น การใช้เซลล์ของผู้ป่วยเองที่มีการประมวลผลมากกว่าเล็กน้อย ต้องส่งแผนให้คณะกรรมการผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ฟื้นฟูรับรอง (Certified Special Committee for Regenerative Medicine ) และรายงานต่อกระทรวงสาธารณสุขของญี่ปุ่น แต่ยังไม่ใช่ “ผลิตภัณฑ์เชิงพาณิชย์” ไม่อยู่ภายใต้กฎหมายยา  ซึ่งต้องยื่นทำการศึกษาทางคลินิกกับมนุษย์ และต้อขออนุมัติอย่างเป็นทางการก่อนวางจำหน่าย
  • EU/US ส่วนใหญ่จัดเป็นยา/ชีววัตถุขั้นสูง ถ้าจะทำการตลาด ต้องขึ้นทะเบียน  แต่มีช่องทาง Hospital exemption คือ โรงพยาบาลผลิตและใช้การรักษานั้นเอง ภายใต้ความรับผิดชอบของแพทย์และใช้กับผู้ป่วยรายบุคคล ไม่ใช้เชิงพาณิชย์ ไม่โฆษณา และไม่ขายทั่วไป

 

ประเทศไทย

  • กลุ่มนี้จะต้องอยู่ภายใต้ GMP (หรือ GTP+GMP) คือมีการประเมินความปลอดภัย คุณภาพ และประสิทธิผล  มีการแจ้ง/อนุญาตบางรูปแบบกับ อย. และสามารถใช้ในลักษณะ “เฉพาะรายในสถานพยาบาล” ก่อนการขึ้นทะเบียนเต็ม  หมายถึง ต้องผ่านการรับรองคุณภาพและการกำกับของรัฐและใช้กับโรงพยาบาลบางรายได้แต่ยังขายไม่ได้เป็นวงกว้าง หากจะวางขายต้องขึ้นทะเบียนเป็น ‘ยา’ ซึ่งต้องผ่านขั้นตอนแบบครบ

 

 

 

 High Risk – Class 1 (ความเสี่ยงสูง)

 

Allogeneic use / Gene-edited (Autologous or Allogeneic) คือ การใช้เซลล์ที่มาจากผู้อื่น หรือใช้ทั้งของผู้ป่วยเองหรือผู้อื่นแต่มีการตัดต่อหรือดัดแปลงพันธุกรรม

 

เกณฑ์หลัก

  • ใช้เซลล์จากผู้อื่น (allogeneic)
  • ใช้เซลล์ที่ผ่านการตัดต่อหรือดัดแปลงพันธุกรรม ( gene editing / genetic modification ทั้ง autologous & allogeneic)
  • ใช้เทคโนโลยีซับซ้อน เช่น viral vector, genome editing, tissue engineering ซ้อนวัสดุ ฯลฯ

 

ตัวอย่างผลิตภัณฑ์

  • CAR-T cells และ gene-modified T/NK cells
  • Allogeneic MSC products ที่ขยายจำนวนเพื่อใช้กับผู้ป่วยหลายราย
  • Embryonic stem cell-derived products หรือ iPSC-derived tissue
  • Tissue-engineered products ร่วมกับ scaffolds / 3D-printed structures

 

 

กรอบกฎหมาย

  • ญี่ปุ่น  ASRM Class 1 เทคโนโลยีเสี่ยงสูง เช่น pluripotent stem cells, allogeneic, gene transfer, in vivo gene therapy  ต้องผ่านการประเมินเข้มโดย Certified Special Committee และ กระทรวงสาธารณสุขญี่ปุ่นโดยตรง   
  • ญี่ปุ่น PMD Act  ถ้าจะทำเชิงพาณิชย์ ต้องขึ้นทะเบียนยาเต็มตัว แต่สามารถใช้ conditional/time-limited approval เพื่อเร่งเข้าสู่ตลาดได้ในบางกรณี
  • EU จัดเป็น ATMP ที่ต้องได้รับการอนุญาตอย่างเป็นทางการจากรัฐก่อนการวางขายและใช้กับผู้ป่วย( marketing authorisation) รวมถึง gene therapy, somatic cell therapy, tissue-engineered products
  • US จัดเป็นยา/ชีววัตถุขั้นสูง ต้องผ่านการวิจัยและกระบวนการควบคุมเต็มรูปแบบ

 

 

ประเทศไทย

  • ผลิตภัณฑ์กลุ่มนี้ต้องผ่านมาตรฐาน GMP เต็มรูปแบบ คือ IND/EC, Clinical trials phase 1–3, Product approval ก่อนที่จะวางขายเหมือนเส้นทางยาเต็มรูปแบบ

 

 

ทั้งนี้  เภสัชกรมรกต ยังเปิดเผยว่าปัจจุบันการวิจัยและการพัฒนาในประเทศไทยเกี่ยวกับ ATMP ดำเนินอยู่ในสภาบันการศึกษาชั้นนำ อย่าง จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, คณะแพทยศาสตร์ รามาธิบดี, คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล, มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, มหาวิทยาลัยขอนแก่น เป็นต้น

 

และภายใต้การรับรู้ของ อ.ย. มีการศึกษาวิจัยทางคลินิกอยู่ทั้งสิ้น 4 การศึกษาวิจัย

 

ส่วนความสามารถในการผลิต หมายถึง สถานที่ผลิตยาที่ได้รับอนุญาตให้ผลิตยา ATMP มีอยู่ทั้งหมด 11 แห่งในประเทศไทย ขณะที่ผ่านการรับรอง GMP สำหรับวิจัยแล้ว 2 แห่ง

 

นอกจากนี้ ยังได้ขึ้นทะเบียนยานำเข้าผลิตภัณฑ์ยีนบำบัดรักษามะเร็งแล้ว 1 รายการ และในอีกไม่เกิน 1 ปีข้างหน้าน่าจะมีการขึ้นทะเบียนผลิตภัณฑ์ยีนบำบัดซึ่งเป็นสัญชาติไทยอีก 1 รายการ.

 

เจาะรายละเอียด อย.ปลดล็อก ยา ‘ATMP’ ตามความเสี่ยง 3 ระดับ!

 

ข่าวล่าสุด

จากดราม่า ‘น้องหมากินข้าวร่วมโต๊ะในร้าน’ สู่การส่องกฎหมาย Pet Friendly ของ ‘เกาหลีใต้’