posttoday

ชลน่าน กังวล ขั้วรัฐบาลเดิม เสนอ นายกฯแข่ง ชี้ ประธานสภาฯ ได้ข้อสรุปก่อน4ก.ค.

27 มิถุนายน 2566

ชลน่าน กังวล ขั้วรัฐบาลเดิม ผนึกสว. เสนอชื่อ นายกรัฐมนตรี แข่ง ดักคอ ขอให้ละอาย ยังไม่ขอพูด แผนสำรอง หากก้าวไกล พลาดหวังตั้งรัฐบาล ย้ำ 8พรรคเดินหน้าตั้งรัฐบาลประชาชน หนุน พิธา เป็นนายกฯ ชี้ตำแหน่งประธานสภาฯ ได้ข้อสรุปก่อนวันโหวต 4ก.ค.แน่นอน

นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวถึงกระแสข่าวมีความพยายามเสนอชื่อนายกรัฐมนตรีจากขั้วรัฐบาลเดิม โดยใช้เสียงส.ส. รวมกับ ส.ว. เป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยว่า มีความเป็นไปได้ และมีสิทธิ์ที่จะทำ โอกาสที่จะได้นายกรัฐมนตรีเป็นไปได้สูงมาก เพราะมีเสียงส.ส. 188 เสียง กับเสียง 250 ส.ว.เท่ากับเกิน 376 เสียง ซึ่งเป็นข้อกังวลของพรรค แต่มั่นใจคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ ในการโหวตแรกๆ น่าจะมีความละอายไม่เสนอชื่อเสียงข้างน้อยมาแข่ง

เมื่อถามว่า หากเกิดเหตุการณ์เช่นนั้นจะรับมืออย่างไร นพ.ชลน่านกล่าวว่า เรามีหน้าที่รับมือให้เหตุการณ์นั้นไม่ให้เกิด และจะทำอย่างไรให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยไม่เกิด 

การที่ ส.ว. ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนไม่สนับสนุนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น หัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า คนตัดสินที่สำคัญที่สุดคือประชาชน ต้องมีส่วนร่วมรับรู้ และขับเคลื่อนเรื่องนี้ ซึ่งเหตุผลเดียวที่เขาจะมีรัฐบางเสียงข้างน้อย คือ เขาเป็นนายกรัฐมนตรีเพื่อยุบสภา สกัดกั้นไม่ให้ฝ่ายประชาธิปไตยเป็นรัฐบาล แต่เป็นนายกรัฐมนตรีที่บริหารประเทศไม่ได้ ถ้าเอาวัตถุประสงค์นั้นมาเป็นตัวกำหนด ต้องถามประชาชนว่าเอาหรือไม่ รับได้หรือไม่

เมื่อถามว่า การตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย จะไปเชื่อมโยงกับกระแสทุ่มเงิน 6 พันล้านบาทจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ นพ.ชลน่าน กล่าวว่า ทุกคนมีสิทธิ์สร้างกระแส ส่วนจะจริงหรือไม่นั้น ต้องไปพิสูจน์ 

นพ.ชลน่านกล่าวว่า 8 พรรคการเมืองที่ร่วมจัดตั้งรัฐบาลมีหน้าที่ประสานกับ ส.ว. โดยเฉพาะพรรคก้าวไกลที่เป็นแกนหลัก ต้องประสานเสียง ส.ว. ให้ได้ 376 เสียงขึ้นไป ซึ่งฟังจากพรรคก้าวไกลแล้วยังมั่นใจ 8 พรรค จับมือกันมั่นเพื่อให้เกิดรัฐบาลประชาชน จะพยายามทำให้ถึงที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ ถ้ามันไม่เกิดขึ้นมาต้องตอบมีคำตอบให้ประชาชนว่าเพราะอะไร เพื่อหาวิธีการ ช่องทางในการตัดสินอนาคตของประเทศ

หากพรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลไม่ได้ 8 พรรคร่วมจะทำอย่างไรต่อก็มาว่ากันทีหลัง ยังไม่อยากพูดถึงตรงนั้น พรรคก้าวไกลก็คงมีแผนสำรองอยู่แล้ว ในฐานะ 8 พรรคร่วม คงไม่สามารถพูดได้ว่ามีแผนสำรอง มีเพียงแผนหลัก คือ ทำอย่างไรให้พรรคก้าวไกลจัดตั้งรัฐบาลได้สำเร็จ และให้นายพิธา เป็นนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 เท่านั้น 

เมื่อถามว่า พรรคเพื่อไทยจะสามารถรวมเสียงได้ 376 หรือไม่  หากพรรคก้าวไกลทำไม่สำเร็จ นายแพทย์ชลน่าน กล่าวว่า ตนเองพยายามจะไม่ตอบคำถามนี้มาตลอด ซึ่งไม่สามารถตอบได้ เพราะจะไปเป็นเงื่อนไขว่า เตรียมแย่งชิงจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งยังมุ่งมั่นแนวทางที่หนึ่งให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ คือ สนับสนุนพรรคก้างไกลอย่างสุดแรง ขอเอาตรงนี้ก่อน ไม่มีแผนสอง แผนสาม ในนามพรรคเพื่อไทยคิดแบบนั้นไม่ได้

นพ.ชลน่านยังกล่าวถึง ตำแหน่งประธานสภาผู้แทนราษฎรว่า อยู่ที่คณะเจรจา 2 พรรค เพื่อไทยและก้าวไกลหารือกัน หากทีมเจรจาได้ข้อยุติจบแล้ว มานำเสนอต่อที่ประชุมพรรค อาจไม่ต้องมีมติก็ได้ เพราะทุกคนพึงพอใจในข้อยุตินั้น เพราะข้อเสนอสมาชิกส่วนหนึ่งมีความต้องการอยากให้เพื่อไทยเป็นประธานฯ คณะทำงานก็มีข้อเสนออีกมุม ทั้งสองมุมมาพิจารณาร่วมกันแล้วคุยกับก้าวไกล ว่าจะมีทางออกอย่างไร เพื่อไม่ให้เกิดเรื่องการใช้มติ

ทุกอย่างต้องจบได้ข้อยุติก่อนวันที่ 4 กรกฎาคม วันโหวตประธานสภาฯ มั่นใจว่าจบด้วยดี แม้การเจรจายังไม่สิ้นสุด ขอฟังคู่เจรจาพรรคก้าวไกล จะคุยแบบพรรคร่วมที่จะยังคงจับมือกันไป แยกกันไม่ได้ไม่มีทางแยกกันได้ พรรคเพื่อไทยถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชน เป็นรัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน ในมุมมองเพื่อไทย มั่นใจว่าจะไม่เกิดการจัดตั้งรัฐบาลข้ามขั้ว