posttoday

'เฉลิม'มาแล้วซัดคนพูดประธานสภาฯสังกัดพรรคโง่ไม่รู้การเมือง

22 มิถุนายน 2566

เฉลิม อยู่บำรุง ซัดคนพูดประธานสภาต้องสังกัดพรรคโง่ไม่รู้การเมือง ชี้ผู้นำฝ่ายนิติบัญญัติแม้มีพรรษาน้อยก็เป็นได้แต่ต้องเก่ง รับส่วนตัวอยากเป็นรัฐมนตรี แต่ไม่เอาเก้าอี้รมช.กลาโหม ส่วนนายกคนที่30 ไม่กลัวทัวร์ลงยันไม่เคยเห็น"พิธา"ดีกว่าคนของเพื่อไทย

ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย เดินทางเข้ารายงานตัวที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร หลังกกต.ประกาศรับรองผลการเลือกตั้ง66  

ร.ต.อ.เฉลิม ขอบคุณพรรคเพื่อไทยและประชาชนที่สนับสนุนให้ได้เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ น้ำใจไมตรีครั้งนี้ ทำให้เห็นว่า เผด็จการผ่านไป ประชาธิปไตยกลับมา ขอพูดตรงๆว่า สภาเป็นสิ่งศักดิ์สิทธิ์ เป็น ส.ส.มา 40 ปี เข้าสภามากี่ครั้งก็ตื่นเต้นทุกครั้ง เป็นคนที่รักสภา ชอบอภิปราย จนนายกฯในอดีตตั้งให้เป็นดาวสภา 
 

การเมืองทุกวันนี้มันแปลก บางคนบอกว่า คนรุ่นเก่าเหมือนยางหมดอายุ ต้องให้คนรุ่นใหม่ขึ้นมา แต่ย้อนถามกลับว่า หากคนรุ่นเก่ายังมีสติปัญญา มีความรู้ดีกว่าคนรุ่นใหม่ แล้วจะเอาคนรุ่นเก่าไปไว้ที่ไหน มันต้องผสมผสานกัน อย่าดูแคลนกัน ทุกคนมีจิตสำนึก มีความรักบ้านเมืองเหมือนกัน ไม่ใช่พรรคใดพรรคหนึ่งรักบ้านเมืองมากกว่ากัน แสดงความเห็นอะไรก็ไม่ได้ ทัวร์ลง นี่ไม่ใช่ลักษณะของการเมือง เพราะการเมืองว่ากันด้วยวิสัยทัศน์ ให้ดูจากการทำงานในสภา 

ยกตัวอย่างกรณีตำแหน่งประธานสภาฯ ที่ยังเป็นปัญหาระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกล มองว่า มีคณะกรรมการจาก 8 พรรคการเมือง ที่จะได้ปรึกษาหารือกัน เพื่อเลือกคนที่มีความเหมาะสม แต่ 8 คนนี้ไม่มีสิทธิ์ไปตัดสินใจ เพราะเป็นแค่ตัวแทน เมื่อได้ข้อตกลงต้องกลับมาที่พรรคของตัวเอง เพื่อสอบถามความเห็นสมาชิกพรรคว่า เห็นด้วยหรือไม่ไม่ใช่ว่า ไปกัน 7-8 คนแล้วตกลงทำ MOU ขอตำแหน่งประธานสภาฯ เพื่อผลักดันกฎหมายของตัวเอง ทำไม่ได้ ประธานสภาฯต้องเป็นกลางเป็นประธานสภาฯของทุกพรรคการเมืองในรัฐสภา 

ร.ต.อ.เฉลิม ย้ำว่า ขอให้ตัวแทนแต่ละพรรคไปหารือกันเป็นการภายในของพรรคก่อนอย่าเพิ่งไปวิพากษ์วิจารณ์หรือถกเถียงกัน ทั้งนี้ หากตำแหน่งประธานสภาฯเป็นของพรรคก้าวไกล ยืนยันว่า ตนเองต้องทำตามมมติพรรค ไม่ว่าจะมีมติอย่างไรก็ต้องทำตาม จะขัดมติพรรคไม่ได้ แต่ท้ายที่สุดก็ต้องโหวตในสภาอยู่ดี แต่ก็ต้องทำการบ้านมาจากพรรคว่ามีความเห็นหรือมีมติอย่างไร 

ส่วนเงื่อนไขของประธานสภาฯจะทำให้การตั้งรัฐบาลยากขึ้นหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า ไม่มีรัฐบาลไหนตั้งง่าย ตั้งยากทุกรัฐบาล นี่เพิ่งเริ่มต้น ยังรายงานตัวไม่ครบ ยังมีอีกหลายตำแหน่งต้องพิจารณา ขอให้ทุกฝ่ายใจเย็น คนหนุ่มก็ใจร้อน คนอายุมาก เขาก็คิดเป็น ส่วนกรณีที่จะมีการเสนอชื่อ นายสุชาติ ตันเจริญ ชิงตำแหน่งประธานสภาฯนั้น ยอมรับว่า ยังไม่กล้าพูด เพราะเป็นเรื่องใหม่ หากพูดก็จะกลายเป็นรู้มากไป ขอให้เป็นการประชุมในพรรคก่อน 

ส่วนนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ยืนยันว่า ไม่เคยแสดงความคิดเห็นเพราะอยู่คนละพรรคกันและขอพูดแบบไม่กลัวทัวร์ลงว่า จะเห็นคนอื่นดีกว่าคนของพรรคเพื่อไทยได้อย่างไร หากเห็นนายพิธาดีกว่าคนของพรรคเพื่อไทย ตนเองก็ไม่ใช่"เฉลิม อยู่บำรุง" 

ส่วนคนที่จะมาเป็นประธานสภาฯ หากมีอายุน้อย จะมีปัญหากับการบริหารงานในสภาฯหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า ไม่เป็นอุปสรรค อยู่ที่ความชำนาญและความมั่นคง ต้องทำตัวเป็นกลาง ไม่ใช่มาจากพรรค ก.ไก่ อะไรก็เอาแต่พรรคตัวเอง เมื่อเป็นประธานสภาฯก็ต้องเป็นประธานของสภา ถ้าเก่งทำได้ ก็ไม่มีปัญหา ยกตัวอย่างเช่น การบวชพระ เมื่อบวชพระพรรษาแรกไม่สามารถเป็นพระอุปัชฌาย์ได้ แต่เป็นประธานสภาฯไม่มีกำหนด พรรษาน้อย ถ้าเก่งก็เป็นได้

อย่าไปใช้คำพูดว่าประธานสภาฯต้องเป็นพรรคของใคร คนพูดไม่รู้เรื่อง ไม่รู้การเมือง เลอะเทอะทำให้คนสับสน ถามว่า คุณเสนอกฎหมายคนเดียว ผ่านได้หรือไม่ ก็ไม่ได้ ดังนั้น ที่พูดมามันโง่ เห็นไหม เข้ามาก็เปิดศึกแล้ว บางพรรคให้สัมภาษณ์ออกข่าวว่าคะแนนนิยมดี ก็พูดไป ไม่มีใครเถียง เฉลิมมาแล้ว อะไรไม่ถูกต้อง ไม่มีปราณี ต้องโต้แย้ง

ร.ต.อ.เฉลิม ยังย้ำว่า ปัญหานี้ไม่มีอะไรเลย หากพรรคเพื่อไทยตกลงไม่ส่งคนลงแข่งขันพรรคไหนส่งและสมาชิกเลือกก็ได้เป็นหากเพื่อไทยส่งแล้วคนในสภาเลือก คนของเพื่อไทยก็ได้เป็นเมื่อถึงตอนโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีเป็นคนของพรรคเดิมอีก ก็ได้ทั้งสองตำแหน่ง 

ส่วนการออกมาแสดงความคิดเห็นครั้งนี้ กลัวว่าจะเกิดความขัดแย้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับพรรคก้าวไกลหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า พรรคขัดแย้งหรือไม่ไม่รู้แต่ส่วนตัวไม่ขัดแย้งกับใครถึงจะขัดแย้งก็ไม่ใส่ใจ เพราะถือว่าเป็นผู้แทนราษฎรคนหนึ่งจะพกความโง่มาให้สัมภาษณ์ได้อย่างไร 

ส่วนการกลับมารอบนี้ จะเจอกับการอภิปรายของสิงห์ฝั่งธนอย่างไร ร.ต.อ.เฉลิม  กล่าวว่า จะอภิปรายด้วยความสร้างสรรค์ ไม่ใช่อภิปรายแบบเลอะๆเทอะๆ หรือเอาแต่ประท้วง นักข่าวเก่าๆก็เห็นไม่ประท้วง เอาเป็นว่า ไม่เหงาก็แล้วกัน 

ส่วนจะกลับมาทวงบัลลังก์ดาวสภาฯหรือไม่นั้น ร.ต.อ.เฉลิม กล่าวว่า เรากำหนดตัวเองไม่ได้ ถ้ามาแล้ว ถูกตาต้องใจ จะยกตำแหน่งให้ล๊อตสุดท้าย อย่านะอย่าช้า ก็รีบยกให้มา ตนก็ชอบเหมือนกัน

เมื่อถามถึงตำแหน่งรัฐมนตรีที่มีชื่อของร.ต.อ.เฉลิม ยอมรับว่า ใครๆก็อยากเป็นรัฐมนตรี แต่ตนเองเคยเป็นมาหมดแล้ว ถ้าจะให้เป็นอีกก็ยินดี ส่วนตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยกลาโหมไม่รับ

ทั้งนี้ภายหลังให้สัมภาษณ์ร.ต.อ.เฉลิมได้แนะนำให้สื่อมวลชนรู้จักกับนายอาชวิน อยู่บำรุง หรือกาโม่ ลูกชายของนายวัน อยู่บำรุง อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย ว่า นี่เป็นคนรุ่นใหม่ จะมาช่วยงาน

ซึ่งนายอาชวิน ก็ยอมรับว่า จะมาเป็นผู้ช่วยให้กับคุณปู่ ส่วนจะลงเล่นการเมืองหรือไม่ เป็นเรื่องของอนาคต

เมื่อถามว่าจะปั้นให้เป็นนักการเมืองรุ่นต่อไปเลยหรือไม่ ร.ต.อ.เฉลิม ระบุว่า แล้วแต่เขา ขอดูความชอบก่อน