posttoday

'ชัชชาติ'แถลงผลงาน1ปีผู้ว่าฯกทม. ให้คะแนน5เต็ม10 

13 มิถุนายน 2566

ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯกทม. แถลงผลงานครบ1ปี ดำเนินนโยบายตามที่หาเสียงแล้ว 211 เรื่อง จาก226นโยบาย รับเศรษฐกิจเมืองทำได้ไม่ดีต้องเร่งขับเคลื่อน กางแผนปีที่2 เน้นทำงานเชิงรุกมากขึ้น ขอข้าราชการถ้าทำงานเจอปัญหาให้รีบแก้ไขไม่รีบทำเท่ากับโกงเวลาประชาชน

ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (เสาชิงช้า) ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม. แถลงผลงาน “365 วัน ทำงาน ทำงาน ทำงาน” ตามนโยบาย 9 ด้าน 9 ดี เนื่องในวาระครบรอบ 1 ปีการทำงาน ตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งผู้ว่าฯ กทม. เมื่อวันที่ 1 มิ.ย. 2565 ระบุว่า 5 แนวคิดหลักในการขับเคลื่อนงาน กทม. ตั้งแต่ปีแรก และในอีก 3 ปีข้างหน้าว่า มุ่งเน้นที่ 1. ผลักดันโครงการขนาดใหญ่ (เมกะโปรเจ็กต์) เชื่อมโยงกับการพัฒนาเส้นเลือดฝอย 2.เปลี่ยนวิธีคิดในการทำงานของข้าราชการกทม.โดยยึดประชาชนเป็นที่ตั้ง 3.เพิ่มประสิทธิภาพในการทำงานโดยใช้เทคโนโลยีและข้อมูล 4.สร้างความโปร่งใสในการทำงาน เริ่มต้นตั้งแต่แนวคิดของผู้บริหาร 5.แสวงหาความร่วมมือกับทุกภาคส่วนในการพัฒนาเมือง

“ขณะนี้ กทม. เริ่มดำเนินการไปแล้ว 211 นโยบาย จากทั้งหมด 226 นโยบาย มีที่ยังไม่ดำเนินการ 11 นโยบาย เพราะรอการประสานงานกับหน่วยงานอื่น เช่น การกระตุ้นเศรษฐกิจเมือง ผลักดันให้เมืองกลายเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจของภูมิภาค ขณะที่ 4 นโยบายได้ยุติการดำเนินการไป เช่น การทำห้องให้นมบุตร หรือห้องสมุดเคลื่อนที่ตามชุนชน เพราะวิถีชีวิตของคนเปลี่ยนไป ซึ่งประชาชนสามารถเข้าไปติดตามความคืบหน้าของทุกนโยบาย กทม. ได้ที่เว็บไซต์ http://openpolicy.bangkok.go.th “ นายชัชชาติ กล่าว

นายชัชชาติ ย้ำว่า หลักการทำงานในปีแรกจะเป็นปีของการนำนโยบายมาทำ Sandbox หรือต้นแบบ เช่น ในมิติการศึกษาหรือสาธารณสุข เพราะหากนำนโยบายใหม่ไปปฏิบัติกับกรุงเทพทั้งหมด เมื่อเกิดข้อผิดพลาดขึ้น ความเสียหายก็จะรุนแรง เราจึงเริ่มต้นจากการทำต้นแบบเล็กๆ นำแนวคิดนโยบายมาทดสอบก่อน และเมื่อประสบความสำเร็จ ในปีถัดๆไป จะเป็นการต่อยอดและขยายผลนโยบายไปสู่การปฏิบัติในวงกว้างมากขึ้น

โดยในรายละเอียดของการดำเนินนโยบายในแต่ละด้านที่โดดเด่น 9ด้าน9ดี คือ

“ปลอดภัยดี” — กทม.แก้ปัญหาไฟฟ้าดับ/ติดตั้งกล้องป้องกันอาชญากรรมเพิ่ม และปรับปรุงระบบการขอภาพจากกล้องวงจรปิดให้สามารถขอได้ภายใน 24 ชั่วโมง

“โปร่งใสดี” — การรายงานปัญหาโดยประชาชนผ่าน Traffy Fondue จากทั้งหมด 3 แสนกว่าเรื่อง กทม.แก้ไปแล้วกว่า 2.1 แสนเรื่อง พร้อมส่งต่ออีกกว่า 6 หมื่นเรื่องให้หน่วยงานอื่นช่วยเข้ามาดูแล เพราะปัญหาทุจริตคอร์รัปชันไม่ใช่แค่เรื่องของเงิน แต่ยังรวมถึงเวลา หากเราแก้ปัญหาให้ประชาชนล่าช้า มันก็เหมือนเราทุจริตเวลาพวกเขาด้วย 

“เศรษฐกิจดี” — จัดระบบสอบรับคนพิการเข้าเป็นข้าราชการ กทม. โดยตรง ซึ่งถือเป็นครั้งแรกของหน่วยงานรัฐ / ร่วมมือกับธนาคารกรุงไทย ออกสินเชื่อเพื่อช่วยเหลือผู้ค้าหาบเร่แผงลอยที่มีอยู่ราว 2 หมื่นรายทั่วกทม. รวมถึงปรับสัดส่วนคณะกรรมการหาบเร่ฯ ให้มีส่วนร่วมจากผู้ค้า ประชาชน และนักวิชาการมากขึ้น

“เดินทางดี” - ปรับปรุงทางเท้า 221.47 กม. เป็นคอนกรีตเสริมเหล็กด้านล่างให้แข็งแรงขึ้น สร้างมาตรฐานทางเท้าใหม่  ลอกท่อ 7,115.4 กม.  ลอกคลองและเปิดทางน้ำไหลรวม 2,948 กม. ซึ่งประชาชนหลายคนสะท้อนมาว่า ฝนตกแล้ว น้ำลงเร็ว 

“สิ่งแวดล้อมดี” /สุขภาพดี” /สังคมดี” /เรียนดี” มีการปรับค่าอาหารกลางวันเด็กจาก 20 เป็น 32 บาท จ้างงานพนักงานธุรการกว่า 300 คนเพื่อช่วยลดภาระงานครูในโรงเรียน แจกผ้าอนามัยฟรี 3.8 แสนชิ้น ให้เด็กกว่า 2.3 หมื่นคน ติดตั้งคอมพิวเตอร์ 2.1 หมื่นเครื่อง ใน 437 โรงเรียน

“บริหารจัดการดี” โดยมีจัดสรรงบฯ ปี 2566 กว่า 5,024 ล้านบาทเพื่อพัฒนาเส้นเลือดฝอย ยกเลิกข้อบัญญัติที่ล้าสมัยเกี่ยวกับการควบคุมอาคาร 11 ฉบับ ทำประกันอุบัติเหตุให้พนักงานกวาดถนนกว่า 9 พันคน ดำเนินการประเมินที่ดินในกทม.แล้ว 99.42% เพื่อจัดเก็บภาษี ทดสอบทำงบฯฐานศูนย์ในปี 2567 เริ่มต้นที่ 1,000 ล้านบาท 

นายชัชชาติ ยังบอกอีกว่า ที่มีประชาชนต่อว่า ที่เราไม่มีโครงการขนาดใหญ่เลย จึงขอชี้แจงว่าโครงการขนาดใหญ่ไม่ได้ทำได้ภายใน 1 ปี หลายโครงการทำต่อมาตั้งแต่สมัยของ ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์  บริพัตร และ พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง อดีตผู้ว่ากทม. ซึ่งไม่เคยเคลมว่าเป็นผลงาน "ชัชชาติ" เช่น โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำจากบึงหนองบอน โครงการก่อสร้างอุโมงค์ระบายน้ำคลองเปรมประชากร คลองบางบัวสู่แม่น้ำเจ้าพระยา โครงก่อสร้างทางยกระดับอ่อนนุช-ลาดกระบัง พร้อมศึกษาความเป็นไปได้รถไฟฟ้าสายสีเขียวส่วนต่อขยายบางหว้า-ตลิ่งชันรถไฟฟ้า รถไฟฟ้าสายสีเงิน และสายสีเทา

ทั้งนี้ สัดส่วนรายรับของ กทม.ในปี 2566 แบ่งเป็นรายได้ที่รัฐเก็บให้ 65,000 ล้านบาท รายได้ที่ กทม.จัดเก็บจากภาษีที่ดินและสิ่งปลูกสร้างอีก 14,000 ล้านบาท เมื่อเทียบกับรายจ่าย กทม.มีรายจ่ายที่ประจำพื้นฐาน ประมาณ 46,847 ล้านบาท รายจ่ายผูกพัน 14,010 ล้านบาท โครงการงบลงทุนนโยบายผู้บริหาร 18,555 ล้านบาท หรือคิดเป็น 23% ทั้งนี้ยังได้ชี้แจงภาะหนี้สิ้นของ กทม.ที่เกี่ยวข้องกับโครงการรถไฟฟ้าสายสีเขียว แบ่งเป็น หนี้ค่าติดตั้งระบบการเดินรถ (E&M) 19,000 ล้านบาท หนี้ค่าเดินรถและซ่อมบำรุง (O&M) 42,400 ล้านบาท และหนี้โครงสร้างพื้นฐาน 50,000 ล้านบาท ทั้งที่ กทม.มีเงินสะสมปลอดภาระผูกพันเพียง 49,837 ล้านบาท ดังนั้นแนวทางการดำเนินโครงการในอนาคตต้องระวัง และทำอย่างรอบคอบ 

นายชัชชาติ ยังบอกภายหลังแถลงข่าวถึงการประเมินการทำงานตัวเองที่ผ่านมาแล้ว 1 ปี ว่า “ถ้าให้คะแนนเต็ม 10 ให้ 5 คะแนน เพราะยังมีอีก 11 นโยบายที่ยังไม่ได้ทำ ทั้งเรื่องเศรษฐกิจและระบบการจราจร ส่วนการทำงานกับข้าราชการ อาจจะมีปัญหาทั้งสองฝั่ง ซึ่งข้าราชการอาจมองว่าเราทำงานเร็วไป และมีกระบวนการต่างๆ ที่ต้องทำอย่างรอบคอบ โดยจากนี้จะนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วย ทลายกำแพงการทำงานร่วมกับข้าราชการ จะมีการเปิดเผยข้อมูล ใช้ระบบออนไลน์เข้ามาช่วย เช่น ทราฟฟี่ฟองดูว์ ที่มาช่วยแก้ไขปัญหาประชาชน ยืนยันว่าอีก 3 ปีที่เหลือ จะทำงานได้เกินเป้าตามที่รับปากประชาชนไว้แน่นอน”

นายชัชชาติ ยังบอกอีกว่า ปีแรกผ่านไปการทำงานที่ดูเหมือนพยายามแก้ปัญหา แต่ก็เป็นเชิงรับมากกว่า  คือการฟัง ประชาชนร้องเรียน แจ้งปัญหา แล้วให้ เจ้าหน้าที่ก็ลงไปแก้ปัญหา แต่ปีสอง ผู้ว่าฯชัชชาติ บอกว่า ทุกคนต้องทำงานเชิงรุกให้มากกว่านี้ พร้อมฝากข้าราชการ เจ้าหน้าที่ ผู้บริหารเขต สำนักต่างๆ อย่ารอฟังแต่ปัญหาประชาชน แต่ขอให้เจ้าหน้าที่ ผู้บริหาร ลุยลงพื้นที่ไปหาปัญหาเอง และ แก้ปัญหาที่พบ โดยที่ไม่ต้องรอให้ประชาชนร้องเรียนอย่างเดียว

“ถ้าเจอปัญหาขอให้รีบแก้ไข เพราะถ้าเจอแล้วไม่รีบแก้ เท่ากับ เอาเวลาราชการ  ไปโกงเวลาประชาชน ยิ่งปล่อยปัญหาเนิ่นนาน ยิ่งกินเวลา เท่ากับโกงเวลานานมากขึ้นด้วย”

พร้อมยืนยันว่า ยินดีรับฟังทุกอย่าง และพร้อมนำไปปรับปรุง และยอมรับว่า เรื่องที่ยากที่สุด คือการแก้ทุจริตคอรัปชั่น หากไม่มีความโปร่งใส ประชาชนไม่ไว้ใจ สุดท้ายก็ไม่มีแนวร่วม  

"ผมว่าข้าราชการลูกจ้างส่วนใหญ่เป็นคนดี ควรที่จะต้องส่งเสริมโดยเริ่มจากฝ่ายบริหาร ที่ผ่านมาคนแจ้งข้อมูลเรื่องทุจริตมาเยอะ หากเอาจริงเอาจังอาจจะเป็นสิ่งหนึ่งที่ทำให้เรามีเงินเหลือทำเรื่องอื่น ผมบอกเสมอว่า Traffy Fondue ที่ประชาชนแจ้งมา 300,000 กว่าเรื่องไม่ได้สะท้อนว่าเราอ่อนแอ แต่แสดงว่าประชาชนไว้ใจเรา มีค่ามากกว่างบประมาณ"

นายชัชชาติ ยังกล่าวถึงกรณีที่ประชาชนวิพากษ์วิจารณ์ถามหาถึงผลงานของตนเองว่า  จากนี้อาจจะต้องประชาสัมพันธ์ให้มากขึ้น แต่ใจจริงอยากให้ประชาชนรู้สึกด้วยตนเองว่าชีวิตดีขึ้นจากการบริหารของเรา จากงานที่เราทำ หากประชาสัมพันธ์ให้ตายแล้วประชาชนไม่รู้สึกว่าชีวิตดีขึ้นก็ไม่มีความหมาย สำคัญคือ "ทำงานให้หนัก ลงพื้นที่"  หากทำดีจริง  ประชาชนจะรับรู้ได้เอง โดยไม่ต้องประชาสัมพันธ์

เมื่อถามว่า คิดอย่างไรกับคำวิพากษ์วิจารณ์ที่ระบุว่า ‘1 ปีชัชชาติ ใหญ่ๆไม่ เล็กๆทำ’ ชัชชาติ กล่าวว่า ก็ถูกต้อง เพราะปัญหาของ กทม.เป็นเรื่องเล็กที่ไม่มีใครเคยสนใจ เงินงบประมาณเขี่ยไม่เคยลง แต่เราทำเรื่องเล็กๆที่ตอบโจทย์ประชาชน ถามว่าเรื่องใหญ่ทำหรือไม่ โครงการใหญ่ก็เดินหน้าตลอด ไม่มีหยุด แต่อาจจะไม่มีใครเห็นอย่างการทำอุโมงค์ก็อยู่ใต้ดิน อย่างที่บอกก็ต้องทำคู่ขนานไป ก็ดีใจที่คนบอกว่าทำเรื่องเล็ก เพราะนั่นคือนโยบายที่หาเสียงมาตั้งแต่ต้น ถ้าตนเข้ามาแล้วไม่ทำเรื่องเล็ก ก็ถือว่าโกหกประชาชนแล้ว เพราะเราพูดเรื่องเส้นเลือดฝอยตั้งแต่วันแรก แต่ก็ต้องทำคู่ขนานทั้งเรื่องใหญ่และเรื่องเล็ก ก็ยินดีน้อมรับทุกคำติ