posttoday

"จุรินทร์" ชี้ไม่ควรยุบสภาฯก่อนอภิปราย นักการเมืองต้องพร้อมถูกตรวจสอบ

30 มกราคม 2566

"จุรินทร์" ไม่เห็นด้วย ยุบสภาก่อนอภิปราย ชี้นักการเมืองในระบบรัฐสภาฯต้องตรวจสอบได้ แนะต้องเผชิญหน้า ยืนอยู่บนความจริง เชื่อประชาธิปัตย์ตอบได้ทุกคำถาม

นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์  รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชน ภายหลังร่วมเป็นสักขีพยาน ลงนาม MOU การซื้อ-ขายสินค้าเกษตร ระหว่างผู้ประกอบการกับเกษตรกร ตามนโยายขับเคลื่อน "พังงาครัวอันดามัน" ที่สหกรณ์การเกษตรตะกั่วป่า จ.พังงา ต่อการที่มีหลายฝ่ายเรียกร้องว่า เมื่อมีกฎหมายลูก 2 ฉบับ บังคับใช้แล้ว ก็น่าจะถึงเวลาจัดให้มีการเลือกตั้งได้แล้วว่า 

 

ยังไงก็ยุบสภาหลัง 23 มี.ค. ไม่ได้ ถ้าจะยุบก็ต้องยุบก่อน จะยุบวันไหน จะมีหรือไม่ อันนี้นายกรัฐมนตรีจะต้องเป็นผู้ให้คำตอบ แต่ผมคิดว่า ควรจะให้การเปิดอภิปรายตามมาตรา 152 ได้ผ่านไปก่อน เพราะผมไม่อยากเห็นการยุบสภาเกิดขึ้นก่อนการพิจารณาญัตติอภิปรายทั่วไปโดยไม่ลงมติ ไม่เช่นนั้นมันจะกลายเป็นการทำให้เกิดข้อครหาขึ้นโดยไม่จำเป็น ว่ารัฐบาลกลัวการอภิปราย ผมคิดว่า เราต้องสู้ครับ เผชิญหน้ากับมัน แล้วก็ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วง ประชาธิปัตย์สนับสนุนให้เราเดินหน้าเข้าสู่การอภิปราย มาตรา 152 เพราะเราเป็นนักการเมืองในวิถีประชาธิปไตย ประชาธิปัตย์ก็เป็นพรรคการเมืองในวิถีประชาธิปไตย เพราะเราเป็นสถาบันทางการเมือง ฉะนั้นในทุกเวทีโดยเฉพาะอย่างยิ่งในรัฐสภาเราก็ไม่กลัวอะไร เพราะเรายืนอยู่บนความจริง และเรามั่นใจว่าเราทำสิ่งที่ดีให้กับบ้านเมือง ไม่ว่าจะมีคำถามอะไรเราตอบได้หมดทุกคำถาม ทุกสถานการณ์

 

และยังเพิ่มเติมในส่วนกระทรวงที่พรรคประชาธิปัตย์ดูแลว่า รัฐมนตรีของพรรคทุกคนก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร พร้อมที่จะชี้แจงทุกคน และสนับสนุนให้มีการอภิปราย เรื่องนี้ก็มีทั้ง 2 ด้าน ซึ่งไม่ได้แปลว่าคนอภิปรายจะได้คะแนน หรือทำในสิ่งที่เป็นบวกได้เสมอไป บางครั้งคนชี้แจง หรือคนที่ถูกอภิปรายอาจจะบวกกว่าก็ได้ ถ้าเรายืนหยัดในสิ่งที่ถูกต้อง และสามารถชี้แจงได้ว่าเราทำในสิ่งที่เป็นผลดีกับบ้านเมือง

 

สำหรับเรื่องความพร้อมของสนามเลือกตั้งปักษ์ใต้หลังจากมีการเปิดตัวผู้สมัครจังหวัดภูเก็ตวานนี้ ซึ่งมีพี่น้องประชาชนเข้าร่วมงานเป็นเรือนหมื่นนั้น นายจุรินทร์กล่าวว่า ตอนนี้มีความพร้อมทุกจังหวัดแล้ว โดยเฉพาะใน 14 จังหวัดภาคใต้ เมื่อวานได้เปิดตัวที่จังหวัดภูเก็ตไปครบทั้ง 3 เขต ที่พังงาก็มีตัวผู้สมัครชัดเจนแล้ว ทุกจังหวัดครบหมดแล้วและจะเปิดตัวพร้อมกันที่ภาคใต้จังหวัดนครศรีธรรมราช ในวันที่ 11 และ 12 ก.พ. นี้ ส่วนนโยบายก็พร้อมแล้ว ตัวบุคคลก็พร้อมทั้งเขตและบัญชีรายชื่อ 

 

ผู้สื่อข่าวถามว่า การเลือกตั้งครั้งนี้มีความแตกต่างจากการเลือกตั้ง ปี 62 อย่างไรนั้น หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์กล่าวว่า สถานการณ์การเมืองเปลี่ยนไป ในปี 62 นั้นเหมือนการเมืองไทยอยู่ในจุดที่ต้องถูกบังคับเลือกข้างโดยปริยาย เอาทักษิณ กับไม่เอาทักษิณ เอาพล.อ.ประยุทธ์ กับไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ 
 

 

วันนี้มันเปลี่ยนไปแล้ว การเมืองกลับเข้าสู่ระบบรัฐสภาที่ควรจะเป็น นั่นก็คือมีการแข่งขันกันระหว่างพรรคการเมืองต่างๆ ที่ลงสมัครรับเลือกตั้ง และโดยระบบรัฐสภาก็มีความชัดเจนในตัวของมัน คือผลการเลือกตั้ง หลังจากประชาชนลงคะแนนเสร็จแล้ว พรรคไหนรวมเสียงข้างมากได้ พรรคการเมืองนั้น หรือเสียงข้างนั้นก็จะไปเป็นรัฐบาล ส่วนเสียงข้างน้อย ก็จะไปเป็นฝ่ายค้านในการควบคุมการบริหารราชการแผ่นดินของรัฐบาล มันมีของมันชัดเจนอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นการเมืองมันเปลี่ยนไป ผมคิดว่าวันนี้กับเมื่อวานไม่เหมือนกันแล้ว

 

พร้อมกับระบุถึงความแตกต่างและจุดแข็งของพรรคประชาธิปัตย์ คือความเป็นสถาบันทางการเมืองที่ยั่งยืน ถ้าประชาชนมอบความไว้วางใจให้แล้ว ก็มั่นใจได้ว่าประชาธิปัตย์ยังอยู่ และพร้อมรับผิดชอบต่อสิ่งที่จะเกิดขึ้นในวันข้างหน้า รวมถึงการมีความรับผิดชอบย้อนไปตั้งแต่อดีต ปัจจุบัน ไปจนถึงอนาคต 

 

ประชาธิปัตย์เป็นพรรคการเมืองที่อยู่อย่างมั่นคงมาอย่างยั่งยืน ต่อเนื่อง และจะยืนอยู่ต่อไปในอนาคต แต่สำหรับพรรคการเมืองที่เหลือนั้น บางพรรคก็กำลังพัฒนาตัวเองขึ้นไปสู่ความเป็นสถาบันทางการเมืองก็มี ไม่ใช่ว่าจะไม่มี แต่พรรคที่เพิ่งเริ่มต้นนับหนึ่ง เพื่อมาสนับสนุนตัวบุคคลเป็นการเฉพาะก็มี เหมือนในอดีต บางยุคมีพรรคการเมืองตั้งขึ้นมาเป็นของจอมพลนั่น จอมพลนี่ แล้วสุดท้ายก็อยู่ไม่ได้ แต่เราก็ไม่ได้ไปปรามาสว่าพรรคที่ตั้งขึ้นมาใหม่เดี๋ยวนี้เขาจะอยู่ไม่ได้ เพราะพรรคการเมืองก็มีหลากหลายกลุ่มที่จะให้ประชาชนสามารถใช้ดุลยพินิจในการเลือก ถ้าเราเลือกพรรคเฉพาะกิจ เราก็จะได้อนาคตเฉพาะกิจ ซึ่งมันก็เป็นตรรกะทั่วไปที่ผมคิดว่าประชาชนก็สามารถที่จะทราบได้