ห่วงประวัติศาสตร์ซ้ำรอยหรือห่วงคนรุ่นเก่ามีสารตกค้างขยะประวัติศาสตร์
กรณีกลุ่มแนวร่วมกลุ่มธรรมศาสตร์และการชุมนุม ประกาศจัดการชุมนุม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ในวันที่ 19 ก.ย. ทำให้เกิดกระแสวิพากษ์วิจารณ์กันกระหึ่มทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย
ทั้งนี้โดยเฉพาะ นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี อดีตรองนายกรัฐมนตรี และแกนนำพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์เฟซบุ๊ก ระบุว่า ผมเป็นห่วงครับ ขออย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก โดยยกบทเรียน 6 ตุลาคม 19 เหตุใด"ดร.ป๋วย"ไม่อนุญาตม็อบใช้พื้นที่ มธ.ชุมนุม แต่ผู้นำนักศึกษาไม่ยอมจึงเกิดความรุนแรงขึ้น
ในขณะที่ นายสุธรรม แสงประทุม อดีตรมว.ทบวงมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็น เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) แกนนำชุมนุมในเหตุการณ์ 6ตุลาคม 2519 ได้โพสต์เพซบุ๊ก ตอบโต้นายไตรรงค์ ทันทีว่า ผมไม่ได้เป็นห่วงคนรุ่นใหม่เพราะตระหนักดีว่าเขาศึกษาเหตุการณ์จากการศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจริงและดูแล้วเขาเข้าใจเหตุการณ์ 6 ตุลา 19ดีเห็นถึงสาเหตุของปัญหาตามหลักกาลามสูตรเป็นห่วงแต่คนรุ่นดร.ไตรรงค์และคนรุ่นผมทีมีสารตกค้างของขยะประวัติศาสตร์อยู่เต็มสมองและคงพกพาหลงเหลือไปถึงภพหน้า(ถ้ามี)
สำหรับรายละเอียดเนื้อหาของ นายไตรรงค์ และนายสุธรรม มีรายละเอียดดังนี้
นายไตรรงค์ ระบุว่า ผมเป็นห่วงครับ ขออย่าให้ประวัติศาสตร์ซ้ำรอยอีก
เดือนตุลาคมปี พ.ศ. 2519 เมื่อ จอมพลถนอม กิตติขจร บวชสามเณรกลับเข้ามาอยู่ในประเทศไทยหลังจากที่ถูกให้ออกไป อยู่นอกประเทศเพื่อให้เกิดความสงบภายในประเทศ ศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย (ศนท.) นำโดย นายสุธรรม แสงประทุม เลขาธิการศูนย์ฯ ได้นัดกรรมการศูนย์ฯ ซึ่งมีตัวแทนนักศึกษาจากทุกมหาวิทยาลัยมาประชุมกัน ณ ที่ทำการของสโมสรนักศึกษามหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โดยประกาศล่วงหน้าว่าเพื่อขอมติจากกรรมการศูนย์ฯ เพื่อประกาศชุมนุมอย่างยืดเยื้อจนกว่า สามเณร ถนอมจะออกไปนอกประเทศ โดยกำหนดจะใช้สนามฟุตบอลของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสถานที่ชุมนุม
ดร.ป๋วย อึ้งภากรณ์ อธิการบดีในขณะนั้น เรียกผมเข้าพบ ขอให้ไปเจรจากับนายสุธรรมว่า ดร. ป๋วย ไม่เห็นด้วย และไม่อนุญาตให้ใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นที่ชุมนุม เพราะจะเกิดอันตรายทั้งกับผู้ที่มาชุมนุมและชื่อเสียงของมหาวิทยาลัย
ผมได้ไปเจรจากับคุณสุธรรม ซึ่งคุณสุธรรม ก็ให้เกียรติออกจากที่ประชุมมาพบกับผมนอกห้องประชุม หลังจากผมได้แจ้งให้คุณสุธรรมทราบถึงจุดยืนของ ดร.ป๋วย แล้ว คุณสุธรรม ได้ฝากผมให้ไปบอก ดร.ป๋วยว่า "พวกผมเป็นลูกของประชาชน จะไม่มีอันตรายใด ๆ เกิดขึ้นเพราะประชาชนจะเป็นประตูแดงกำแพงเหล็กคุ้มครองพวกผม อย่าไปกลัวอะไรให้มากเกินไป"
หลังจากพูดเสร็จ คุณสุธรรมก็กลับเข้าไปประชุมกับคณะกรรมการต่ออีกประมาณ 30 นาที ก็มีการเลิกประชุม แล้วคุณสุธรรมออกมาประกาศต่อสื่อ มวลชนว่าคณะกรรมการ มีมติเป็นเอกฉันท์ให้ชุมนุมอย่างยืดเยื้อโดยใช้มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์เป็นสถานที่จัดชุมนุม
ผมกลับไปพบ ดร. ป๋วย และรายงานให้ท่านฟังว่าอะไรเกิดขึ้น ดร. ป่วยบอกผมว่า "มันต้องมีเรื่องร้ายแรงเกิดขึ้นอย่างแน่นอน ผมไม่ขอรับผิดชอบและผมจะขอลาออกจากการเป็นอธิการบดี" ซึ่งท่านก็ลาออกจริงๆ และเหตุร้ายก็เกิดขึ้นจริง ๆ
ที่ผมเล่าให้ฟังนี้ เพราะผมเป็นห่วงจริง ๆ
ด้าน นายสุธรรม ระบุว่า ผมได้อ่านข้อความในเฟสบุ๊คของ ดร.ไตรรงค์ สุวรรณคีรี ด้วยความเคารพแต่จำเป็นต้องชี้แจงแสดงความเห็นเพื่อความเข้าใจในความถูกต้องเป็นจริงของเหตุการณ์ ผมไม่ได้เป็นห่วงคนรุ่นใหม่เพราะตระหนักดีว่าเขาศึกษาเหตุการณ์จากการศึกษาค้นคว้าหาข้อเท็จจริงและดูแล้วเขาเข้าใจเหตุการณ์ 6 ตุลา 19ดีเห็นถึงสาเหตุของปัญหาตามหลักกาลามสูตรเป็นห่วงแต่คนรุ่นดร.ไตรรงค์และคนรุ่นผมทีมีสารตกค้างของขยะประวัติศาสตร์อยู่เต็มสมองและคงพกพาหลงเหลือไปถึงภพหน้า(ถ้ามี)
การชุมนุมของนักศึกษาประชาชนในเหตุการณ์วันที่6ตุลา19เป็นการชุมนุมอย่างสงบสันติตามสิทธิในรัฐธรรมนูญและได้ขออนุญาตและได้รับอนุมัติจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้นคือ ม.ร.ว.เสนีย์ ปราโมช
เหตุการณ์ในวันนั้นจะไม่มีความรุนแรงเกิดขึ้นเลยถ้าไม่มีคนสร้างสถานการณ์ใช้ความรุนแรงก่อกวนคุกคามจนกลายเป็นการฆ่าหมู่กลางเมืองซึ่งรูปภาพสยดสยองปรากฎไปทั่วโลก
เหตุการณ์ความรุนแรงในวันนั้นจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้าเรามีรัฐบาลที่มีความเข้มแข็งไม่ปล่อยให้จอมพล ถนอม กิตติขจร เดินทางเข้ามาในประเทศ ทั้งๆที่รู้ล่วงหน้าเหตุการณ์ความรุนแรงในวันนั้นจะไม่เกิดขึ้นเลยถ้ารัฐบาลได้บริหารจัดการให้จอมพลถนอมออกนอกประเทศไปตามความต้องการของนักศึกษาประชาชน อยากให้ ดร.ไตรรงค์ไปอ่านบันทึก ของสุรินทร์ มาศดิตถ์ รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในขณะนั้น ที่เขียนถึงพรรคประชาธิปัตย์จะเข้าใจเหตุการณ์เพิ่มขึ้นเป็นอย่างดี
ถ้าจะพูดให้ลึกไปกว่านั้นความรุนแรงที่เกิดขึ้นมาจากความอ่อนด้อยประสิทธิภาพของรัฐบาลที่บริหารประเทศอยู่ซึ่งเป็นพรรคการเมืองใดขอให้ท่านไปค้นคว้าหาดูซึ่งเป็นการเล่นการเมืองหลายหน้าจับปลาหลายมือจนเป็นสาเหตุทำให้ดอกผลการต่อสู้ 14 ตุลา 16 ถูกทำลายไปอย่างย่อยยับซึ่งยังคงเป็นพฤติกรรมที่ดำรงมาอยู่จนถึงทุกวันนี้ไม่อย่างนั้นแล้วความกังวลห่วงใยที่ ดร.ไตรรงค์ มีอยู่จะไม่ต่างอะไรกับเสียงของผู้คนที่ไปตะโกนตามโรงหนังเรื่องอาจารย์ปรีดี พนมยงค์ และเรื่องจำลองพาคนไปตายในเหตุการณ์พฤษภาทมิฬปี35


