ยิ่งกินยิ่งอันตราย! อ.เจษเตือน "สูตรต้มใบยอกับมะตูมแห้ง" รักษาไต
ผศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เตือนอย่าหลงเชื่อ ยิ่งดื่มยิ่งอันตราย "สูตรต้มใบยอกับมะตูมแห้ง" ต้มรักษาโรคไต
ผศ.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ เตือนอย่าหลงเชื่อ ยิ่งดื่มยิ่งอันตราย "สูตรต้มใบยอกับมะตูมแห้ง" ต้มรักษาโรคไต
เมื่อวันที่ 24 เม.ย. รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ คณะวิทยาศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ได้ออกมาให้ความรู้เตือนประชาชน หลังจากที่มีชาวเน็ตจำนวนมากหลงเชื่อสูตรใบยอ-มะตูมแห้งและนำมาต้มรับประทานเพื่อรักษาผู้ป่วยเป็นโรคไต ซึ่งนอกจากไม่ช่วยรักษาแล้วยิ่งทำให้อาการโรคหนักขึ้นอีกด้วย จึงโพสต์เฟซบุ๊กส่วนตัว “Jessada Denduangboripant” เตือนอย่าเชื่อ "สูตรใบยอ-มะตูมแห้ง" ต้มรักษาโรคไต
สูตรสมุนไพรรักษา "โรคไต" ในอินเทอร์เน็ตเท่าที่ดูมา นอกจากจะช่วยรักษาโรคไตไม่ได้ ยังอันตรายขึ้นด้วย อย่างเช่น "สูตรน้ำต้มใบยอกับมะตูมแห้ง รักษาโรคไต" เคยโพสต์เตือนมาหลายครั้งแล้ว แต่ก็ยังมีคนแชร์กันอยู่
โดย “ใบยอ” เป็นพืชที่มีแร่ธาตุฟอสฟอรัสสูงและเป็นแร่ธาตุที่คนเป็นโรคไตต้องระวังให้มาก เท่ากับธาตุโพแทสเซียมและแคลเซียม การดื่มน้ำต้มใบยอจึงไม่สามารถรักษาโรคไตได้ ซ้ำร้ายอาจทำให้อาการโรคหนักขึ้นอีกด้วย สาเหตุเนื่องจากไตจะไม่สามารถขับแร่ธาตุดังกล่าวออกมาได้อย่างปกติ ส่งผลให้เกิดการสะสมตัวของแร่ธาตุในเลือดเพิ่มสูงขึ้น จนสามารถนำไปสู่อาการของโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมา เช่น โรคกระดูกพรุน โรคนิ่วในไต หรือหากร่างกายสะสมในปริมาณมากก็สามารถนำไปสู่อาการไตวายเฉียบพลันได้
ที่สำคัญยังไม่พบรายงานการนำ “ใบยอกับมะตูมแห้ง” มาต้มดื่มเพื่อรักษาอาการไตเสื่อม รวมถึงไม่พบงานวิจัยเกี่ยวข้องกับการรักษาโรคไตของพืชทั้งสองชนิดทั้งในรูปของพืชเดี่ยวและใช้ร่วมกัน ดังนั้นผู้ที่เป็นโรคไตจึงควรหลีกเลี่ยงอาหารที่มีแร่ธาตุฟอสฟอรัส โพแทสเซียมและแคลเซียมสูง รวมทั้งควรดูแลรักษาไตตามข้อปฏิบัติ ดังนี้
1.ดื่มน้ำให้เพียงพอต่อร่างกาย 8-10 แก้ว (ประมาณ 2 ลิตร) ต่อวัน
2.ควรหลีกเลี่ยงอาหารรสจัด โดยเฉพาะรสหวานและเค็ม
3.ป้องกันการกระแทกบริเวณสีข้างเนื่องจากเป็นตำแหน่งของไต
4.ควรตรวจสุขภาพเป็นประจำ
5.งดบุหรี่ เครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของแอลกอฮอล์ และเครื่องดื่มที่มีส่วนประกอบของคาเฟอีน
6.ใช้ยาอย่างระมัดระวัง เนื่องจากยาบางชนิดอาจส่งผลต่อการทำงานของไต


