posttoday

ปิดฉากย้ายพรรค "พลังประชารัฐ" ได้ลุ้น- "เพื่อไทย" ไม่ทรุด

28 พฤศจิกายน 2561

ปิดฉากการย้ายเข้าย้ายออกอย่างเป็นทางการของคนการเมือง หลังฝุ่นตลบก็เป็นที่ชัดเจนว่า "พรรคพลังประชารัฐ" ล้วนดึงดูดอดีตส.ส.จากหลายพรรคไหลเข้าไปรวมกันอย่างมาก

ปิดฉากการย้ายเข้าย้ายออกอย่างเป็นทางการของคนการเมือง หลังฝุ่นตลบก็เป็นที่ชัดเจนว่า "พรรคพลังประชารัฐ" ล้วนดึงดูดอดีตส.ส.จากหลายพรรคไหลเข้าไปรวมกันอย่างมาก

******************************

โดย...ทีมข่าวการเมืองโพสต์ทูเดย์

ปิดฉากการย้ายเข้าย้ายออกอย่างเป็นทางการของบรรดาคนการเมือง ที่เห็นหน้าค่าตากันชัดเจนแล้วว่าใครอยู่พรรคไหนกันบ้าง หลังครบกำหนดเส้นตายวันที่ 26 พ.ย. ที่แต่ละคนจะต้องเลือกและสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรคนั้น ตามเงื่อนไขบนสมมติฐานที่ว่าการเลือกตั้งจะเกิดขึ้นในวันที่ 24 ก.พ. 2562

ฝุ่นที่เคยตลบในช่วงคืนมาหอนเริ่มกลับมาเงียบสงบ แรงดูด การต่อรอง ที่ถาโถมในช่วงที่ผ่านมาจึงคลี่คลายอ่อนกำลังลงไป ท่ามกลางเสียงวิพากษ์วิจารณ์ถึงอนาคตการเมืองที่ส่อเค้าจะก้าวไปสู่บรรยากาศและวังวนเดิมๆ เหมือนที่เคยเป็นมาในอดีต

เป้าใหญ่ที่ถูกจับจ้องเวลานี้หนีไม่พ้นพรรคพลังประชารัฐที่ได้เปรียบทั้งอำนาจรัฐ อำนาจทุน จนดึงดูดให้อดีตสส.จากหลายพรรคไหลเข้ามารวมตัวกันอย่างมาก อันจะมีผลต่อคะแนนเลือกตั้งที่จะได้รับอย่างมีนัยสำคัญในอนาคต

ส่งผลให้ความหวังในการตั้งเป้าจะผลักดัน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีต่ออีกสมัย ดูจะเป็นรูปเป็นร่างและมีความเป็นไปได้มากขึ้น ยิ่งหากมองรวมไปถึงเสียงสนับสนุนจาก 250 สว. เฉพาะกาลที่จะเข้ามาเป็นตัวช่วยมีส่วนร่วมในการเลือกนายกรัฐมนตรีด้วยแล้ว

​ในทางกลับกันเมื่ออดีต สส.ไหลเข้าพรรคพลังประชารัฐ ย่อมทำให้พรรคการเมืองต่างๆ ประสบปัญหาเลือดไหลออกและสร้างความอ่อนแอให้กับฐานเสียงของตัวเอง และต้องหาตัวผู้สมัครใหม่มาลงสนามป้องกันพื้นที่ของตัวเองซึ่งไม่ใช่เรื่องง่ายนัก

พรรคที่ดูจะได้รับผลกระทบหนักที่สุดเวลานี้คือ “ประชาธิปัตย์” เพราะนอกจากจะต้องเสียอดีต สส. 6 คนไปให้กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย (รปช.) ​​ทั้ง จ.สุราษฎร์ธานี 3 คน ได้แก่ สุเทพ เทือกสุบรรณ ธานี เทือกสุบรรณ และเชน เทือกสุบรรณ​ และพื้นที่ จ.นราธิวาส อีก 3 คน ได้แก่ รำรี มามะ เจะอามิง โตะตาหยง และ สุรเชษฐ์ แวอาแซ

ในทางปฏิบัติแล้วการหาตัวผู้สมัครใหม่ของประชาธิปัตย์เพื่อรักษาพื้นที่ภาคใต้ที่ฐานที่มั่นของตัวเองนั่นย่อมไม่ใช่เรื่องยาก แต่ปัญหาที่น่าหนักใจและจะส่งผลต่อจำนวนที่นั่งของประชาธิปัตย์ คือ บรรดาอดีต สส.ภาคกลาง ตะวันออก รวมถึง กทม. ที่ไหลออกไปจำนวนมาก

ในส่วนของตะวันออกซึ่งเป็นพื้นที่ที่มี สส.ของประชาธิปัตย์ย้ายออกมากที่สุด โดยเบื้องต้นมีไหลออกแล้ว ได้แก่ ประมวล เอมเปีย อดีต สส.ชลบุรี ที่ย้ายไปอยู่พรรคภูมิใจไทย ขณะที่ ธวัชชัย อนามพงษ์ อดีต สส.จันทบุรี สรวุฒิ เนื่องจำนงค์ อดีต สส.ชลบุรี พล.ต.ท.พิทักษ์ จารุสมบัติ บุญเลิศ ไพรินทร์ ชัยวัฒน์ เป้าเปี่ยมทรัพย์ อดีต สส.ฉะเชิงเทรา ที่ย้ายไปพรรคพลังประชารัฐ

ส่วนของภาคกลาง ธรรมวิชญ์ โพธิพิพิธ อดีต สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาธิปัตย์ อัฏฐพล โพธิพิพิธ อดีต สส.กาญจนบุรี บุตรชายของกำนัน
เซี๊ยะ-ประชา โพธิพิพิธ อดีต สส.กาญจนบุรี พรรคประชาธิปัตย์ ได้ย้ายไปสวมเสื้อพลังประชารัฐเตรียมลงสนามเลือกตั้ง

ส่วน กทม. มีอดีต สส.ย้ายออก ได้แก่ ​ณัฏฐพล ทีปสุวรรณ ​พุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ และสกลธี ภัททิยกุล ขณะที่ นาถยา แดงบุหงา และ
นันทพร วีรกุลสุนทร เปลี่ยนใจในนาทีสุดท้ายไม่ย้ายออก ส่วน จ.นนทบุรี ได้แก่ ทศพล เพ็งส้ม และ จ.สระบุรี ​ กัลยา รุ่งวิจิตรชัย ได้ย้ายไปอยู่กับพลังประชารัฐ

ส่วนพรรคเพื่อไทยแม้จะมี สส.ไหลออกจำนวนไม่น้อย แต่ส่วนหนึ่งเป็นการไหลไปยังพรรคพันธมิตรที่จะไม่ส่งผลต่อคะแนนรวมในช่วงหลังเลือกตั้งเท่าไรนัก ส่วนที่เป็นปัญหาก็จะมีบางส่วนที่ย้ายไปพลังประชารัฐซึ่งอาจจะส่งผลต่อคะแนนเสียงบ้าง รวม 29 คน

ไล่มาตั้งแต่ภาคเหนือ 7 คน ได้ จ.เชียงใหม่ 1 คน คือ เดชนัฐวิทย์ เตริยาภิรมย์ ลูกชายบุญทรง เตริยาภิรมย์ อดีต รมว.พาณิชย์ จ.กำแพงเพชร 3 คน ได้แก่ ไผ่ ลิกค์ อนันต์ ผลอำนวย ปริญญา ฤกษ์หร่าย จ.เพชรบูรณ์ 4 คน ได้แก่ จักรัตน์ พั้วช่วย วันเพ็ญ พร้อมพัฒน์ สุรศักดิ์ อนรรฆพันธ์ เอี่ยม ทองใจสด

ภาคอีสาน 10 คน ไล่มาตั้งแต่ จ.เลย 3 คน ปรีชา เร่งสมบูรณ์สุข เปล่งมณี เร่งสมบูรณ์สุข วันชัย บุษบา จ.อุบลราชธานี 2 คน สุพล ฟองงาม สุทธิชัย จรูญเนตร จ.นครพนม 1 คน ชูกัน กุลวงษา จ.ชัยภูมิ 1 คน ปาริชาติ ชาลีเครือ จ.นครราชสีมา 2 คน
ทัศนียา รัตนเศรษฐ อธิรัฐ รัตนเศรษฐ จ.หนองคาย 1 คน ว่าที่ ร.ต.พงศ์พันธ์ สุนทรชัย (ภท.)

ส่วนภาคกลาง 9 คน ได้แก่ จ.นครปฐม 4 คน คือ รัฐกร เจนกิจณรงค์ ก่อเกียรติ สิริยะเสถียร อนุชา สะสมทรัพย์ เผดิมชัย สะสมทรัพย์ (ย้ายไป ชทพ.) และ จ.สมุทรสาคร 1 คน บุญชู นิลถนอม (ชทพ.) ส่วนที่ย้ายไป พปชร. ได้แก่ จ.นนทบุรี 1 คน คือ ฉลอง เรี่ยวแรง จ.ลพบุรี 2 คน คือ อำนวย คลังผา พหล วรปัญญา (ภท.) จ.กาญจนบุรี 1 คน คือ พล.อ.สมชาย วิษณุวงศ์ ส่วนภาคตะวันออก 2 คน คือ จ.สระแก้ว 2 คน ได้แก่ ฐานิสร์ เทียนทอง ตรีนุช เทียนทอง และ กทม. 1 คน คือ สุวัจน์ ม่วงศิริ (ภท.)

การไหลออกของ สส.จำนวนนี้ย่อมสะเทือนถึงจำนวนเก้าอี้ สส.ในภาพรวมไม่มากก็น้อย อยู่ที่การวางหาผู้สมัครใหม่มาลงสนามแทนคนที่ออกไป และการปรับกลยุทธ์วางยุทธศาสตร์ในการลงสนาม

ยังไม่รวมไปถึงตัวแปรสำคัญอย่างพรรคภู​มิใจไทยและชาติไทยพัฒนา ที่มีการขยับปรับเปลี่ยนหมุมเวียนของสส.จำนวนไม่น้อย และมีผลต่อผลคะแนนในแต่ละพื้นที่​

แต่ทั้งหมดนี้ก็เป็นเพียงแค่ยกแรกที่จะต้องไปแข่งกันในเชิงนโยบายและการหาเสียงในอนาคตที่หนักหน่วงขึ้นเรื่อยๆ

ข่าวล่าสุด

ยุคทอง YouTube Podcast เดือนเดียวยอดชมบนทีวีพุ่ง 700 ล้านชั่วโมง