posttoday

ภัยเงียบคนกรุง! "ตู้น้ำหยอดเหรียญเถื่อนทั่วเมือง" 90%ไร้การดูแล

03 พฤษภาคม 2561

เปิดผลสำรวจอันน่าตกใจของสิ่งใกล้ตัวอย่าง "ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ" ที่พบว่าตู้น้ำดื่มในหลายชุมชนใหญ่เกือบทั่วกรุงเทพฯ ไร้การดูแลมาตรฐาน เสี่ยงต่อสุขภาพผู้บริโภค

เปิดผลสำรวจอันน่าตกใจของสิ่งใกล้ตัวอย่าง "ตู้น้ำดื่มหยอดเหรียญ" ที่พบว่าตู้น้ำดื่มในหลายชุมชนใหญ่เกือบทั่วกรุงเทพฯ ไร้การดูแลมาตรฐาน เสี่ยงต่อสุขภาพผู้บริโภค

*********************************

โดย…โพสต์ทูเดย์ออนไลน์

“น้ำดื่ม” เป็นปัจจัยหลักในการดำรงชีวิต หากจะให้ควักเงินซื้อทุกวันคงต้องเสียเงินมาก หลายบ้านจึงหาทางออกด้วยการติดตั้งเครื่องกรองน้ำ แต่สำหรับคนที่ยังไม่พร้อม “ตู้น้ำหยอดเหรีญ” จึงเป็นทางเลือกอันดับต้นๆ แต่รู้หรือไม่ตู้น้ำเหล่านั้นล้วนไร้คุณภาพ

ข้อมูลจากการสำรวจของเครือข่ายองค์กรด้านผู้บริโภค พบว่า ตู้น้ำหยอดเหรียญในเขตชุมชุนใหญ่ของกรุงเทพฯ กว่า 90 % ไม่ได้รับการดูแลควบคุมตามมาตรฐาน หรือเรียกได้ว่าเป็น “ตู้น้ำเถื่อน”

มลฤดี โพธิ์อินทร์ นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค แกนนำที่ออกมาเรียกร้องให้ภาครัฐใส่ใจปัญหานี้ เล่าว่าจากการสำรวจมาตรฐานและคุณภาพตู้น้ำ 18 เขต ทั่วกรุงเทพฯเมื่อปี 2558 ตั้งแต่ ศรีนครินทร์ มีนบุรี ลาดกระบัง คันนายาว  ดุสิต ราชเทวี ปทุมวัน สายไหม บางเขน ดอนเมือง คลองเตย ยานนาวา พระโขนง พบว่า 91.76% เป็นตู้น้ำที่ไม่มีการดูแลตามหลักเกณฑ์มาตรฐานข้อบังคับของหน่วยงานท้องถิ่น

โดยหลักเกณฑ์การพิจารณา คือ สำรวจว่ามีใบอนุญาติที่ทางราชการออกให้ติดบริเวณตู้น้ำหรือไม่ ซึ่งเกือบทั้งหมดไม่พบ รวมถึงบริเวณที่ตั้งตู้ผิดจากข้อกำหนด คือ ตั้งบนพื้นดินที่มีฝุ่นละอองมาก บางจุดใกล้กองขยะ หรือบางตู้สภาพเก่าจนขึ้นสนิม ซึ่งถือว่าไม่ถูกสุขลักษณะเรื่องความสะอาด สุดท้ายเมื่อนำอุปกรณ์มาเช็ดบริเวณหัวจ่ายน้ำก็พบคราบตะไคร่หนา

จากการสอบถามเจ้าของตู้น้ำหรือผู้ให้เช่าสถานที่ พบว่าสาเหตุหลักที่ไม่มีการขออนุญาตประกอบกิจการ เพราะการขอขึ้นทะเบียนมีค่าใช้จ่ายสูงถึงปีละ 2 พันบาท และต้องเปลี่ยนไส้กรองทุก 3-6 เดือน จึงทำให้ผู้ประกอบการมองว่าไม่คุ้มทุน จึงยังไม่ยอมไปขึ้นทะเบียน รวมถึงบางตู้ขาดการบำรุงรักษา แต่เหตุผลสำคัญหน่วยงานรัฐผู้ทำหน้าที่ตรวจสอบปล่อยปะละเลย แค่หากพบตู้น้ำเถื่อนก็จะติดกระดาษประกาศเตือนว่า “ตู้น้ำนี้ไม่ผ่านมาตรฐาน” เท่านั้น ซึ่งลมพัดกระดาษก็หลุด

ภัยเงียบคนกรุง! "ตู้น้ำหยอดเหรียญเถื่อนทั่วเมือง" 90%ไร้การดูแล

นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เผยว่าหลังทราบปัญหาเมื่อ 2 ปีก่อนเคยมีการเชิญทุกฝ่ายมาพูดคุย ตั้งแต่ผู้ให้บริการตู้น้ำ , กทม.หน่วยงานท้องถิ่นที่ออกใบอนุญาตประกอบกิจการ ,สํานักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ดูเรื่องการตรวจคุณภาพ ,สำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) กำกับเรื่องการติดฉลากข้อแนะนำ และสำนักงานมาตรฐานผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรม (สมอ.) ที่ควบคุมมาตรฐานตู้น้ำ ในขณะนั้นทุกฝ่ายรับปากจะนำไปปรับปรุงแก้ไข

แต่ผ่านมา 2 ปี เมื่อลงตรวจความคืบหน้า หลายครั้งยังพบว่าปัญหาดังกล่าวไม่เคยได้รับการปรับปรุง ล่าสุดเมื่อวันที่ 30 เม.ย.ที่ผ่านมา เครือข่ายผู้บริโภคจึงรวมตัวไปยื่นหนังสือถึง พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ขอให้เร่งรัดหน่วยงานที่กำกับดูแลลงไปดำเนินการแก้ไขอย่างจริงจัง

นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค เสนอทางแก้ปัญหาเบื้องต้น กทม.ต้องประกาศทันทีให้ผู้ประกอบการตู้น้ำต้องขึ้นทะเบียนทั้งหมด หากตรวจพบว่าไม่มีการขออนุญาต ต้องสั่งระงับการจ่ายน้ำทันที ส่วนทางแก้ระยะยาวต้องออกกฎหมายควบคุมการจดทะเบียนธุรกิจตู้น้ำ พร้อมกับติดตามตรวจสอบมาตรฐานทุกปี

“หากยังนิ่งเฉยและปล่อยอย่างนี้ ผลกระทบจะตกกับสุขภาพผู้บริโภคโดยตรง ทั้งโรคท้องร่วง ท้องเสีย โรคบิด โรคไทรอยด์ ไวรัสตับอักเสบเอ โรคเหล่านี้เป็นภัยเงียบที่เกิดขึ้นกับผู้บริโภคโดยไม่รู้ตัว และหากปล่อยไว้ผลร้ายแรงที่สุดก็คือการเสียชีวิต”

นักวิชาการมูลนิธิเพื่อผู้บริโภค ทิ้งท้ายว่า บทเรียนเรื่องนี้หากหน่วยงานรัฐที่กำกับดูแลปล่อยปะละเลย  ผลเสียก็ตกกับสุขภาพผู้บริโภคโดยตรง ดังนั้นอยากให้หันมาใส่ใจดูแลแก้ไขนี้

 

ข่าวล่าสุด

เสนอพรรคการเมือง 3 ทางออก ‘บุหรี่ไฟฟ้า’ ต้อง 'ห้ามซื้อขาย' เด็ดขาด